พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,319 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 762/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ที่ดินติดต่อกันเกิน 10 ปี เหนือโฉนดเดิม
โจทก์จำเลยต่างซื้อที่ดินมีโฉนด ซึ่งอยู่ติดต่อกันคนละโฉนดแล้วต่างเข้าปกครองตามเขตที่ผู้ขายเดิมครอบครองมา ทั้งสองฝ่ายภายหลังรังวัดสอบเขตตามโฉนดกันจึงปรากฏว่าเขตที่ดินที่โจทก์ปกครองตั้งแต่ซื้อตลอดมานั้นล้ำเข้าไปในเขตโฉนดของจำเลยส่วนหนึ่ง ดังนี้ เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้ปกครองที่ดินส่วนที่ล้ำเข้าไปนั้นเกินกว่า 10 ปีแล้ว จำเลยจะอ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299,1300 มาคุ้มครองจำเลยโดยจำเลยจะเอาที่ส่วนที่โจทก์ปกครองนั้นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 750/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้องจากลักทรัพย์เป็นปล้นทรัพย์: ข้อจำกัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
อัยการโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ตามที่พนักงานสอบสวนได้สอบสวนมา ครั้นสืบพยานโจทก์ไปได้ 2ปาก โจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องเป็นว่า จำเลยกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์โดยพนักงานสอบสวนยังมิได้มีการสอบสวนในความผิดฐานปล้นทรัพย์นั้นไม่ได้ เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 733/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับโทษคดีอาญาต่อเนื่อง - หลักการนับโทษ
การที่จำเลยได้ทำผิดจนต้องคำพิพากษาให้ลงโทษ 2 คดีนั้น จำเลยจะต้องรับโทษทั้ง 2 คดีติดต่อกัน เว้นแต่จะมีเหตุสมควรที่ศาลจะสั่งให้นับโทษเป็นอย่างอื่น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 718/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอุทธรณ์วินิจฉัยพยานหลักฐานต่างจากศาลชั้นต้น และการไม่แก้ไขคำพิพากษาเมื่อไม่อุทธรณ์
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยแล้ว แม้ศาลจะไม่เชื่อคำพยานโจทก์ตอนหนึ่ง และโจทก์ไม่อุทธรณ์หรือแก้อุทธรณ์ จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจวินิจฉัยเชื่อคำพยานโจทก์ตอนนั้นได้
ศาลชั้นต้นปรับจำเลยรวมกันฐานมีฝิ่นผิด พระราชบัญญัติเมื่อโจทก์ไม่อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาไม่แก้ไข
ศาลชั้นต้นปรับจำเลยรวมกันฐานมีฝิ่นผิด พระราชบัญญัติเมื่อโจทก์ไม่อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาไม่แก้ไข
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 681-713/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองใช้ประโยชน์ที่ดิน: สิทธิยังคงมีอยู่แม้สิ่งปลูกสร้างสลาย และเจ้าของที่ดินห้ามขัดขวาง
ข้อความจดทะเบียนมีว่าให้โจทก์มีสิทธิครอบครองใช้และถือเอาซึ่งประโยชน์แห่งทรัพย์สินในที่ดิน(มีโฉนด)นั้น ย่อมหมายความว่า โจทก์มีสิทธิได้รับประโยชน์จากทรัพย์สินใดๆ ในที่ดินนั้นได้ ทั้งในที่ดินนั้นเองและในสิ่งปลูกสร้างใดๆบนที่ดินนั้น ฉะนั้นหากสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินนั้นจะสลายไปสิทธิเก็บกินของโจทก์ก็ยังคงมีอยู่เหนือที่ดิน อันโจทก์อาจใช้สิทธินั้นจัดการให้เกิดประโยชน์โดยปลูกสร้างสิ่งปลูกสร้างในที่ดินนั้นใหม่ได้ เจ้าของที่ดินไม่มีสิทธิจะขัดขวางสิทธิเก็บกินของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 643/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องจำเลยโดยมิได้อ้างฐานเป็นตัวแทน แม้ถอนฟ้องจำเลยอีกคนหนึ่ง จำเลยที่ถูกฟ้องก็ยังต้องรับผิดตามฟ้องเดิม
โจทก์ฟ้องกรรมการผู้จัดการสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดเป็นจำเลยที่ 1 กระทรวงพาณิชย์เป็นจำเลยที่ 2 โดยบรรยายอำนาจและหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ในสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดและบรรยายว่าจำเลยที่ 2 เป็นกระทรวงควบคุมกิจการสำนักงานนี้ โจทก์ได้รับคำสั่งจากจำเลยที่ 1 ให้จัดการขนส่งน้ำตาลในกิจการของสำนักงานกลางบริษัทจังหวัด จากต่างจังหวัดมากรุงเทพฯโจทก์จึงฟ้องเรียกค่าจ้างและเงินที่โจทก์ได้จ่ายเงินส่วนตัวทดรองไปก่อนจากจำเลยที่ 1 และ จำเลย ที่ 2 ดังนี้มิได้หมายความว่าโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1ในฐานะเป็นตัวแทนจำเลยที่ 2 แต่อย่างใด การที่โจทก์กล่าวถึงจำเลยที่ 2 ว่าเป็นผู้ควบคุมกิจการของสำนักงาน ไม่พอที่จะให้ถือว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนฉะนั้นแม้ภายหลังโจทก์จะถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 2 เสีย จำเลยที่ 1 ก็ย่อมถูกฟ้องให้รับผิดตามฟ้องโจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 641/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลทหาร: การดำเนินคดีอาญาเมื่อมีผู้ร่วมกระทำผิดไม่อยู่ในอำนาจศาล
ฟ้องพลทหารประจำการหาว่ากระทำผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรต่อศาลทหาร เมื่อทางพิจารณาได้ความว่ามีผู้อื่นกระทำผิดร่วมกับจำเลยด้วยและผู้ที่ร่วมมือกระทำผิดด้วยนี้ไม่ปรากฏว่าเป็นบุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหารคดีจึงขึ้นศาลทหารไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 640/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุปฏิเสธการสมรสและการแบ่งทรัพย์สินหลังสร้างเรือนหอ
ชายหญิงทำพิธีแต่งงานกันตามประเพณี แต่หญิงไม่ยอมหลับนอนร่วมประเวณีกับชายฉันสามีภริยาโดยแยกไปนอนเสียคนละห้องกับชายอยู่มาประมาณ 10 วัน มารดาของหญิงบอกให้ชายพาหญิงเข้าห้องเอาเองชายจึงเข้าไปจับเอวหญิงออกมาจากห้องที่หญิงนอน หญิงฉวยแจกันตีศีรษะชายแตกโลหิตออกแจกันหักแล้วยังใช้แจกันตีชายถูกโหนกแก้มเป็นบาดแผลต้องเย็บถึง 7 เข็ม ชายจึงกลับบ้านและไม่ยอมจดทะเบียนสมรสกับหญิงดังนี้ถือว่าการกระทำของหญิงเป็นเหตุผลสำคัญอันพอที่จะทำให้ชายปฏิเสธไม่ยอมสมรสด้วยหญิงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1441 ได้ ชายจึงมีสิทธิเรียกของหมั้นคืนจากหญิงได้
โจทก์จำเลยร่วมกันนำสัมภาระและลงทุนปลูกสร้างเรือนขึ้น 1หลัง แต่ไม่ได้ความพอจะชี้ได้ว่าสัมภาระชิ้นใดเป็นของผู้ใดได้ทุกชิ้น ทั้งไม่ได้ความว่าแต่ละฝ่ายได้มีส่วนเป็นเจ้าของอยู่เกินกว่าครึ่ง ดังนี้ ต้องถือว่า โจทก์และจำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของเรือนรายนี้เท่าๆกัน
โจทก์จำเลยร่วมกันนำสัมภาระและลงทุนปลูกสร้างเรือนขึ้น 1หลัง แต่ไม่ได้ความพอจะชี้ได้ว่าสัมภาระชิ้นใดเป็นของผู้ใดได้ทุกชิ้น ทั้งไม่ได้ความว่าแต่ละฝ่ายได้มีส่วนเป็นเจ้าของอยู่เกินกว่าครึ่ง ดังนี้ ต้องถือว่า โจทก์และจำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของเรือนรายนี้เท่าๆกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 631/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประมงผิดกฎหมาย: ประกาศท้ายฟ้องเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง การพิพากษาต้องอ้างอิงตามประกาศที่ถูกต้อง
ฟ้องบรรยายว่าจำเลยทำการประมงโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยใช้เครื่องมือที่ห้ามเด็ดขาดตามประกาศท้ายฟ้อง แต่เมื่อปรากฏว่าตามประกาศท้ายฟ้องนั้นมิได้มีกำหนดห้ามเครื่องมือที่อ้างนั้น ว่าเป็นเครื่องมือที่ห้ามเด็ดขาดดังนี้แม้จำเลยจะรับสารภาพตามฟ้อง ก็จะฟังว่าจำเลยกระทำผิดฐานใช้เครื่องมือที่ห้ามโดยเด็ดขาดไม่ได้ เพราะต้องถือประกาศท้ายฟ้องเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องด้วย จำเลยจึงคงมีความผิดตามพระราชบัญญัติการประมง 2490 มาตรา 18,62 ไม่ใช่ผิดตามมาตรา 32,65 ฉะนั้นการริบเครื่องมือของกลางจึงอยู่ในดุลพินิจของศาลตามมาตรา 69
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 630/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินพิพาทหลังศาลตัดสินให้กรรมสิทธิ์ตกแก่ผู้อื่น ไม่ถือเป็นความผิดฐานบุกรุก
จำเลยครอบครองทำนาพิพาทอยู่ก่อน ภายหลังเป็นความกับโจทก์ศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะ เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่นาพิพาทแต่โจทก์ยังมิได้จัดการให้ได้มาซึ่งการครอบครองแต่ประการใด จำเลยจึงเข้าทำนาพิพาทต่อไปตามเคย ดังนี้การกระทำของจำเลยยังไม่เข้าหลักอันจะเป็นความผิดฐานบุกรุกตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 327