พบผลลัพธ์ทั้งหมด 907 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 311/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทด้วยถ้อยคำหยาบคายต่อหน้าสาธารณชน
กล่าววาจาว่า ผู้เสียหายต่อหน้าประชาชนว่า ผู้เสียหายซึ่งเป็นนายกเทศมนตรีเป็นสุนักข์ลิง เอาสุนักข์ขึ้นนั่งแท่นหางงอกแล้ว ดังนี้เป็นผิดฐานโฆษณาหมิ่นประมาทตามมาตรา 339 (3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 311/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทด้วยถ้อยคำหยาบคายต่อหน้าประชาชน ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย
กล่าววาจาว่า ผู้เสียหายต่อหน้าประชาชน ว่าผู้เสียหายเป็นนายกเทศมนตรีเป็นสุนัข ลิงเอาสุนัขขึ้นนั่งแท่นหางงอกแล้ว ดังนี้เป็นผิดฐานโฆษณาหมิ่นประมาทตามมาตรา 339(3)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 308/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบแก้ไขเพิ่มเติมข้อความในสัญญาปราณีประนอมยอมความที่ขัดแย้งกับเอกสาร
ทำสัญญาปราณีประนอมกันว่าจะโอนที่ดินบ้านเรือนให้เขา ครั้นเขาฟ้องขอให้บังคับตามสัญญาปราณีประนอมนั้น กลับต่อสู้ว่า สัญญาปราณีประนอมนั้นมีเงื่อนไข และจะขอสืบพยานว่าสัญญานั้นมีเงื่อนไข ซึ่งตัวสัญญาปราณีประนอมยอมความนั้น หามีปรากฏว่ามีเงื่อนไขไว้ไม่ ดังนี้เป็นการนำสืบแก้ไขเพิ่มเติมข้อความในเอกสารต้องห้ามไม่ให้สืบตาม ป.ม.วิ.แพ่ง ม.94
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 308/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบพยานแก้เพิ่มเติมข้อความในสัญญาประนีประนอม ศาลไม่อนุญาตตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ทำสัญญาประนีประนอมกันว่าจะโอนที่ดินบ้านเรือนให้เขาครั้นเขาฟ้องขอให้บังคับตามสัญญาประนีประนอมนั้น กลับต่อสู้ว่า สัญญาประนีประนอมนั้นมีเงื่อนไข และจะขอสืบพยานว่าสัญญานั้นมีเงื่อนไขซึ่งตัวสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น หามีปรากฏว่ามีเงื่อนไขไว้ไม่ ดังนี้ เป็นการนำสืบแก้ไขเพิ่มเติมข้อความในเอกสารต้องห้ามไม่ให้สืบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 307/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินพิพาทโดยผู้ซื้อทราบถึงการครอบครองของผู้อื่น ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย
ซื้อที่มือเปล่าจากผู้ที่อ้างตนว่าเป็นเจ้าของ โดยทราบอยู่แล้วว่า มีผู้ครอบครองอย่างเจ้าของอยู่หลายปีแล้วทั้งเมื่อขอทำสัญญาซื้อขายกันที่อำเภอ ผู้ครอบครองอยู่นั้นก็ได้ร้องคัดค้านไว้อีกแต่อำเภอกลับทำสัญญาซื้อขายให้ไปโดยเข้าใจผิดว่า ผู้ครอบครองไม่ติดใจคัดค้านแล้วนั้นถือว่าผู้ซื้อไม่สุจริต ไม่ได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1300
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 307/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินโดยผู้ซื้อทราบว่ามีผู้ครอบครองอยู่ก่อน ถือเป็นผู้ซื้อไม่สุจริต ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย
ซื้อที่มือเปล่าจากผู้ที่อ้างตนว่าเป็นเจ้าของ โดยทราบอยู่แล้วว่า มีผู้ครอบครองอย่างเจ้าของอยู่หลายปีแล้ว ทั้งเมื่อขอทำสัญญาซื้อขายกันที่อำเภอ ผู้ครอบครองอยู่นั้นก็ได้ร้องคัดค้านไว้อีก แต่อำเภอกลับทำสัญญาซื้อขายให้ไป โดยเข้าใจผิดว่า ผู้ครอบครองไม่ติดใจคัดค้านแล้วนั้น ถือว่า ผู้ซื้อไม่สุจริต ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม ป.พ.พ.มาตรา 1300.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 295/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาโอนที่ดินเพื่อการสมรส: พิจารณาจากสิ่งตอบแทนและประเภทสัญญา
สัญญาให้ตามมาตรา 521 นั้น เป็นสัญญาที่ไม่มีสิ่งตอบแทน.
สัญญาที่ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงทำไว้กับผู้ใหญ่ฝ่ายชายว่า จะยกที่ดินให้แก่คู่สมรสภายใน 5 ปี นับแต่วันสมรส แต่ถ้าคู่สมรสทอดทิ้งไม่อุปการะผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงซึ่งเป็นผู้ให้แล้ว ผู้ให้จะยังไม่โอนที่ดินให้ดั่งนี้ เป็นสัญญาที่มีการตอบแทน จึงไม่เป็นสัญญาให้ตาม ม.521 แต่เป็นสัญญาซึ่งสมัยก่อนเรียกว่าสัญญากองทุนในการสมรส คู่สมรสฟ้องให้บังคับตามสัญญาได้
ในกรณีที่ศาลฎีกาให้ย้อนสำนวนไปพิจารณาพิพากษาใหม่นั้น ศาลสูงสั่งให้รวมสั่งค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ตอนพิพากษาใหม่ได้
สัญญาที่ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงทำไว้กับผู้ใหญ่ฝ่ายชายว่า จะยกที่ดินให้แก่คู่สมรสภายใน 5 ปี นับแต่วันสมรส แต่ถ้าคู่สมรสทอดทิ้งไม่อุปการะผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงซึ่งเป็นผู้ให้แล้ว ผู้ให้จะยังไม่โอนที่ดินให้ดั่งนี้ เป็นสัญญาที่มีการตอบแทน จึงไม่เป็นสัญญาให้ตาม ม.521 แต่เป็นสัญญาซึ่งสมัยก่อนเรียกว่าสัญญากองทุนในการสมรส คู่สมรสฟ้องให้บังคับตามสัญญาได้
ในกรณีที่ศาลฎีกาให้ย้อนสำนวนไปพิจารณาพิพากษาใหม่นั้น ศาลสูงสั่งให้รวมสั่งค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ตอนพิพากษาใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 295/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาโอนที่ดินในกรณีสมรส: สัญญาที่มีสิ่งตอบแทนไม่ใช่สัญญาให้ตาม ม.521 แต่เป็นสัญญากองทุนสมรส
สัญญาให้ตามมาตรา 521 นั้น เป็นสัญญาที่ไม่มีสิ่งตอบแทน
สัญญาที่ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงทำไว้กับผู้ใหญ่ฝ่ายชายว่าจะยกที่ดินให้แก่คู่สมรสภายใน 5 ปี นับแต่วันสมรสแต่ถ้าคู่สมรสทอดทิ้งไม่อุปการะผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงซึ่งเป็นผู้ให้แล้ว ผู้ให้จะยังไม่โอนที่ดินให้ดั่งนี้ เป็นสัญญาที่มีการตอบแทนจึงไม่เป็นสัญญาให้ตาม มาตรา 521 แต่เป็นสัญญาซึ่งสมัยก่อนเรียกว่าสัญญากองทุนในการสมรสคู่สมรสฟ้องให้บังคับตามสัญญาได้
ในกรณีที่ศาลฎีกาให้ย้อนสำนวนไปพิจารณาพิพากษาใหม่นั้นศาลสูงสั่งให้รวมสั่งค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ตอนพิพากษาใหม่ได้
สัญญาที่ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงทำไว้กับผู้ใหญ่ฝ่ายชายว่าจะยกที่ดินให้แก่คู่สมรสภายใน 5 ปี นับแต่วันสมรสแต่ถ้าคู่สมรสทอดทิ้งไม่อุปการะผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงซึ่งเป็นผู้ให้แล้ว ผู้ให้จะยังไม่โอนที่ดินให้ดั่งนี้ เป็นสัญญาที่มีการตอบแทนจึงไม่เป็นสัญญาให้ตาม มาตรา 521 แต่เป็นสัญญาซึ่งสมัยก่อนเรียกว่าสัญญากองทุนในการสมรสคู่สมรสฟ้องให้บังคับตามสัญญาได้
ในกรณีที่ศาลฎีกาให้ย้อนสำนวนไปพิจารณาพิพากษาใหม่นั้นศาลสูงสั่งให้รวมสั่งค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ตอนพิพากษาใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 256/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดจากการบังคับขายทรัพย์สินโดยไม่มีอำนาจ แม้เชื่อโดยสุจจริต ผู้กระทำและผู้รับซื้อต้องรับผิด
การพิจารณาคดีส่วนแพ่งตาม ป.ม.วิ.อาญา ม.46 ให้ศาลถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา ส่วนการชี้ขาดคดีส่วนแพ่ง ศาลต้องดำเนินตามมาตรา 47 กล่าวคือ ดูว่าตามข้อเท็จจริงที่ได้จากคำพิพากษาคดีส่วนอาญานั้น จำเลยต้องรับผิดในทางแพ่งประการใดหรือไม่ ทั้งนี้โดยไม่คำนึงถึงเลยว่าจำเลยผิดในทางอาญา และต้องมีโทษหรือไม่อย่างไร
ปลัดอำเภอบังคับให้ผู้แจ้งปริมาณเสื้อผ้า ขายเสื้อผ้าต่าง ๆ แก่ผู้อื่นโดยราคาถูก แม้จะเชื่อโดยสุจจริตว่า ทำไปโดยมีอำนาจ โดยชอบด้วยกฎหมาย และผู้ซื้อรับซื้อโดยคิดว่าถูกต้องก็ตาม ถ้าปรากฏว่า การกระทำนั้นเป็นการไม่ชอบด้วยกฏหมาย เพราะได้มีประกาศยกเลิกการควบคุมในการนั้นแล้ว ปลัดอำเภอและผู้รับซื้อก็ต้องรับผิดฐานละเมิด
โจทก์กล่าวบรรยายข้อเท็จจริงไว้เป็นตอน ๆ ได้ความชัดว่า จำเลยที่ 1 บังคับให้โจทก์ขายผ้าให้จำเลยที่ 2, 3, 4 ในราคาถูกโดยไม่มีความชอบธรรมที่จะทำได้ตามกฎหมาย เป็นการเพียงพอที่จะให้ค่าสินไหมทดแทนในทางแพ่งแล้ว
ปลัดอำเภอบังคับให้ผู้แจ้งปริมาณเสื้อผ้า ขายเสื้อผ้าต่าง ๆ แก่ผู้อื่นโดยราคาถูก แม้จะเชื่อโดยสุจจริตว่า ทำไปโดยมีอำนาจ โดยชอบด้วยกฎหมาย และผู้ซื้อรับซื้อโดยคิดว่าถูกต้องก็ตาม ถ้าปรากฏว่า การกระทำนั้นเป็นการไม่ชอบด้วยกฏหมาย เพราะได้มีประกาศยกเลิกการควบคุมในการนั้นแล้ว ปลัดอำเภอและผู้รับซื้อก็ต้องรับผิดฐานละเมิด
โจทก์กล่าวบรรยายข้อเท็จจริงไว้เป็นตอน ๆ ได้ความชัดว่า จำเลยที่ 1 บังคับให้โจทก์ขายผ้าให้จำเลยที่ 2, 3, 4 ในราคาถูกโดยไม่มีความชอบธรรมที่จะทำได้ตามกฎหมาย เป็นการเพียงพอที่จะให้ค่าสินไหมทดแทนในทางแพ่งแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 256/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับขายสินค้าโดยไม่มีอำนาจ และความรับผิดฐานละเมิด แม้จะเชื่อโดยสุจริต
การพิจารณาคดีส่วนแพ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 46 ให้ศาลถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาส่วนการชี้ขาดคดีส่วนแพ่ง ศาลต้องดำเนินตามมาตรา 47 กล่าวคือดูว่าตามข้อเท็จจริงที่ได้จากคำพิพากษาคดีส่วนอาญานั้นจำเลยต้องรับผิดในทางแพ่งประการใดหรือไม่ ทั้งนี้โดยไม่คำนึงถึงเลยว่าจำเลยผิดในทางอาญา และต้องมีโทษหรือไม่อย่างไร
ปลัดอำเภอบังคับให้ผู้แจ้งปริมาณเสื้อผ้า ขายเสื้อผ้าต่างๆ แก่ผู้อื่นโดยราคาถูกแม้จะเชื่อโดยสุจริตว่า ทำไปโดยมีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายและผู้ซื้อรับซื้อโดยคิดว่าถูกต้องก็ตามถ้าปรากฏว่าการกระทำนั้นเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะได้มีประกาศยกเลิกการควบคุมในการนั้นแล้ว ปลัดอำเภอและผู้รับซื้อต้องรับผิดฐานละเมิด
โจทก์กล่าวบรรยายข้อเท็จจริงไว้เป็นตอนๆ ได้ความชัดว่าจำเลยที่ 1 บังคับให้โจทก์ขายผ้าให้จำเลยที่ 2,3,4 ในราคาถูกโดยไม่มีความชอบธรรมที่จะทำได้ตามกฎหมายเป็นการเพียงพอที่จะให้ค่าสินไหมทดแทนในทางแพ่งแล้ว
ปลัดอำเภอบังคับให้ผู้แจ้งปริมาณเสื้อผ้า ขายเสื้อผ้าต่างๆ แก่ผู้อื่นโดยราคาถูกแม้จะเชื่อโดยสุจริตว่า ทำไปโดยมีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายและผู้ซื้อรับซื้อโดยคิดว่าถูกต้องก็ตามถ้าปรากฏว่าการกระทำนั้นเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะได้มีประกาศยกเลิกการควบคุมในการนั้นแล้ว ปลัดอำเภอและผู้รับซื้อต้องรับผิดฐานละเมิด
โจทก์กล่าวบรรยายข้อเท็จจริงไว้เป็นตอนๆ ได้ความชัดว่าจำเลยที่ 1 บังคับให้โจทก์ขายผ้าให้จำเลยที่ 2,3,4 ในราคาถูกโดยไม่มีความชอบธรรมที่จะทำได้ตามกฎหมายเป็นการเพียงพอที่จะให้ค่าสินไหมทดแทนในทางแพ่งแล้ว