คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ธรรมบัณฑิตสิทธิศฤงคาร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,319 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1594/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานปล่อยผู้ต้องขังหนี: อำนาจฟ้องเป็นของรัฐ ไม่ใช่ผู้เสียหาย
ความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ดูแลควบคุมผู้ต้องขังแล้วเป็นใจช่วยหรือปล่อยผู้ต้องขังหนี เป็นความผิดต่อรัฐเอกชนไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดิน: การบังคับตามสัญญา, การผิดสัญญา, และการนำสืบข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนการซื้อขายตามสัญญาซื้อขายที่ดิน ถ้าศาลบังคับให้ตามฟ้อง ก็จะมีผลให้โจทก์ได้ที่ดินราคา 3,000 บาทตามสัญญาซื้อขายนั้น คดีเช่นนี้เป็นคดีมีทุนทรัพย์ 3,000 บาท
เมื่อจำเลยยอมลงนามในสัญญาซื้อขายไปทั้ง ๆ ที่ทราบความจริงว่าโจทก์มิได้เขียนข้อกำหนดลงไว้ในสัญญาว่าโจทก์ผู้ซื้อที่ดินจะต้องปลูกสร้างอาคารเพื่ออยู่อาศัย เช่นนี้จำเลยจะนำสืบแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาซื้อขายเกี่ยวกับข้อกำหนดเช่นว่านั้นไม่ได้
เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาโดยรับเงินค่าซื้อขายที่ดินจากโจทก์ไว้เสร็จสิ้นแล้ว ไม่ยอมไปจดทะเบียนการซื้อขายที่ดินให้โจทก์ และโจทก์เตือนให้ปฏิบัติตามสัญญาแล้ว จำเลยกลับบอกเลิกสัญญาโดยพลการเพื่อจะได้ไม่ต้องชำระหนี้ให้โจทก์ เช่นนี้ จำเลยเป็นฝ่ายกระทำการไม่ชอบ โจทก์ขอให้ศาลบังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญาที่ทำไว้ต่อกันได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1550/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดิน: การบังคับสัญญา, การผิดสัญญา, และกลฉ้อฉล
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนการซื้อขายตามสัญญาซื้อขายที่ดิน ถ้าศาลบังคับให้ตามฟ้อง ก็จะมีผลให้โจทก์ได้ที่ดินราคา 3,000 บาทตามสัญญาซื้อขายนั้น คดีเช่นนี้เป็นคดีมีทุนทรัพย์ 3,000 บาท
เมื่อจำเลยยอมลงนามในสัญญาซื้อขายไปทั้งๆ ที่ทราบความจริงว่าโจทก์มิได้เขียนข้อกำหนดลงไว้ในสัญญา ว่าโจทก์ผู้ซื้อที่ดินจะต้องปลูกสร้างอาคารเพื่ออยู่อาศัย เช่นนี้ จำเลยจะนำสืบแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาซื้อขายเกี่ยวกับข้อกำหนดเช่นว่านั้นไม่ได้
เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาโดยรับเงินค่าซื้อขายที่ดินจากโจทก์ไว้เสร็จสิ้นแล้ว ไม่ยอมไปจดทะเบียนการซื้อขายที่ดินให้โจทก์ และโจทก์เตือนให้ปฏิบัติตามสัญญาแล้ว จำเลยกลับบอกเลิกสัญญาโดยพลการเพื่อจะได้ไม่ต้องชำระหนี้ให้โจทก์ เช่นนี้ จำเลยเป็นฝ่ายกระทำการไม่ชอบ โจทก์ขอให้ศาลบังคับจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญาที่ทำไว้ต่อกันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1519/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดูถูกดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ถือเป็นความผิดตาม ม.116 แม้เป็นการท้าทายด้วยวาจา
จำเลยกล่าววาจาหมิ่นประมาทเจ้าพนักงานจราจรซึ่งปฏิบัติราชการตามหน้าที่ว่า "ผมผิดแค่นี้ ใคร ๆ ก็ผิดได้ ทำไมมาว่าผม อย่างคุณจะเอาผมไป คุณถอดเครื่องแบบมาชกกับผมตัวต่อตัวดีกว่า " และยังแสดงอาการดูถูกดูหมิ่น เป็นผิดตาม มาตรา 116
คำว่า "หมิ่นประมาท" ใน ม. 116 เป็นคำกว้างหมายถึงการใส่ความหรือการดูถูกดูหมิ่นก็ได้ กิริยาและถ้อยคำที่จำเลยกล่าท้าทายเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่อันชอบด้วยกฎหมายให้มาชกกับจำเลย ย่อมถือได้ว่าเป็นการดูถูกหรือดูหมิ่นเจ้าพนักงาน มาตรา 116.
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/2500)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1519/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดูถูกหมิ่นประมาทเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 116 แม้เป็นคำพูดท้าทาย
จำเลยกล่าววาจาหมิ่นประมาทเจ้าพนักงานจราจรซึ่งปฏิบัติราชการตามหน้าที่ว่า "ผมผิดแค่นี้ ใครๆ ก็ผิดได้ ทำไมมาว่าผม อย่างคุณจะเอาผมไป คุณถอดเครื่องแบบมาชกกับผมตัวต่อตัวดีกว่า" และยังแสดงอาการดูถูกดูหมิ่น เป็นผิดตาม มาตรา 116
คำว่า "หมิ่นประมาท"ใน มาตรา 116 เป็นคำกว้างหมายถึงการใส่ความหรือการดูถูกดูหมิ่นก็ได้ กิริยาและถ้อยคำที่จำเลยกล่าวท้าทายเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่อันชอบด้วยกฎหมายให้มาชกกับจำเลย ย่อมถือได้ว่าเป็นการดูถูกหรือดูหมิ่นเจ้าพนักงานตาม มาตรา 116 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2500)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1504/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ: การกระทำเพื่อความจำเป็นเพื่อป้องกันภัยอันตรายถึงชีวิต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามมาตรา 251 - 55 จำคุกจำเลย 6 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยผิดตามมาตรา 249 - 53 จำคุก 2 ปี ดังนี้ เป็นแก้มาก ฎีกาในข้อเท็จจริงได้ไม่ต้องห้ามตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 218
ผู้ตายไล่ตามจะทำร้ายจำเลยเข้าไปในห้องผู้มีชื่อ แล้วมีการต่อสู้กัน จำเลยแทงผู้ตาย 5 แห่ง ดังนี้เป็นการป้องกันตัวเกินกว่าเหตุคดีเข้ามาตรา 249 - 53.
(ประชุมใหญ่)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1504/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ การต่อสู้ และการพิจารณาความจำเป็นในการกระทำเพื่อป้องกันภัย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามมาตรา 251,55 จำคุกจำเลย 6 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยผิดตาม มาตรา 249,53 จำคุก 2 ปี ดังนี้เป็นแก้มาก ฎีกาในข้อเท็จจริงได้ไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ผู้ตายไล่ตามจะทำร้ายจำเลยเข้าไปในห้องผู้มีชื่อ แล้วมีการต่อสู้กัน จำเลยแทงผู้ตาย 5 แห่ง ดังนี้เป็นการป้องกันตัวเกินกว่าเหตุคดีเข้ามาตรา 249,53 (ประชุมใหญ่)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1484/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อนุญาตพยานเพิ่มเติมและการยกอายุความในชั้นฎีกา ศาลยืนตามศาลอุทธรณ์
จำเลยระบุเอกสารเป็นพยานเพิ่มเติม ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตโดยเห็นว่าไม่เกี่ยวกับประเด็น การที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยพยานหลักฐานของฝ่ายจำเลยโดยมิได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นวินิจฉัยอีกเป็นพิเศษ ต้องแปลว่าศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาเห็นชอบด้วยคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นในประเด็นข้อนี้แล้ว เพราะเมื่อพยานหลักฐานของจำเลยที่เกี่ยวกับประเด็นโดยตรงไม่พอฟังแล้ว พยานเอกสารอันไม่เกี่ยวกับประเด็น ก็ย่อมไม่สามารถช่วยคดีจำเลยซึ่งไม่มีน้ำหนักอยู่แล้ว ให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีกได้
เรื่องอายุความเป็นปัญหาข้อกฎหมาย แต่เมื่อจำเลยเพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม มาตรา 249 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1484/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อนุญาตพยานเพิ่มเติมและการยกเหตุอายุความในชั้นฎีกา ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์
จำเลยระบุเอกสารเป็นพยานเพิ่มเติม ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตโดยเห็นว่าไม่เกี่ยวกับประเด็น การที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยพยานหลักฐานของฝ่ายจำเลยโดยมิได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นวินิจฉัยอีกเป็นพิเศษ ต้องแปลว่าศาลอุทธรณ์ได้พิจารณาเห็นชอบด้วยคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นในประเด็นข้อนี้แล้ว เพราะเมื่อพยานหลักฐานของจำเลยที่เกี่ยวกับประเด็นโดยตรงไม่พอฟังแล้ว พยานเอกสารอันไม่เกี่ยวกับประเด็นก็ย่อมไม่สามารถช่วยคดีจำเลยซึ่งไม่มีน้ำหนักอยู่แล้ว ให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีกได้
เรื่องอายุความเป็นปัญหาข้อกฏหมาย แต่เมื่อจำเลยเพิ่งยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกา จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม มาตรา 249 วรรค1.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1469/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าเกิน 3 ปี ไม่จดทะเบียน: สิทธิเช่ามีผลบังคับใช้แค่ 3 ปี
จำเลยเช่าห้องมีเวลาเกิน 3 ปี (6 ปี 2 เดือน) หากไม่ไปจดทะเบียนการเช่าไว้ต่อเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว สัญญาเช่าใช้ได้เพียง 3 ปี เกิน 3 ปีไปเมื่อจำเลยถูกฟ้องจะยกขึ้นต่อสู้ไม่ได้
of 132