พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,319 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 629/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจกำนันในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทและการกักขังชั่วคราว: ไม่มีเจตนาทุจริตหรือขัดขวางอิสรภาพ
ลูกบ้านได้ขอให้กำนันเอาตัวผู้เสียหายไปสอบถามให้แน่นอนในเรื่องที่ลูกบ้านสงสัยว่าผู้เสียหายซ่อนกระบือของตนที่หายไป กำนันจึงเอาตัวผู้เสียหายไปที่บ้านกำนัน เรียกร้องให้ผู้เสียหายใช้ราคากระบือแก่ลูกบ้านแล้วลูกบ้านจะไม่เอาเรื่อง ผู้เสียหายก็ยอมเสียค่ากระบือให้ลูกบ้านลูกบ้านก็ไม่เอาเรื่องต่อไปและกำนันได้จัดการทำหนังสือปรองดองกันไว้ แล้วไม่เอาตัวผู้เสียหายส่งไปยังพนักงานสอบสวน ดังนี้ ไม่ใช่มีเจตนาจะกระทำการทุจริตต่อหน้าที่ จึงไม่มีผิดฐานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ในทางทุจริตตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 136,137,138,142 และการที่กำนันกักตัวผู้เสียหายไว้จนชำระเงินกันแล้วจึงปล่อยนั้นเมื่อกำนันคิดว่ากำนันมีอำนาจทำได้ ไม่มีเจตนาที่จะกักขังให้ผู้เสียหายเสื่อมเสียอิสระภาพแล้วกำนันก็ยังไม่ผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 268,270
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 628/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: กรรมสิทธิ์ที่ดิน - ศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยจากคำแก้อุทธรณ์
คดีก่อนจำเลยฟ้องสามีโจทก์ขอให้ศาลแสดงกรรมสิทธิและขับไล่สามีโจทก์และบริวารออกจากที่พิพาท สามีโจทก์ต่อสู้คดีว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้รับมรดกมาในระหว่างที่สามีโจทก์กับโจทก์เป็นสามีภรรยากันแล้ว ซึ่งนับว่าเป็นสินสมรสระหว่างสามีโจทก์กับโจทก์ เมื่อศาลพิพากษาขับไล่สามีโจทก์และบริวารออกจากที่พิพาทแล้ว โจทก์กลับมาฟ้องจำเลยขอให้แสดงกรรมสิทธิในที่พิพาทว่าเป็นของโจทก์และให้เพิกถอนคำพิพากษาในคดีก่อนนั้นโดยอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ได้รับมรดกมาในในระหว่างเป็นสามีภรรยากันถือเป็นสินสมรส อย่างที่สามีโจทก์เคยให้การต่อสู้ไว้ในคดีก่อนเช่นนี้ย่อมเป็นฟ้องซ้ำตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148จะถือว่าโจทก์เป็นบุคคลภายนอกตามความหมายแห่งมาตรา 145(2) ไม่ได้ต้องถือว่าโจทก์เป็นบริวารของสามี
โจทก์จำเลยโต้เถียงกรรมสิทธิ์ที่ดินกัน จำเลยได้ให้การต่อสู้คดีว่าโจทก์ฟ้องซ้ำด้วย ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าไม่เป็นฟ้องซ้ำแต่ฟังข้อเท็จจริงว่า เป็นที่ของจำเลย จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ จำเลยจึงไม่อยู่ที่จะเป็นผู้อุทธรณ์คดี แต่จำเลยกล่าวแก้อุทธรณ์โจทก์ ได้หยิบยกปัญหาข้อนี้ขึ้นกล่าวไว้ในคำแก้อุทธรณ์ด้วย ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้อ้างอิงข้อกฎหมายนี้ให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยด้วยแล้ว ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
โจทก์จำเลยโต้เถียงกรรมสิทธิ์ที่ดินกัน จำเลยได้ให้การต่อสู้คดีว่าโจทก์ฟ้องซ้ำด้วย ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าไม่เป็นฟ้องซ้ำแต่ฟังข้อเท็จจริงว่า เป็นที่ของจำเลย จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ จำเลยจึงไม่อยู่ที่จะเป็นผู้อุทธรณ์คดี แต่จำเลยกล่าวแก้อุทธรณ์โจทก์ ได้หยิบยกปัญหาข้อนี้ขึ้นกล่าวไว้ในคำแก้อุทธรณ์ด้วย ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้อ้างอิงข้อกฎหมายนี้ให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยด้วยแล้ว ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 623/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีปลอมหนังสือต้องระบุความเสียหายต่อผู้เสียหายหรือสาธารณะ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปลอมหนังสือ และใช้หนังสือปลอมแต่ในฟ้องมิได้กล่าวว่าโจทก์เป็นผู้เสียหายและมิได้บรรยายไว้ด้วยว่าเป็นการกระทำที่มีลักษณะที่สามารถอาจเกิดความเสียหายแก่สาธารณะชนหรือแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ย่อมเป็นฟ้องที่ขาดองค์ความผิดฐานปลอมหนังสือ ไม่มีมูลที่ศาลจะรับไว้พิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 614/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพและการฟ้องคดีอาญา: ศาลลงโทษตามที่จำเลยรับได้ แม้โจทก์ไม่นำสืบพยานเพิ่มเติม
โจทก์ฟ้องกล่าวว่าจำเลยสมคบกันลักลอบเล่นการพนันไฮโลและขลุกขลิกพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตาม พระราชบัญญัติการพนัน เมื่อจำเลยรับว่า เล่นการพนันไฮโลอย่างเดียวโจทก์พอใจเท่าที่จำเลยรับ จึงไม่นำสืบพยานเช่นนี้ ศาลย่อมพิพากษาลงโทษจำเลยเพียงเท่าที่จำเลยรับนั้นได้และฟ้องเช่นนี้ถือว่าไม่ใช่ฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 596/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิที่ดินจากการครอบครองปรปักษ์และการไม่ห้ามฟ้องบุพการี
ยื่นคำร้องขอให้ศาลแสดงว่าตนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิในที่ดินที่มีโฉนด ซึ่งมีผู้ยกให้ตนปกครองมาจนได้กรรมสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 และขอให้ศาลสั่งเจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนให้ผู้ร้องนั้น เมื่อบิดาผู้ร้องคัดค้านโต้แย้งเข้ามาทำให้คดีแปรสภาพเป็นคดีมีข้อพิพาทขึ้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 188(4) ก็ตามและการที่ผู้คัดค้านเข้ามามีฐานะเป็นคู่ความ ไม่ใช่เป็นการกระทำของผู้ร้องดังนั้น จึงเรียกไม่ได้ว่าผู้ร้องได้ฟ้องบุพการีของตนคดีจึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1534
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 593/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของมาตรา 6 พ.ร.บ.การพนัน 2478 และการลงโทษจำเลย
คณะตุลาการรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยที่ ต.2/2494 ลงวันที่4 มกราคม2494 วินิจฉัยว่า ความในมาตรา 6แห่ง พระราชบัญญัติการพนัน 2478 ไม่ขัดต่อบทรัฐธรรมนูญ มาตรา 30 ฉะนั้นศาลจึงอาศัยข้อความตาม พระราชบัญญัติการพนัน 2478 มาตรา 6 วินิจฉัยลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 583/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีภาษีเงินได้เกินอำนาจศาลแขวง: การเพิกถอนการประเมินภาษีและคืนเงินที่ชำระแล้ว
โจทก์ฟ้องประกอบด้วยคำขอท้ายฟ้อง แสดงให้เห็นว่าเจ้าพนักงานประเมินภาษี เงินได้ประเมินภาษีเงินได้ให้โจทก์ชำระเงิน 71,936.10 บาทเป็นการไม่ถูกต้อง จึงขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งที่เจ้าพนักงานประเมินภาษีได้ประเมินให้โจทก์ชำระภาษี71,936.10 บาท ซึ่งโจทก์ได้นำเงินไปชำระแล้วนั้นเสียดังนี้ ผลของคำพิพากษาในเมื่อโจทก์ชนะคดีก็คือโจทก์ย่อมได้รับเงินที่ชำระไว้แล้วคืน จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 150 เกินอำนาจศาลแขวงจะพิจารณาพิพากษาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 571/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมให้เข้าอยู่อาศัยและสิทธิในการฟ้องขับไล่: คำให้การเคลือบคลุมทำให้จำเลยไม่อาจสืบได้
มติคณะกรรมการควบคุมค่าเช่ามีว่า 'คณะกรรมการควบคุมค่าเช่าได้พิจารณาแล้วเห็นว่าท่านมีความจำเป็นจะต้องเข้าอยู่อาศัยกับทั้งท่านได้ให้คำมั่นว่าจะจัดการให้ผู้เช่าได้เข้าไปอยู่ในเคหะที่บิดามารดาของท่านเช่าอยู่ในปัจจุบันนี้ จึงลงมติให้ความยินยอมแก่ท่านในอันที่จะเข้าอยู่อาศัยในตึกแถวเลขที่ 60-61 ได้ตามขอ' และยังปรากฏในรายงานพิจารณาของศาลอีกว่า โจทก์ได้ยินยอมให้จำเลย(ผู้เช่า) อยู่ในบ้านบิดามารดาหากจำเลยไม่ยอมเข้าอยู่เองโดยอ้างว่าจะต้องอยู่ในฐานะเช่าไม่ใช่ฐานะอาศัยซึ่งโจทก์ได้แถลงต่อไปว่า จะให้เช่าไม่ได้เพราะโจทก์และบิดามารดาไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์สถานที่ และโจทก์จะไม่ขับไล่จำเลยเป็นอันขาด เช่นนี้จะถือว่าโจทก์ปฏิบัติผิดคำสั่งคณะกรรมการมิได้ ฉะนั้นโจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกเช่าที่กล่าวแล้วได้
จำเลยให้การข้อหนึ่งว่าคำสั่งคณะกรรมการจะครบองค์ประชุมตาม กฎหมายหรือไม่ จำเลยไม่ทราบนั้น ถือว่าเป็นคำให้การเคลือบคลุม เพราะมิได้แสดงให้แจ้งชัดว่าจะรับหรือปฏิเสธ ฉะนั้นศาลจึงไม่ยอมให้จำเลยนำสืบได้
จำเลยให้การข้อหนึ่งว่าคำสั่งคณะกรรมการจะครบองค์ประชุมตาม กฎหมายหรือไม่ จำเลยไม่ทราบนั้น ถือว่าเป็นคำให้การเคลือบคลุม เพราะมิได้แสดงให้แจ้งชัดว่าจะรับหรือปฏิเสธ ฉะนั้นศาลจึงไม่ยอมให้จำเลยนำสืบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 548/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์ความผิดฐานยักย้ายข้าวออกนอกเขตห้าม: โจทก์ต้องพิสูจน์จำเลยทราบประกาศ
ความผิดฐานยักย้ายข้าวออกนอกเขตห้ามขนย้ายข้าวฝ่าฝืนประกาศของคณะกรรมการสำรวจและกักกันข้าวนั้น การที่จำเลยได้ทราบประกาศของคณะกรรมการ ฯลฯ หรือไม่ ย่อมเป็นองค์ความผิดอยู่ด้วย ฉะนั้นในฟ้องจะต้องกล่าวไว้ด้วยว่าจำเลยได้ทราบประกาศของคณะกรรมการ ฯลฯ นั้นแล้ว และได้ประพฤติฝ่าฝืนโดยประการใด มิฉะนั้นจะเป็นฟ้องที่ขาดองค์ความผิด ไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
อนึ่งเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธว่ามิได้กระทำผิดและมิได้รับว่าได้ทราบประกาศนี้แล้ว เช่นนี้ ย่อมเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบว่าจำเลยได้ทราบประกาศดังกล่าวแล้ว มิฉะนั้นจะเอาผิดแก่จำเลยไม่ได้ เพราะประกาศเช่นนี้แม้จะได้ประกาศในหนังสือราชกิจจาก็เป็นประกาศธรรมดา
อนึ่งเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธว่ามิได้กระทำผิดและมิได้รับว่าได้ทราบประกาศนี้แล้ว เช่นนี้ ย่อมเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบว่าจำเลยได้ทราบประกาศดังกล่าวแล้ว มิฉะนั้นจะเอาผิดแก่จำเลยไม่ได้ เพราะประกาศเช่นนี้แม้จะได้ประกาศในหนังสือราชกิจจาก็เป็นประกาศธรรมดา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 521/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสามีภรรยา: การยินยอมถือเป็นสัตยาบันตามกฎหมาย
สามีได้ลงชื่อให้ความยินยอมไว้ในสัญญาซึ่งภรรยาเป็นผู้กู้นั้นเป็นหลักฐานพอให้ถือได้ว่า เป็นหนี้ร่วมตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1482(4) ซึ่งบัญญัติว่า 'หนี้ที่สามีหรือภริยาก่อขึ้นเพื่อประโยชน์ตนฝ่ายเดียว แต่อีกฝ่ายหนึ่งได้ให้สัตยาบัน' เพราะการที่สามีหรือภริยากระทำเช่นนี้ ก็เช่นเดียวกับการรับรองหรือให้สัตยาบันตามความหมายของกฎหมายมาตรานี้แล้ว และในกรณีเช่นนี้ถ้าเจ้าหนี้ฟ้องขอให้ล้มละลายแล้ว ทั้งสามีและภรรยาอาจถูกศาลมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดได้ทั้ง 2 คน