พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,319 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1815/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจตัวแทนจัดการร้านค้าและการกู้ยืมเงินเพื่อใช้ในกิจการ
ตั้งตัวแทนจัดการร้านค้าของตัวการแล้ว ตัวการไปต่างประเทศเสียชั่วคราว ในระหว่างที่ตัวการไปอยู่ต่างประเทศนั้น ตัวแทนซึ่งเป็นผู้จัดการร้านได้กู้ยืมเงินของบุคคลภายนอกมาใช้จ่ายในกิจการค้าของร้านตัวการ ผู้ให้กู้ก็เข้าใจว่าตัวแทนมีสิทธิทำการกู้ยืมเงินไปใช้ในกิจการค้านั้นได้เช่นนี้ เข้าลักษณะตัวแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 821,822 แม้ตัวการจะไม่ได้ตั้งตัวแทนเป็นหนังสือ ตัวการก็ต้องรับผิดในจำนวนเงินที่ตัวแทนไปกู้เขามาดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1801/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องฐานความผิดหลายกระทง: เมื่อจำเลยรับสารภาพฐานหนึ่ง โจทก์ขอพิจารณาความผิดฐานอื่นไม่ได้
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นสองฐาน คือฐานปล้นทรัพย์หรือฐานรับของโจร ขอให้ลงโทษจำเลยฐานใดฐานหนึ่ง เมื่อจำเลยให้การรับว่าได้กระทำผิดฐานรับของโจรเต็มตามฟ้องแล้ว โจทก์จะขอให้พิจารณาความผิดฐานปล้นทรัพย์อีกไม่ได้ ศาลย่อมสั่งงดสืบพยานและพิพากษาให้ลงโทษจำเลยฐานรับของโจรได้ทีเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1799/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจผู้จัดการร้านจำนำทรัพย์สินของเจ้าของร้าน: เจ้าของร้านต้องรับผิดหากผู้จัดการกระทำการภายในขอบเขตอำนาจ
ผู้จัดการร้านซึ่งทำการขายเครื่องเพชรและทองได้นำเครื่องเพชรและทองไปจำนำผู้อื่นเอาเงินมาใช้ในร้าน ในระหว่างที่เจ้าของร้านไปต่างประเทศเสียชั่วคราว และได้นำเงินนั้นเข้าบัญชีในร้าน ย่อมเป็นที่เห็นได้ว่าผู้จัดการมิได้ทำนอกเหนืออำนาจอย่างใด อันจะทำให้เจ้าของร้านไม่ต้องรับผิด บุคคลภายนอกผู้รับจำนำย่อมมีสิทธิฟ้องให้เจ้าของร้านชำระหนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1781/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เงื่อนไขพินัยกรรม: การไม่ทราบเงื่อนไขของผู้รับ ไม่ทำให้การวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงตามความประสงค์ผู้ทำพินัยกรรม
เจ้าของพินัยกรรมผู้ให้ระบุเงื่อนไขไว้ในพินัยกรรมว่า ให้มารดาของผู้รับเซ็นสัญญาประนีประนอมยอมความ ตามสัญญากลัดต่อท้ายพินัยกรรมภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ทำพินัยกรรมฉบับนั้น แม้มารดาของผู้รับ และผู้รับจะไม่ทราบเงื่อนไขนี้ก็ตาม เมื่อปรากฏว่ามารดาของผู้รับมิได้เซ็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามที่กล่าวไว้ในพินัยกรรมแล้ว ผู้รับก็ไม่มีสิทธิที่จะได้รับทรัพย์ตามที่พินัยกรรมกำหนดไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1780/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีแพ่ง: การมอบอำนาจแม้หลังฟ้องก็มีผลได้ หากเป็นการยืนยันและไม่มีกฎหมายห้าม
ข้าหลวงประจำจังหวัดฟ้องความแพ่งแทนกระทรวงการคลัง โดยอาศัยระเบียบการปฏิบัติของกระทรวงการคลังและตามหนังสือของกระทรวงการคลัง 2 ฉบับ ซึ่งแม้จะยังไม่เพียงพอที่ถือได้ว่า เป็นการมอบอำนาจที่สมบูรณ์ก็ดี แต่ต่อมาก่อนศาลสืบพยานกระทรวงการคลังได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ข้าหลวงประจำจังหวัด หรือปลัดจังหวัดผู้ทำการแทน มีอำนาจฟ้องจำเลยและดำเนินคดีไปจนถึงที่สุด แทนกระทรวงการคลัง ซึ่งถือได้ว่าเป็นใบมอบอำนาจอันถูกต้องแล้ว ดังนี้ แม้จะได้ยื่นภายหลังวันชี้สองสถาน ก็ถือได้ว่าเท่ากับเป็นการกระทำให้การมอบอำนาจครบถ้วนสมบูรณ์ขึ้นแล้วเท่ากับเป็นการให้สัตยาบันในการมอบอำนาจให้ฟ้องคดีนี้ ซึ่งไม่มีบทบัญญัติวิธีพิจารณาความแพ่งห้ามไว้แต่ประการใด ยิ่งเมื่อพิจารณาดูมาตรา 47 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งประกอบด้วยแล้วย่อมเห็นได้ว่าศาลชอบที่จะพึงรับฟังใบมอบอำนาจนี้ได้ฉะนั้นข้าหลวงประจำจังหวัดหรือปลัดจังหวัดผู้เป็นโจทก์จึงย่อมมีสิทธิฟ้องร้องดำเนินคดีได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่24/2493)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1779/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ยินยอมให้เช่าต่อและการยินยอมออกจากที่เช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ
ผู้เช่าได้เช่าตึกมาตั้งแต่ยังเป็นของเจ้าของคนเดิม เมื่อเจ้าของคนเดิมจะขายตึกที่เช่า ผู้เช่าก็ได้ตกลงกับเจ้าของคนเดิม ซึ่งเป็นผู้ให้เช่าและกับผู้ที่จะเป็นเจ้าของใหม่ว่า ตนยินยอมออกจากตึกที่เช่า เมื่อผู้ให้เช่าเดิมขายตึกนั้น และครั้นเมื่อเจ้าของใหม่ซื้อตึกนั้นแล้ว ผู้เช่านั้นก็ยังได้ขอผัดต่อมาอีกจนที่สุดทำสัญญาเช่าอยู่ต่อมา เพื่อขอเวลาออกจากตึกที่เช่าไปภายในกำหนด ดังนี้ เป็นที่เห็นได้ว่า ผู้เช่ายินยอมออกจากตึกตามความหมายของ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน มาตรา16(5) แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1731/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องเบิกความเท็จ: ผู้ครอบครองทรัพย์สินมีสิทธิฟ้อง หากการเบิกความเท็จทำให้เสียสิทธิครอบครอง
กรณีที่ถือว่า เป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องจำเลยฐานเบิกความเท็จได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1728/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความเท็จตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ไม่เป็นเหตุให้พ้นผิดทางอาญา
แม้สรรพากรจังหวัดสั่งให้เสมียนสรรพากรจดบัญชีและหนังสือราชการเท็จ เมื่อเสมียนสรรพากรทราบดีอยู่แล้วว่าข้อความที่ให้จดเป็นเท็จและเป็นคำสั่งที่ผิดกฎหมาย เมื่อเสมียนผู้นั้นทำลงไปตามคำสั่งแล้ว เสมียนผู้นั้นจะยกขึ้นมาเป็นข้อแก้ตัวให้พ้นผิดหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1727/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีและใช้แสตมป์สุราปลอมเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา แม้โจทก์มิได้อ้าง พ.ร.บ.ภาษีชั้นใน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสั่งให้กรมสรรพสามิตจัดทำแสตมป์สุราขึ้นใช้ในสมัยที่ใช้ พ.ร.บ.ภาษีชั้นใน(ฉบับที่ 4) พ.ศ.2486 นั้น หาจำเป็นต้องออกเป็นกฎกระทรวงเสียก่อนดังเช่น พ.ร.บ.สุรา พ.ศ.2493บังคับไว้ ก็สมบูรณ์และย่อมถือว่าแสตมป์สุรานั้นเป็นบัตรตาม กฎหมายแล้ว ผู้ใดมีไว้หรือใช้แสตมป์สุราปลอม ย่อมมีผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 216
ฟ้องหาว่าจำเลยมีและใช้แสตมป์สุราปลอม ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 216 นั้น ย่อมหมายถึงแสตมป์สุราตาม พ.ร.บ.ภาษีชั้นในนั่นเอง แม้โจทก์ไม่อ้างพ.ร.บ.ภาษีชั้นในมาก็หาทำให้เป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
การมีแสตมป์สุราปลอมไว้จำหน่ายนั้นเป็นผิดมาตรา 216
ในกรณีที่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงนั้นกฎหมายบัญญัติให้ศาลอุทธรณ์ ฎีกามีอำนาจสั่งย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นชี้ขาดข้อเท็จจริงได้ แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ฎีกาเห็นไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจนั้น ก็ชี้ขาดข้อเท็จจริงไปได้โดยไม่ต้องใช้อำนาจที่ กฎหมายให้ไว้ดังกล่าว
ฟ้องหาว่าจำเลยมีและใช้แสตมป์สุราปลอม ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 216 นั้น ย่อมหมายถึงแสตมป์สุราตาม พ.ร.บ.ภาษีชั้นในนั่นเอง แม้โจทก์ไม่อ้างพ.ร.บ.ภาษีชั้นในมาก็หาทำให้เป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
การมีแสตมป์สุราปลอมไว้จำหน่ายนั้นเป็นผิดมาตรา 216
ในกรณีที่ศาลชั้นต้นยังไม่ได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงนั้นกฎหมายบัญญัติให้ศาลอุทธรณ์ ฎีกามีอำนาจสั่งย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นชี้ขาดข้อเท็จจริงได้ แต่เมื่อศาลอุทธรณ์ฎีกาเห็นไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจนั้น ก็ชี้ขาดข้อเท็จจริงไปได้โดยไม่ต้องใช้อำนาจที่ กฎหมายให้ไว้ดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1709/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มเติมฟ้องก่อนจำเลยให้การและสืบพยาน อนุญาตได้หากมีเหตุอันสมควรและไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ
โจทก์ร้องขอเพิ่มเติมฟ้องก่อนจำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีและก่อนสืบพยานนั้น เมื่อมีเหตุอันสมควรแล้ว ก็ควรอนุญาตให้เพิ่มเติมได้ เพราะข้อที่ว่าจำเลยจะเสียเปรียบหรือหลงข้อต่อสู้คดีไม่อาจเกิดขึ้นได้