พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,319 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 874/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขาย, การผิดสัญญา, และการเพิกถอนการโอนที่ดิน: ศาลฎีกาวินิจฉัยสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย
ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกันไว้แล้วต่อมาตกลงกันให้ผู้อื่นเป็นผู้ซื้อดังนี้ ถือว่าเลิกสัญญาเดิม และเกิดสัญญาขึ้นใหม่ตามที่ตกลงกันนั้น
ปรากฏว่าเจ้าพนักงานที่ดินไม่ทำการโอนที่ดินให้ อีกฝ่ายหนึ่งยังร้องเรียนต่อไปเพื่อทำการโอน ดังนี้ ยังไม่ถือว่าการชำระหนี้เป็นการพ้นวิสัยอันจะทำให้ลูกหนี้หลุดพ้นตาม มาตรา 219
ในเรื่องฟ้องขอให้บังคับผู้ขายทำการโอนที่ดินและปรากฏว่าผู้ขายโอนให้แก่ผู้อื่นแล้วนั้น ถ้าหากว่าเพิกถอนการโอนนั้นได้ ก็ถือว่าสภาพแห่งหนี้เปิดช่องให้บังคับตาม มาตรา 213 ถ้าเพิกถอนไม่ได้สภาพแห่งหนี้ก็ไม่เปิดช่องให้บังคับตาม มาตรา 213
ตามมาตรา 1336 และรัฐธรรมนูญนั้น เจ้าของย่อมมีสิทธิจำหน่ายทรัพย์สินของตน เว้นแต่จะมีกฎหมายห้าม
เจ้าพนักงานที่ดินไม่มีอำนาจที่จะไม่ยอมทำการโอนที่ดินตามสัญญาซื้อขายในเมื่อเขาร้องขอทำการโอนตามความพอใจของตนนอกจากเป็นการไม่ถูกต้องตาม พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน มาตรา 41(ข)
ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินไว้กับตนแล้วเอาไปโอนขายให้แก่จำเลยที่ 2-3 ดังนี้ไม่ถือว่า เป็นการฟ้องว่าจำเลยโอนกันโดยการฉ้อฉล เป็นเหตุให้โจทก์เสียเปรียบตาม มาตรา 237
ผู้ที่ฟ้องขอให้เพิกถอนตาม มาตรา 1300 จะต้องแสดงว่าตนอยู่ในฐานะอันจะจดทะเบียนสิทธิได้ตามมาตรานี้ เพียงแต่ได้ความว่า ได้ทำสัญญาจะซื้อขายและวางมัดจำไว้ ไม่เรียกว่าอยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้ตาม มาตรา 1300
เอาที่ดินซึ่งทำสัญญาจะซื้อขายให้คนหนึ่งไปโอนให้อีกคนหนึ่งผู้โอนย่อมได้ชื่อว่าผิดสัญญาต่อผู้ซื้อคนแรก ซึ่งจะต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายฐานผิดสัญญา
รับโอนที่ดินซึ่งผู้ขายทำสัญญาจะขายกับเขาไว้แล้ว แล้วผิดสัญญากับเขามาโอนให้แก่ตน ถ้าหากผู้ซื้อคนแรกฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนไม่ได้แล้ว ผู้ซื้อคนหลังไม่ต้องรับผิดในความเสียหายของผู้ซื้อคนแรก
ทำสัญญาขายที่ดินกับเขาไว้แล้วผิดสัญญาไปโอนขายให้ผู้อื่นศาลบังคับให้ผู้ขายใช้ค่าเสียหายได้เท่าจำนวนเงินที่ไปขายได้เงินสูงขึ้น
ปรากฏว่าเจ้าพนักงานที่ดินไม่ทำการโอนที่ดินให้ อีกฝ่ายหนึ่งยังร้องเรียนต่อไปเพื่อทำการโอน ดังนี้ ยังไม่ถือว่าการชำระหนี้เป็นการพ้นวิสัยอันจะทำให้ลูกหนี้หลุดพ้นตาม มาตรา 219
ในเรื่องฟ้องขอให้บังคับผู้ขายทำการโอนที่ดินและปรากฏว่าผู้ขายโอนให้แก่ผู้อื่นแล้วนั้น ถ้าหากว่าเพิกถอนการโอนนั้นได้ ก็ถือว่าสภาพแห่งหนี้เปิดช่องให้บังคับตาม มาตรา 213 ถ้าเพิกถอนไม่ได้สภาพแห่งหนี้ก็ไม่เปิดช่องให้บังคับตาม มาตรา 213
ตามมาตรา 1336 และรัฐธรรมนูญนั้น เจ้าของย่อมมีสิทธิจำหน่ายทรัพย์สินของตน เว้นแต่จะมีกฎหมายห้าม
เจ้าพนักงานที่ดินไม่มีอำนาจที่จะไม่ยอมทำการโอนที่ดินตามสัญญาซื้อขายในเมื่อเขาร้องขอทำการโอนตามความพอใจของตนนอกจากเป็นการไม่ถูกต้องตาม พ.ร.บ.ออกโฉนดที่ดิน มาตรา 41(ข)
ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินไว้กับตนแล้วเอาไปโอนขายให้แก่จำเลยที่ 2-3 ดังนี้ไม่ถือว่า เป็นการฟ้องว่าจำเลยโอนกันโดยการฉ้อฉล เป็นเหตุให้โจทก์เสียเปรียบตาม มาตรา 237
ผู้ที่ฟ้องขอให้เพิกถอนตาม มาตรา 1300 จะต้องแสดงว่าตนอยู่ในฐานะอันจะจดทะเบียนสิทธิได้ตามมาตรานี้ เพียงแต่ได้ความว่า ได้ทำสัญญาจะซื้อขายและวางมัดจำไว้ ไม่เรียกว่าอยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้ตาม มาตรา 1300
เอาที่ดินซึ่งทำสัญญาจะซื้อขายให้คนหนึ่งไปโอนให้อีกคนหนึ่งผู้โอนย่อมได้ชื่อว่าผิดสัญญาต่อผู้ซื้อคนแรก ซึ่งจะต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายฐานผิดสัญญา
รับโอนที่ดินซึ่งผู้ขายทำสัญญาจะขายกับเขาไว้แล้ว แล้วผิดสัญญากับเขามาโอนให้แก่ตน ถ้าหากผู้ซื้อคนแรกฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนไม่ได้แล้ว ผู้ซื้อคนหลังไม่ต้องรับผิดในความเสียหายของผู้ซื้อคนแรก
ทำสัญญาขายที่ดินกับเขาไว้แล้วผิดสัญญาไปโอนขายให้ผู้อื่นศาลบังคับให้ผู้ขายใช้ค่าเสียหายได้เท่าจำนวนเงินที่ไปขายได้เงินสูงขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 870/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดนายอำเภอเบิกจ่ายค่าขนส่งเกินจริงเพื่อประโยชน์ส่วนตัว
นายอำเภอใช้อำนาจในหน้าที่เบิกค่าขนส่งสิ่งของที่ส่งให้แก่ทางราชการอีกแห่งหนึ่งเกินไปไว้เป็นประโยชน์ของตนเสีย ย่อมมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 132 ในกรณีความผิดเช่นนี้แม้ไม่รู้ว่า จำเลยเบิกเงินเกินไปเท่าใด ก็ลงโทษได้ แต่จะให้จำเลยคืนเงินยังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 869/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสอบสวนที่ถูกต้องตามกฎหมาย: การใช้คำให้การเดิมถามพยาน
การที่พนักงานสอบสวนเอาคำให้การเดิมชั้นกรรมการสอบสวนมาถามพยาน เพื่อให้รับรองและสอบถามเพิ่มเติมแล้วจดบันทึกไว้ และอ่านให้พยานฟังพร้อมกับให้ลงชื่อไว้ ดังนี้แม้จะมิได้อ่านคำให้การเดิมนั้นให้พยานฟัง ก็ถือได้ว่าเป็นการสอบสวนที่ถูกต้องแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 864/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลางตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคฯ ศาลต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติมาตรา 20 โดยไม่มีดุลพินิจ
ของกลางที่เกี่ยวเนื่องกับความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ 2488 นั้น ศาลต้องริบตาม มาตรา 20 จะใช้ดุลพินิจสั่งเป็นอย่างอื่นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการทรัพย์สินของคนไร้ความสามารถโดยผู้พิทักษ์ตามคำสั่งศาล การจำนอง/ขายฝากต้องเป็นไปตามคำสั่ง
คนใบ้ที่ไม่สามารถจะทำให้เจ้าพนักงานเข้าใจความประสงค์ที่จะทำนิติกรรมได้นั้น เมื่อผู้พิทักษ์ร้องขอต่อศาล ขอเป็นผู้พิทักษ์ และจัดการจำนองหรือขายที่ดินของคนใบ้เพื่อชำระหนี้คนใบ้ จนได้รับอนุญาตจากศาลแล้ว ผู้พิทักษ์ก็จัดการจำนองหรือขายฝากที่ดินแทนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 860/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในที่ดินมรดก: การครอบครองและการลงชื่อในโฉนดไม่กระทบสิทธิเดิม
ฟ้องแบ่งแยกที่โดยอ้างว่า เป็นมรดกตกทอดมาแต่บรรพบุรุษและแบ่งแยกกันปกครองแล้ว ต่อมาได้ตกลงให้บิดาจำเลยลงชื่อในโฉนด แต่ที่ดินก็คงปกครองตามเดิมเป็นเวลากว่า 30 ปี แม้ทางพิจารณาปรากฏว่าบรรพบุรุษฝ่ายโจทก์ตายก่อนหรือหลังบิดาจำเลยลงชื่อในโฉนดก็ไม่เป็นข้อสำคัญ และไม่เป็นเหตุให้โจทก์แพ้คดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 852/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวิวาทกลุ่มและการลงโทษตามมาตรา 258 หากฟ้องไม่ชัดเจนถึงการกระทำของจำเลยแต่ละคน
การวิวาทต่อสู้กันระหว่างคนตั้งแต่สามคนขึ้นไปอันเป็นความผิดตามมาตรา 258 นั้น ฝ่ายที่ถูกทำร้ายสาหัสหรือคนที่ถูกทำร้ายสาหัสก็คงมีความผิดตาม มาตรา 258
ในกรณีที่บุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปวิวาทต่อสู้กันจนบาดเจ็บสาหัสในที่วิวาทต่อสู้นั้น ถ้าฟ้องมิได้บรรยายให้เป็นกิจลักษณะชัดเจนลงไปว่า จำเลยคนใดทำร้ายคนใดมีบาดเจ็บอย่างไรแล้ว แม้จำเลยจะรับสารภาพว่าได้ทำร้ายคู่ต่อสู้คนใดมีบาดเจ็บหรือบาดเจ็บสาหัส ก็ลงโทษตามมาตรา 254, 256 ไม่ได้ ต้องลงโทษตาม มาตรา 258
ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254,256แต่ตามคำบรรยายฟ้องและทางพิจารณาได้ความว่าเป็นความผิดตาม มาตรา 258 ศาลลงโทษตาม มาตรา 258 ได้
ในคดีที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 256,254 นั้น หากตามฟ้องลงโทษตาม มาตรา 256,254ไม่ได้ คงลงโทษจำเลยตาม มาตรา 258 ได้เช่นนี้ แม้จำเลยบางคนจะมิได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลสูงก็มีอำนาจที่จะแก้บทลงโทษแก่จำเลยที่มิได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมาด้วยได้ เพราะเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี
ในกรณีที่บุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไปวิวาทต่อสู้กันจนบาดเจ็บสาหัสในที่วิวาทต่อสู้นั้น ถ้าฟ้องมิได้บรรยายให้เป็นกิจลักษณะชัดเจนลงไปว่า จำเลยคนใดทำร้ายคนใดมีบาดเจ็บอย่างไรแล้ว แม้จำเลยจะรับสารภาพว่าได้ทำร้ายคู่ต่อสู้คนใดมีบาดเจ็บหรือบาดเจ็บสาหัส ก็ลงโทษตามมาตรา 254, 256 ไม่ได้ ต้องลงโทษตาม มาตรา 258
ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254,256แต่ตามคำบรรยายฟ้องและทางพิจารณาได้ความว่าเป็นความผิดตาม มาตรา 258 ศาลลงโทษตาม มาตรา 258 ได้
ในคดีที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 256,254 นั้น หากตามฟ้องลงโทษตาม มาตรา 256,254ไม่ได้ คงลงโทษจำเลยตาม มาตรา 258 ได้เช่นนี้ แม้จำเลยบางคนจะมิได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลสูงก็มีอำนาจที่จะแก้บทลงโทษแก่จำเลยที่มิได้อุทธรณ์ฎีกาขึ้นมาด้วยได้ เพราะเป็นเหตุในส่วนลักษณะคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 849/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้เช่าต้องรับผิดไฟไหม้บ้านเช่า หากสืบไม่ได้เหตุเกิดจากตนหรือไม่
เกิดไฟไหม้บ้านเช่าในขณะที่ผู้เช่าเป็นผู้ครอบครอง ในฐานะเป็นผู้เช่านั้น แม้ผู้ให้เช่าจะสืบไม่ได้ความชัดว่า ไฟเกิดขึ้นด้วยเหตุใดหรือใครทำให้เกิดขึ้นก็ดี เมื่อได้ความว่าไฟเกิดขึ้นจากบ้านที่เช่า ไม่ใช่เกิดขึ้นที่อื่นแล้วลุกลามมาไหม้บ้านเช่าแล้ว ผู้เช่าก็ย่อมมีหน้าที่สืบแสดงข้อแก้ตัวเพื่อให้พ้นความรับผิด ถ้าสืบไม่ได้ก็ไม่พ้นความรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 848/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยฎีกาในประเด็นที่เคยยอมรับคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว ศาลฎีกาไม่รับพิจารณา
จำเลยต่อสู้ตัดฟ้องว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ ไม่มีอำนาจฟ้องศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์มีอำนาจฟ้อง แต่พิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อเท็จจริง
โจทก์ฎีกา จำเลยกล่าวในคำแก้อุทธรณ์ว่า ศาลพิพากษาชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้ว ดังนี้ จำเลยจะยกข้ออายุความขึ้นเป็นข้อฎีกาไม่ได้
โจทก์ฎีกา จำเลยกล่าวในคำแก้อุทธรณ์ว่า ศาลพิพากษาชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้ว ดังนี้ จำเลยจะยกข้ออายุความขึ้นเป็นข้อฎีกาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 845/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้รับซื้อทรัพย์สินเช่า: ผู้รับโอนกรรมสิทธิ์มีสิทธิฟ้องขับไล่ผู้เช่าได้ตามมาตรา 16(6)
คำว่าผู้ให้เช่าเดิมในมาตรา 16(6) มิได้หมายความเฉพาะแต่ผู้ให้เช่าเดิมแต่ผู้เดียวเท่านั้น ย่อมหมายถึงผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ด้วย
ผู้รับซื้อกรรมสิทธิ์บ้านเช่ามาจากผู้ให้เช่าเดิม เมื่อได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าให้เข้าอยู่แล้วย่อมฟ้องขับไล่ผู้เช่าได้(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 11/2490)
ผู้รับซื้อกรรมสิทธิ์บ้านเช่ามาจากผู้ให้เช่าเดิม เมื่อได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าให้เข้าอยู่แล้วย่อมฟ้องขับไล่ผู้เช่าได้(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 11/2490)