พบผลลัพธ์ทั้งหมด 907 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 58/2489
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดทางภาษีอากร: การพิสูจน์ความรับผิดของผู้กระทำความผิด
คดีอาญาที่ศาลล่างยกฟ้องในข้อเท็จจริงเสียแล้ว แม้ในชั้นฎีกามีปัญหาในข้อกฎหมาย แต่ไม่มีทางลงโทษโดยทางข้อเท็จจริงเสียแล้ว
ฎีกานั้นก็ไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันควรรับวินิจฉัย
ฎีกานั้นก็ไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันควรรับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 57/2489
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกทำลายทรัพย์สินในที่ดินที่มีข้อพิพาทกรรมสิทธิ์ การกระทำโดยสุจริตต้องพิจารณาจากพฤติการณ์
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์ บุกรุกและทำให้เสียทรัพย์เมื่อศาลไต่สวนมูลฟ้องแล้วประทับฟ้องเฉพาะฐานทำให้เสียทรัพย์และบุกรุกดังนี้ ศาลจะลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ไม่ได้ เพราะเป็นการลงโทษในข้อที่ศาลไม่รับไว้พิจารณา
ในเรื่องบุกรุกนั้นการที่ยังมีการโต้แย้งกรรมสิทธิ์กันอยู่นั้น มิใช่เป็นเหตุแสดงว่ากระทำโดยสุจริต
เข้าไปรื้อเรือนซึ่งมีการโต้เถียงกรรมสิทธิ์กันอยู่และเขาเป็นฝ่ายครอบครองเรือนอยู่นั้นถือว่าเป็นการกระทำโดยบังอาจ ย่อมมีผิดฐานบุกรุกตามมาตรา 328
ในเรื่องต้องหาว่าบุกรุกที่ดินนั้น การที่ยังมีการโต้แย้งกรรมสิทธิ์อยู่นั้นมิใช่เป็นเหตุแสดงความสุจริตของจำเลย
ในเรื่องบุกรุกนั้นการที่ยังมีการโต้แย้งกรรมสิทธิ์กันอยู่นั้น มิใช่เป็นเหตุแสดงว่ากระทำโดยสุจริต
เข้าไปรื้อเรือนซึ่งมีการโต้เถียงกรรมสิทธิ์กันอยู่และเขาเป็นฝ่ายครอบครองเรือนอยู่นั้นถือว่าเป็นการกระทำโดยบังอาจ ย่อมมีผิดฐานบุกรุกตามมาตรา 328
ในเรื่องต้องหาว่าบุกรุกที่ดินนั้น การที่ยังมีการโต้แย้งกรรมสิทธิ์อยู่นั้นมิใช่เป็นเหตุแสดงความสุจริตของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 57/2489 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกทำลายทรัพย์สินในที่ดินพิพาท แม้มีการโต้แย้งกรรมสิทธิ์ ไม่ถือเป็นความสุจริต
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยกระทำผิดฐานลักทรัพย์ บุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ เมื่อศาลไต่สวนมูลฟ้องแล้วประทับฟ้องฉะเพาะฐานทำให้เสียทรัพย์และบุกรุก ดังนี้ ศาลจะลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ไม่ได้ เพราะเป็นการลงโทษในข้อที่ศาลไม่รับไว้พิจารณา
ในเรื่องบุกรุกนั้นการที่ยังมีการโต้แย้งกรรมสิทธิ์กันอยู่นั้น มิใช่เป็นเหตุแสดงว่ากระทำโดยสุจริต
เข้าไปรื้อเรือนซึ่งมีการโต้เถียงกรรมสิทธิกันอยู่และเขาเป็นฝ่ายครอบครองเรือนอยู่นั้นถือว่าเป็นการกระทำโดยบังอาจ ย่อมมีผิดฐานบุกรุกตามมาตรา 328
ในเรื่องต้องหาว่าบุกรุกที่ดินนั้น การที่ยังมีการโต้แย้งกรรมสิทธิ์อยู่นั้นมิใช่เป็นเหตุแสดงความสุจริตของจำเลย
ในเรื่องบุกรุกนั้นการที่ยังมีการโต้แย้งกรรมสิทธิ์กันอยู่นั้น มิใช่เป็นเหตุแสดงว่ากระทำโดยสุจริต
เข้าไปรื้อเรือนซึ่งมีการโต้เถียงกรรมสิทธิกันอยู่และเขาเป็นฝ่ายครอบครองเรือนอยู่นั้นถือว่าเป็นการกระทำโดยบังอาจ ย่อมมีผิดฐานบุกรุกตามมาตรา 328
ในเรื่องต้องหาว่าบุกรุกที่ดินนั้น การที่ยังมีการโต้แย้งกรรมสิทธิ์อยู่นั้นมิใช่เป็นเหตุแสดงความสุจริตของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 56/2489
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่นำสืบตามคำสั่งศาล & การตีความสัญญาซื้อขาย: ข้อโต้แย้งการแก้ไขสัญญาไม่ใช่การแก้ไขเอกสาร
คู่ความโต้แย้งกันในเรื่องกำหนดหน้าที่นำสืบไว้ในรายงานพิจารณาของศาล แต่เมื่อศาลสั่งให้โจทก์นำสืบก่อนแล้ว โจทก์มิได้โต้แย้งคำสั่งศาลประการใดนั้น เป็นคำโต้แย้งระหว่างคู่ความ ไม่ใช่โต้แย้งคำสั่งศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226(2) จะอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้
สัญญาซื้อขายโรงเลื่อยซึ่งมีบัญชีสิ่งของแนบท้ายสัญญาและในตอนท้ายบัญชีมีข้อความว่า 'เครื่องอะไหล่ที่ไม่แจ้งในบัญชีมีเล็กน้อยเมื่อรับโอนแล้วยังมีเหลือเท่าใดผู้ขายจะมอบให้' ดังนี้ การที่จำเลยนำสืบว่าสิ่งของตามที่โจทก์ฟ้องเป็นเครื่องอะไหล่เล็กน้อยตามข้อความในตอนท้ายบัญชีนั้นเป็นเรื่องสืบอธิบายข้อความในสัญญา ไม่ใช่เป็นเรื่องสืบแก้ไขเอกสาร
สัญญาซื้อขายโรงเลื่อยซึ่งมีบัญชีสิ่งของแนบท้ายสัญญาและในตอนท้ายบัญชีมีข้อความว่า 'เครื่องอะไหล่ที่ไม่แจ้งในบัญชีมีเล็กน้อยเมื่อรับโอนแล้วยังมีเหลือเท่าใดผู้ขายจะมอบให้' ดังนี้ การที่จำเลยนำสืบว่าสิ่งของตามที่โจทก์ฟ้องเป็นเครื่องอะไหล่เล็กน้อยตามข้อความในตอนท้ายบัญชีนั้นเป็นเรื่องสืบอธิบายข้อความในสัญญา ไม่ใช่เป็นเรื่องสืบแก้ไขเอกสาร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 56/2489 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่นำสืบตามคำสั่งศาล และการตีความสัญญาซื้อขายโดยการอธิบายข้อความในสัญญา
คู่ความโต้แย้งกันในเรื่องกำหนดหน้าที่นำสืบไว้ในรายงานพิจารณาของศาลแต่เมื่อศาลสั่งให้โจทก์นำสืบก่อนแล้ว โจทก์มิได้โต้แย้งคำสั่งศาลประการใดนั้น เป็นคำโต้แย้งระหว่างคู่ความ ไม่ใช่โต้แย้งคำสั่งศาลตาม ป.ม.วิ.แพ่ง ม.226 (2) จะอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้
สัญญาซื้อขายโรงเลื่อยซึ่งมีบัญชีสิ่งของแนบท้ายสัญญา และในตอนท้ายบัญชีมีข้อความว่า "เครื่องอาหลั่ยที่ไม่แจ้งในบัญชีมีเล็กน้อยเมื่อรับโอนแล้วยังมีเหลือเท่าใดผู้ขายจะมอบให้" ดังนี้การที่จำเลยนำสืบว่า สิ่งของตามที่โจทก์ฟ้องเป็นเครื่องอาหลั่ยเล็กน้อยตามข้อความในตอนท้ายบัญชีนั้น เป็นเรื่องสืบอธิบายข้อความในสัญญา ไม่ใช่เป็นเรื่องสืบแก้ไขเอกสาร
สัญญาซื้อขายโรงเลื่อยซึ่งมีบัญชีสิ่งของแนบท้ายสัญญา และในตอนท้ายบัญชีมีข้อความว่า "เครื่องอาหลั่ยที่ไม่แจ้งในบัญชีมีเล็กน้อยเมื่อรับโอนแล้วยังมีเหลือเท่าใดผู้ขายจะมอบให้" ดังนี้การที่จำเลยนำสืบว่า สิ่งของตามที่โจทก์ฟ้องเป็นเครื่องอาหลั่ยเล็กน้อยตามข้อความในตอนท้ายบัญชีนั้น เป็นเรื่องสืบอธิบายข้อความในสัญญา ไม่ใช่เป็นเรื่องสืบแก้ไขเอกสาร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 53/2489
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญาฐานสมคบกันฆ่า: การระบุตัวผู้สมคบ
ฟ้องโจทก์มีใจความว่าจำเลยที่ 1 เป็นทหารประจำการกับพวกได้บังอาจสมคบกันมีขวดเหล้า ไม้กระบองและกริชเป็นสาตราวุธสมคบกันขว้างตีและแทงทำร้ายร่างกายผู้ตายถึงบาดเจ็บสาหัสและถึงแก่ความตายเพราะพิษบาดแผลที่จำเลยสมคบกันทำร้าย เป็นฟ้องที่อ่านได้ความว่าจำเลยทั้งสามสมคบกันกระทำความผิดฐานฆ่าผู้ตายแล้ว ไม่มีทางให้เข้าใจว่าสมคบกับใครอื่นนอกจากจำเลยในฟ้อง จึงนับว่าเป็นฟ้องที่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 53/2489 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญาฐานสมคบกันฆ่า: การระบุตัวผู้สมคบ
กรณีที่ถือว่าฟ้องระบุเพียงพอว่า จำเลยสมคบกันฆ่าเขาตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 679/2488
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาขายฝากที่เป็นโมฆะ การครอบครองปรปักษ์ไม่อาจได้กรรมสิทธิ
ทำสัญญาขายฝากที่ดินกันเองสัญญานั้นเป็นโมฆะ
ทำสัญญาขายฝากที่ดินกันเองและมอบที่ดินให้ผู้ซื้อครอบครองมาเกิน 10 ปี ผู้รับซื้อฝากก็อ้างอายุความการปกครองปรปักษ์ไม่ได้
ทำสัญญาขายฝากที่ดินกันเองและมอบที่ดินให้ผู้ซื้อครอบครองมาเกิน 10 ปี ผู้รับซื้อฝากก็อ้างอายุความการปกครองปรปักษ์ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 602/2488
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิจำเลยร่วม: ผู้ร้องสอดมีสิทธิจำกัดเท่าจำเลย ไม่สามารถใช้สิทธิเหนือกว่าได้
การที่มีผู้ร้องสอดเข้าเป็นจำเลยร่วมนั้น ผู้ร้องสอดมีสิทธเท่าจำเลยเท่านั้น จะใช้สิทธินอกเหนือไปกว่าจำเลยหาได้ไม่
การที่สามีร้องสอดเข้าเป็นจำเลยร่วมกับภริยา จะปฏิเสธสัญญาที่จำเลยได้ทำไว้กับโจทก์ว่าไม่ได้รู้เห็นยินยอมด้วยตกเป็นโมฆะนั้น ซึ่งภริยาผู้ร้องสอดมิได้ต่อสู้ไว้ เช่นนี้ไม่ได้ ถือว่าเป็นการใช้สิทธิอย่างอื่นนอกไปจากสิทธิที่จำเลยมีอยู่ตามมาตรา 58 วรรค 2
การที่สามีร้องสอดเข้าเป็นจำเลยร่วมกับภริยา จะปฏิเสธสัญญาที่จำเลยได้ทำไว้กับโจทก์ว่าไม่ได้รู้เห็นยินยอมด้วยตกเป็นโมฆะนั้น ซึ่งภริยาผู้ร้องสอดมิได้ต่อสู้ไว้ เช่นนี้ไม่ได้ ถือว่าเป็นการใช้สิทธิอย่างอื่นนอกไปจากสิทธิที่จำเลยมีอยู่ตามมาตรา 58 วรรค 2
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 600/2488
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิภริยาฟ้องเรียกคืนสินเดิม สามีจำหน่ายโดยไม่สุจริต/ไม่ได้รับความยินยอม และผลกระทบต่อบุคคลภายนอก
การที่สามีละทิ้งภริยาไปได้กับหญิงอื่น หาทำให้ขาดจากการเป็นสามีภริยาไม่
สามีเอาสินเดิมของภริยาไปขายโดยไม่ได้รับความยินยอมของภริยานั้น ถ้าผู้ซื้อไม่รู้ว่าเป็นสินเดิมของภริยาก็ได้ทรัพย์เป็นสิทธิ ถ้ารู้ก็เป็นกรณีที่ซื้อโดยไม่สุจริต ภริยาฟ้องเรียกคืนได้
ภริยามีอำนาจฟ้องเรียกสินเดิมซึ่งสามีโอนขายโดยไมได้รับความยินยอมจากตนโดยไม่ต้องรับอนุญาตจากสามี
สามีเอาสินเดิมของภริยาไปขายโดยไม่ได้รับความยินยอมของภริยานั้น ถ้าผู้ซื้อไม่รู้ว่าเป็นสินเดิมของภริยาก็ได้ทรัพย์เป็นสิทธิ ถ้ารู้ก็เป็นกรณีที่ซื้อโดยไม่สุจริต ภริยาฟ้องเรียกคืนได้
ภริยามีอำนาจฟ้องเรียกสินเดิมซึ่งสามีโอนขายโดยไมได้รับความยินยอมจากตนโดยไม่ต้องรับอนุญาตจากสามี