คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
จำรูญเนติศาสตร์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 907 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 586-587/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวในคดีวิวาททำร้ายร่างกาย: หลักฐานพยานไม่เพียงพอต่อการลงโทษ
โจทก์ฟ้องจำเลย 4 คน หาว่าวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันจำเลยต่างให้การปฏิเสธ โจทก์มีพยานปาก 1 เบิกความสมข้อต่อสู้ของจำเลยฝ่ายหนึ่งแสดงว่าเป็นการป้องกัน และมีพยานโจทก์อีกปากหนึ่งเบิกความสมข้อต่อสู้ของจำเลย อีกฝ่ายหนึ่งว่าทำโดยป้องกัน ดังนี้คดีลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 586-587/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวิวาททำร้ายร่างกายและการป้องกันตนเอง ทำให้ไม่สามารถลงโทษจำเลยได้
โจทก์ฟ้องจำเลย 4 คน หาว่าวิวาททำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน จำเลยต่างให้การปฏิเสธ โจทก์มีพะยานปาก 1 เบิกความสมข้อต่อสู้ของจำเลย ฝ่ายหนึ่งแสดงว่าเป็นการป้องกัน และมีพะยานโจทก์อีกปากหนึ่งเบิกความสมข้อต่อสู้ของจำเลย อีกฝ่ายหนึ่งว่า ทำโดยป้องกันดังนี้ คดีลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 561/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าที่ดินปลูกตึกและตึกตกเป็นของเจ้าของที่ดินเมื่อครบกำหนด สิทธิในตึกเป็นส่วนควบของที่ดิน ไม่ต้องโอน
เช่าที่ดินปลูกตึกโดยมีข้อสัญญาว่าจะให้ตึกที่ปลูกตกเป็นของเจ้าของที่ดินในภายหน้านั้น เมื่อถึงกำหนดแล้วตึกย่อมตกเป็นของเจ้าของที่ดินตามสัญญาในฐานะเป็นส่วนควบที่ดินหาจำต้องไปทำการโอนไม่(อ้างฎีกาที่ 561/2488)
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่ดินปลูกตึกโดยตกลงให้ตึกตกเป็นของโจทก์ครบกำหนดตามสัญญาแล้วจำเลยไม่ยอมโอนตึกให้เป็นของโจทก์ จึงขอให้ศาลแสดงว่า ตึกตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์และขอให้จำเลยไปทำการโอนให้ดังนี้เป็นเรื่องขอให้ศาลแสดงสิทธิตามสัญญาและบังคับให้จำเลยไปทำการโอนตามสัญญา แม้จำเลยจะต่อสู้ว่าตามสัญญาตึกยังคงเป็นของจำเลย ก็เป็นเรื่องต่อสู้ในทางแปลสัญญา จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ตกอยู่ในอำนาจศาลแขวงตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ต่อศาลแขวง แม้จำเลยจะฟ้องแย้งเรียกจำนวนเงินเกินอำนาจของศาลแขวง ก็ไม่ทำให้คดีเดิมที่โจทก์ฟ้องเสียไปเพราะคดีเดิมโจทก์ฟ้องอยู่ในอำนาจศาลแขวงอยู่แล้ว เมื่อจำเลยนำคดีของตนไปฟ้องแย้งยังศาลแขวง ศาลแขวงก็บังคับให้ตามคำฟ้องแย้งของจำเลยไม่ได้ คงถือว่า ข้อที่จำเลยฟ้องแย้งเป็นแต่เพียงข้อต่อสู้ฟ้องเดิมของโจทก์ข้อหนึ่งเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 561/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าที่ดินปลูกตึกและกรรมสิทธิ์ในตึกตกเป็นของเจ้าของที่เมื่อครบกำหนดสัญญา
เช่าที่ดินปลูกตึกโดยมีข้อสัญญาว่า+ให้ตึกที่ปลูกตกเป็นของเจ้าของที่ดิน+นายหน้านั้น เมื่อถึงกำหนดแล้วตึก+ตกเป็นของเจ้าของที่ดินตามสัญญา+ฐานะเป็นส่วนควบที่ดิน หาจำต้อง+ทำการโอนไม่(อ้างฎีกาที่ 561/2488)
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่ดินปลูกตึก+ตกลงให้ตึกตกเป็นของโจทก์ ครบกำหนดตามสัญญาแล้วจำเลยไม่ยอมโอนตึกให้เป็นของโจทก์ จึงขอให้ศาลแสดงว่า ตึกตกเป็นกรรมสิทธิของโจทก์และขอให้จำเลยไปทำการโอนให้ ดังนี้เป็นเรื่องขอให้ศาลแสดงสิทธิตามสัญญาและบังคับให้จำเลยไปทำการโอนตามสัญญา แม้จำเลยจะต่อสู้ว่าตามสัญญาตึกยังคงเป็นของจำเลย ก็เป็นเรื่องต่อสู้ในทางแปลสัญญา จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ตกอยู่ในอำนาจศาลแขวง ตามพระธรรมนูญศาลยุตติธรรม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ต่อศาลแขวง แม้จำเลยจะฟ้องแย้งเรียกจำนวนเงิน+อำนาจของศาลแขวง ก็ไม่ทำให้คดีเดิมที่โจทก์ฟ้องเสียไป เพราะคดีเดิมโจทก์ต้องอยู่ในอำนาจศาลแขวงอยู่แล้ว เมื่อจำเลยนำคดีของตนไปฟ้องแย้งยังศาลแขวง ๆ จะบังคับให้ตามคำฟ้องแย้งของจำเลยไม่ได้ จึงถือว่า ข้อที่จำเลยฟ้องแย้งเป็นแต่เพียงข้อต่อสู้ฟ้องเดิมของโจทก์ข้อหนึ่งเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 532-533/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขัดขวางเจ้าพนักงานและช่วยเหลือผู้กระทำผิด: การถืออาวุธข่มขู่ตำรวจขณะจับกุม
ถือไม้ตะพดยืนคุมเชิงอยู่ที่ประตูทางเข้าห้องเล่นการพนัน และพูดอ้างอำนาจนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่มาขู่เข็ญตำรวจที่มาทำการจับกุม มิให้ทำการจับกุมผู้เล่นการพนัน ดังนี้เป็นความผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 119
คู่ความฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย คู่ความก็ไม่ได้คัดค้านอย่างใด ดังนี้ ศาลฎีกาต้องถือว่าทั้งสองฝ่ายได้ยอมรับข้อเท็จจริงตามคำวินิจฉัยชี้ขาดของศาลอุทธรณ์เป็นยุติแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 515/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การควบคุมตัวผู้ต้องหาหลังศาลปล่อยชั่วคราว: อำนาจจำกัดเฉพาะการส่งตัวไปฟ้อง
พนักงานสอบสวนหรืออัยการ ไปขอให้ศาลขังจำเลยระหว่างสอบสวนตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 87 จนครบกำหนดและศาลปล่อยตัวจำเลยไปแล้วเช่นนี้ จะมาขอให้ศาลสั่งขังอีกย่อมไม่ได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เมื่อเจ้าพนักงานจับจำเลยใหม่เพื่อฟ้องเป็นคดีจะควบคุมผู้ต้องหาไม่ได้เสียเลย เจ้าพนักงานยังคงควบคุมผู้ต้องหาได้ตามที่จำเป็นตามพฤติการณ์แห่งคดีตามตอนต้นแห่งมาตรา 87 คือเพียงเท่าที่จะนำตัวจำเลยมาส่งศาลโดยแท้เท่านั้น จะควบคุมเพื่อเหตุอื่น เช่นสอบสวนต่อไป หรือรออัยการสั่งฟ้องไม่ได้
อัยการฟ้องขอให้ศาลออกหมายจับจำเลย โดยอ้างว่าจำเลยถูกศาลสั่งขังระหว่างสอบสวนครบกำหนดจนศาลสั่งปล่อยตัวไปแล้วเช่นนี้ไม่ชอบที่ศาลจะรับประทับฟ้องและออกหมายจับให้ เพราะเจ้าพนักงานยังมีอำนาจที่จะดำเนินการเพื่อเอาตัวจำเลยมาส่งศาลพร้อมฟ้องได้ มิฉะนั้นจะเป็นการยืดอายุความอันเป็นผลร้ายแก่จำเลย
(อ้างฎีกาที่ 126/2489)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 515/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาหลังปล่อยตัวระหว่างสอบสวน: ศาลไม่รับฟ้องหากเจ้าพนักงานยังสามารถนำตัวจำเลยมาส่งศาลได้
พนักงานสอบสวนหรืออัยยการขอให้ศาลขังจำเลยระหว่างสอบสวนตาม ป.วิ.อาญามาตรา 87 จนครบกำหนด และศาลปล่อยตัวจำเลยไปแล้วเช่นนี้ จะมาขอให้ศาลสั่งขังอีกย่อมไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เมื่อเจ้าพนักงานจับจำเลยใหม่เพื่อฟ้องเป็นคดี จะควบคุมผู้ต้องหาไม่ได้เสียเลย เจ้าพนักงานยังคงควบคุมผู้ต้องหาได้ตามที่จำเป็นตามพฤตติการณ์แห่งคดีตามตอนต้นแห่ง มาตรา 87 คือเพียงเท่าที่จะนำตัวจำเลยมาส่งศาลโดยแท้เท่านั้น จะควบคุมเพื่อเหตุอื่น เช่นสอบสวนต่อไปหรือรออัยยการสั่งฟ้องไม่ได้
อัยยการฟ้องขอให้ศาลออกหมายจับจำเลยโดยอ้างว่าจำเลยถูกศาลสั่งขังระหว่างสอบสวนครบกำหนดจนศาลสั่งปล่อยตัวไปแล้วเช่นนี้ ไม่ชอบที่ศาลจะรับประทับฟ้องและออกหมายจับให้เพราะเจ้าพนักงานยังมีอำนาจที่จะดำเนินการเพื่อเอาตัวจำเลยมาส่งศาลพร้อมฟ้องได้ มิฉะนั้นจะเป็นการยืดอายุความอันเป็นผลร้ายแก่จำเลย (อ้างฎีกาที่ 126/2489)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 10/2419)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งปริมาณผ้า: การตีความสถานะ 'พ่อค้า' และข้อยกเว้นการแจ้งสำหรับปริมาณน้อย
ฟ้องว่าจำเลยเป็นพ่อค้ามีผ้าไว้โดยไม่แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บตามประกาศคณะกรรมการจังหวัด ซึ่งประกาศให้ผู้มีผ้าเพื่อการค้าตั้งแต่ 1 เมตร และผู้มีไว้ใช้เองตั้งแต่ 80 เมตร ให้แจ้งปริมาณ แต่ฟ้องมิได้กล่าวว่าจำเลยมีไว้เพื่อการค้า และจำเลยมีไม่ถึง 80 เมตรดั่งนี้ ต้องยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งปริมาณผ้า: การพิสูจน์เจตนาเพื่อการค้าและปริมาณที่ต้องแจ้ง
ฟ้องว่าจำเลยเป็นพ่อค้าผ้าไว้โดยไม่แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บ ตามประกาศคณะกรมการจังหวัด ซึ่งประกาศให้ผู้มีผ้าเพื่อการค้าตั้งแต่ 1 เมตร และผู้มีไว้ใช้เองตั้งแต่ 80 เมตร ให้แจ้งปริมาณ แต่ฟ้องมิได้กล่าวว่าจำเลยมีไว้เพื่อการค้า และจำเลยมีไม่ถึง 80 เมตรดั่งนี้ ต้องยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 478/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับใช้กฎหมายควบคุมราคาข้าว: ความชอบธรรมของประกาศราคาจากสองหน่วยงาน (พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคฯ และ พ.ร.บ.การค้าข้าว)
ขายข้าวสารเกินราคากว่าที่คณะกรรมการควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ กำหนดไว้ แม้จะเป็นเวลาที่ พ.ร.บ.การค้าข้าว 2489 ประกาศใช้แล้ว แต่คณะกรรมการตาม พ.ร.บ.การค้าข้าว 2489 ยังหาได้ประกาศกำหนดราคาข้าว ทั้งยังมิได้ยกเลิกราคาข้าวเดิม จึงต้องอาศัยราคาข้าวที่คณะกรรมการตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ กำหนดไว้ เมื่อขายเกินราคาก็ต้องมีผิด
of 91