พบผลลัพธ์ทั้งหมด 11 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 177/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมสมบูรณ์: ศาลฎีกายกฟ้องข้อกล่าวหาปลอมแปลงพินัยกรรม โดยพิจารณาจากพยานหลักฐานและเจตนาของผู้ทำพินัยกรรม
พินัยกรรมทำขึ้นในขณะเจ้ามรดกมีสติดี สามารถแสดงเจตนาทำพินัยกรรมได้ แม้จะเป็นบุคคลผู้เสมือนไร้ความสามารถก็เพียงไม่สามารถจัดการงานบางประการของตนเองได้เท่านั้น การทำพินัยกรรมเป็นกิจการเฉพาะตัวที่จะต้องแสดงเจตนาด้วยตนเองและผู้พิทักษ์ก็ได้ให้ความยินยอมแล้ว พินัยกรรมจึงสมบูรณ์ตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 905/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีแทนผู้เสมือนไร้ความสามารถ: ผู้พิทักษ์มีอำนาจเฉพาะให้ความยินยอม ไม่สามารถฟ้องแทนได้
บุคคลผู้เสมือนไร้ความสามารถนั้นทำนิติกรรมเองได้สิ่งทุกสิ่งทุกอย่าง เว้นแต่จะต้องด้วยข้อจำกัดตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 35 ซึ่งผู้เสมือนไร้ความสามารถจะทำได้เฉพาะเมื่อผู้พิทักษ์ให้ความยินยอมเท่านั้น ผู้พิทักษ์มีอำนาจหน้าที่เพียงแต่ให้ความยินยอมหรือไม่แก่ผู้เสมือนไร้ความสามารถในกิจการที่กฎหมายกำหนดไว้ ไม่มีบทบัญญัติในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ให้อำนาจผู้พิทักษ์ฟ้องคดีแทนผู้เสมือนไร้ความสามารถ ผู้พิทักษ์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้เสมือนไร้ความสามารถ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1730/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาทำเหมืองแร่, การผิดสัญญา, ความรับผิดร่วมกัน, ตัวแทน, ละเมิด
เมื่อศาลอนุญาตให้โจทก์ฟ้องอย่างคนอนาถาได้ การที่โจทก์จะขอแก้ฟ้องในภายหลังได้หรือไม่นั้น ต้องอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179 คือคำฟ้องเดิมและคำฟ้องหลังจะต้องเกี่ยวข้องกันพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ เมื่อศาลเห็นว่าเป็นคำฟ้องที่เกี่ยวข้องกัน ซึ่งอนุญาตให้แก้ฟ้องได้แล้ว ก็หาจำเป็นที่ศาลจะต้องไต่สวนเพื่อมีคำสั่งอนุญาตให้ฟ้องอย่างคนอนาถาสำหรับคำฟ้องภายหลังอีกไม่ เพราะถือได้ว่า ยังคงเป็นคำฟ้องในคดีเดียวกัน ซึ่งศาลได้ไต่สวนและมีคำสั่งอนุญาตไว้แล้ว
ตามคำฟ้องเดิม โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กังจำเลยทำสัญญากันให้จำเลยชำระหนี้แทนโจทก์ และรับโอนที่ดินประทานบัตรของโจทก์ไว้เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างโจทก์จำเลยประกอบกิจการทำเหมืองแร่ จำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญา ไม่จัดตั้งบริษัทขึ้น แต่กลับขุดเอาแร่ของโจทก์ไปขายเป็นประโยชน์ส่วนตัว เป็นทั้งผิดสัญญาและละเมิด คำร้องขอแก้ฟ้องของโจทก์กล่าวความเดิมที่จำเลยผิดสัญญาและโจทก์บอกเลิกสัญญาแล้วขอให้ศาลพิพากษาให้คู่สัญญากลับคืนสู่ฐานะเดิม โดยให้จำเลยชำระหนี้ที่ออกให้แทนโจทก์ไป และโอนประทานบัตรพิพาทคืนให้โจทก์ ดังนี้ ย่อมเป็นคำฟ้องที่เกี่ยวข้องกันพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันลบล้างสัญญาฉบับแรก เพื่อใช้ขู่เจ้าหนี้ของโจทก์ให้ยอมรับชำระหนี้และโอนที่ดินประทานบัตรซึ่งเป็นประกันคืนโดยโจทก์จำเลยมิได้มีเจตนาผูกพันกันจริงจัง ดังนี้ สัญญาฉบับหลังหามีผลเป็นการยกเลิกสัญญาฉบับแรกไม่
ตามสัญญาที่โจทก์กับจำเลยที่ 1 ทำไว้ต่อกัน จำเลยจะต้องชำระหนี้แทนโจทก์และรับโอนที่ดินประทานบัตรของโจทก์เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ประกอบกิจการทำเหมืองแร่แต่จำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการ ได้เข้าปฏิบัติการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้และรับโอนประทานบัตรของโจทก์มาในนามจำเลยที่ 2 ถือได้ว่าการชำระหนี้และรับโอนประทานบัตรดังกล่าวจำเลยที่ 2 กระทำในฐานะเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1
ตามสัญญาที่ทำไว้ โจทก์กับจำเลยที่ 1 จะต้องตั้งบริษัทขึ้น เพื่อประกอบกิจการทำเหมืองแร่ในที่ดินประทานบัตรของโจทก์ที่โอนให้จำเลย โดยโจทก์จำเลยต่างเป็นผู้ถือหุ้นตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ แต่เมื่อบริษัทยังมิได้จัดตั้งขึ้นตามสัญญา จำเลยจะถือสิทธิเข้าไปทำเหมืองแร่ในที่ดินประทานบัตรนั้นโดยลำพังหาได้ไม่ เพราะผิดข้อตกลงที่ทำไว้ การที่จำเลยที่ 1 เข้าดำเนินการและในฐานะที่จำเลยที่1 เป็นกรรมการผู้จัดการและผู้แทนของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนิติบุคคลยินยอมให้จำเลยที่ 2 เข้าร่วมดำเนินการขุดหาแร่ โดยโจทก์มิได้รู้เห็นยินยอมหรือเกี่ยวข้องด้วยย่อมเป็นการใช้สิทธิไม่สุจริต และเป็นการผิดสัญญาที่จำเลยที่ 1 ทำไว้กับโจทก์ โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาเสียได้
การที่จำเลยทั้งสองเข้าดำเนินการขุดเอาแร่ในที่ดินประทานบัตรของโจทก์ไปเป็นประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว จำเลยต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ โดยจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดในฐานผิดสัญญาของข้อตกลง ส่วนจำเลยที่ 2 ซึ่งไม่มีสิทธิอย่างใดในการขุดเอาแร่ในที่ดินประทานบัตรของโจทก์ ต้องรับผิดฐานละเมิด
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจ พิพากษาให้คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้เสียค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวง หรือจะให้เป็นพับกันไปก็ได้
ตามคำฟ้องเดิม โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กังจำเลยทำสัญญากันให้จำเลยชำระหนี้แทนโจทก์ และรับโอนที่ดินประทานบัตรของโจทก์ไว้เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างโจทก์จำเลยประกอบกิจการทำเหมืองแร่ จำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญา ไม่จัดตั้งบริษัทขึ้น แต่กลับขุดเอาแร่ของโจทก์ไปขายเป็นประโยชน์ส่วนตัว เป็นทั้งผิดสัญญาและละเมิด คำร้องขอแก้ฟ้องของโจทก์กล่าวความเดิมที่จำเลยผิดสัญญาและโจทก์บอกเลิกสัญญาแล้วขอให้ศาลพิพากษาให้คู่สัญญากลับคืนสู่ฐานะเดิม โดยให้จำเลยชำระหนี้ที่ออกให้แทนโจทก์ไป และโอนประทานบัตรพิพาทคืนให้โจทก์ ดังนี้ ย่อมเป็นคำฟ้องที่เกี่ยวข้องกันพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันลบล้างสัญญาฉบับแรก เพื่อใช้ขู่เจ้าหนี้ของโจทก์ให้ยอมรับชำระหนี้และโอนที่ดินประทานบัตรซึ่งเป็นประกันคืนโดยโจทก์จำเลยมิได้มีเจตนาผูกพันกันจริงจัง ดังนี้ สัญญาฉบับหลังหามีผลเป็นการยกเลิกสัญญาฉบับแรกไม่
ตามสัญญาที่โจทก์กับจำเลยที่ 1 ทำไว้ต่อกัน จำเลยจะต้องชำระหนี้แทนโจทก์และรับโอนที่ดินประทานบัตรของโจทก์เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ประกอบกิจการทำเหมืองแร่แต่จำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการ ได้เข้าปฏิบัติการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้และรับโอนประทานบัตรของโจทก์มาในนามจำเลยที่ 2 ถือได้ว่าการชำระหนี้และรับโอนประทานบัตรดังกล่าวจำเลยที่ 2 กระทำในฐานะเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1
ตามสัญญาที่ทำไว้ โจทก์กับจำเลยที่ 1 จะต้องตั้งบริษัทขึ้น เพื่อประกอบกิจการทำเหมืองแร่ในที่ดินประทานบัตรของโจทก์ที่โอนให้จำเลย โดยโจทก์จำเลยต่างเป็นผู้ถือหุ้นตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ แต่เมื่อบริษัทยังมิได้จัดตั้งขึ้นตามสัญญา จำเลยจะถือสิทธิเข้าไปทำเหมืองแร่ในที่ดินประทานบัตรนั้นโดยลำพังหาได้ไม่ เพราะผิดข้อตกลงที่ทำไว้ การที่จำเลยที่ 1 เข้าดำเนินการและในฐานะที่จำเลยที่1 เป็นกรรมการผู้จัดการและผู้แทนของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นนิติบุคคลยินยอมให้จำเลยที่ 2 เข้าร่วมดำเนินการขุดหาแร่ โดยโจทก์มิได้รู้เห็นยินยอมหรือเกี่ยวข้องด้วยย่อมเป็นการใช้สิทธิไม่สุจริต และเป็นการผิดสัญญาที่จำเลยที่ 1 ทำไว้กับโจทก์ โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาเสียได้
การที่จำเลยทั้งสองเข้าดำเนินการขุดเอาแร่ในที่ดินประทานบัตรของโจทก์ไปเป็นประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว จำเลยต้องร่วมกันรับผิดต่อโจทก์ โดยจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดในฐานผิดสัญญาของข้อตกลง ส่วนจำเลยที่ 2 ซึ่งไม่มีสิทธิอย่างใดในการขุดเอาแร่ในที่ดินประทานบัตรของโจทก์ ต้องรับผิดฐานละเมิด
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจ พิพากษาให้คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้เสียค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวง หรือจะให้เป็นพับกันไปก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 630/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ร่วม, การครอบครองเพื่อหลีกเลี่ยงเกณฑ์ทหาร ไม่ถือเป็นกรรมสิทธิ์, จักษุพิการยังมีความสามารถดำเนินคดี
กองทรัพย์สินของตระกูลไม่ใช่นิติบุคคล จะเป็นเจ้าของทรัพย์สินใด ๆไม่ได้
ญาติๆลงชื่อจำเลยในโฉนดเพื่อคุ้มครองมิให้ต้องถูกเกณฑ์ทหารนั้นไม่ถือว่าเป็นการให้จริงจัง จำเลยคงเป็นผู้แทนของพวกญาติ ที่ดินไม่ตกเป็นกรรมสิทธิของจำเลย
บุคคลจักษุพิการ ซึ่งศาลยังไม่ได้สั่งว่า เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ ยังคงมีความสามารถดำเนินคดีในศาลได้เช่นบุคคลทั้งหลาย
ญาติๆลงชื่อจำเลยในโฉนดเพื่อคุ้มครองมิให้ต้องถูกเกณฑ์ทหารนั้นไม่ถือว่าเป็นการให้จริงจัง จำเลยคงเป็นผู้แทนของพวกญาติ ที่ดินไม่ตกเป็นกรรมสิทธิของจำเลย
บุคคลจักษุพิการ ซึ่งศาลยังไม่ได้สั่งว่า เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ ยังคงมีความสามารถดำเนินคดีในศาลได้เช่นบุคคลทั้งหลาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 630/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดินรวม, การครอบครองเพื่อหลีกเลี่ยงเกณฑ์ทหารไม่ถือเป็นการให้, จักษุพิการยังมีความสามารถดำเนินคดี
กองทรัพย์สินของตระกูลไม่ใช่นิติบุคคล จะเป็นเจ้าของทรัพย์สินใดๆ ไม่ได้
ญาติๆ ลงชื่อจำเลยในโฉนดเพื่อคุ้มครองมิให้ต้องถูกเกณฑ์ทหารนั้นไม่ถือว่าเป็นการให้จริงจัง จำเลยคงเป็นผู้แทนของพวกญาติ ที่ดินไม่ตกเป็นกรรมสิทธิของจำเลย
บุคคลจักษุพิการ ซึ่งศาลยังไม่ได้สั่งว่า เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ ยังคงมีความสามารถดำเนินคดีในศาลได้ เช่นบุคคลทั้งหลาย
ญาติๆ ลงชื่อจำเลยในโฉนดเพื่อคุ้มครองมิให้ต้องถูกเกณฑ์ทหารนั้นไม่ถือว่าเป็นการให้จริงจัง จำเลยคงเป็นผู้แทนของพวกญาติ ที่ดินไม่ตกเป็นกรรมสิทธิของจำเลย
บุคคลจักษุพิการ ซึ่งศาลยังไม่ได้สั่งว่า เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ ยังคงมีความสามารถดำเนินคดีในศาลได้ เช่นบุคคลทั้งหลาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 380/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีแทนผู้เสมือนไร้ความสามารถ: ผู้พิทักษ์ไม่มีอำนาจฟ้องแทน เว้นแต่กรณีที่ต้องได้รับความยินยอม
ผู้เสมือนไร้ความสามารถยังสามารถประกอบกิจการต่างๆ ได้ด้วยตนเอง เว้นแต่ในบางกรณีจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์เสียก่อนเท่านั้นฉะนั้นผู้พิทักษ์จึงหามีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้เสมือนไร้ความสามารถได้ไม่
(อ้างฎีกาที่ 666/2495)
เรื่องอำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นต่อสู้ ศาลก็ควรยกขึ้นวินิจฉัย
(อ้างฎีกาที่ 666/2495)
เรื่องอำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นต่อสู้ ศาลก็ควรยกขึ้นวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 666/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องแทนผู้เสมือนไร้ความสามารถ: ผู้พิทักษ์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้เสมือนไร้ความสามารถโดยไม่ได้รับมอบหมาย
ผู้เสมือนไร้ความสามารถย่อมประกอบกิจการต่าง ๆ ได้ เว้นแต่ในบางกรณี จึงต้องได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์ก่อนเท่านั้น กฎหมายมิได้ให้อำนาจผู้พิทักษ์มีอำนาจปกครองผู้เสมือนไร้ความสามารถด้วยไม่ ฉะนั้นผู้พิทักษ์จะฟ้องความแทนผู้เสมือนไร้ความสามารถโดยลำพังตนเองโดยมิได้รับมอบอำนาจจากผู้เสมือนไร้ความสามารถไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจผู้พิทักษ์จัดการทรัพย์สินคนใบ้: นิติกรรมที่ทำตามคำสั่งศาลไม่เป็นโมฆะ
คนใบที่ไม่สามารถจะทำให้เจ้าพนักงานเข้าใจความประสงค์ที่จะทำนิติกรรมได้นั้น เมื่อผู้พิทักษ์ร้องขอต่อศาล ขอเป็นผู้พิทักษ์ และจัดการจำนองหรือขายที่ดินของคนใบ้เพื่อชำระหนี้คนใบ้ จนได้รับอนุญาตจากศาลแล้ว ผู้พิทักษ์ก็จัดการจำนองหรือขายฝากที่ดินแทนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการทรัพย์สินของคนไร้ความสามารถโดยผู้พิทักษ์ตามคำสั่งศาล การจำนอง/ขายฝากต้องเป็นไปตามคำสั่ง
คนใบ้ที่ไม่สามารถจะทำให้เจ้าพนักงานเข้าใจความประสงค์ที่จะทำนิติกรรมได้นั้น เมื่อผู้พิทักษ์ร้องขอต่อศาล ขอเป็นผู้พิทักษ์ และจัดการจำนองหรือขายที่ดินของคนใบ้เพื่อชำระหนี้คนใบ้ จนได้รับอนุญาตจากศาลแล้ว ผู้พิทักษ์ก็จัดการจำนองหรือขายฝากที่ดินแทนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 196/2478
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนประโยชน์แห่งสัญญาและการเปลี่ยนแปลงฐานะทางกฎหมายของคู่สัญญา รวมถึงสิทธิในการหักเงินค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการทำเหมืองแร่
ก่อให้เกิดสัญญาคู่สัญญากับโจทก์โอนประโยชน์แห่งสัญญาให้แก่จำเลยจำเลยยอมรับสิทธิและบรรดาความรับผิดตามสัญญานั้นกับโจทก์เสมอมา นับว่าเกิดนิติสัมพันธ์ขึ้นระวางโจทก์จำเลยแล้ว คู่สัญญาฝ่ายหนึ่ง ผิดสัญญาอีกฝ่าย 1 ไม่ฟ้องร้อง แต่กลับทำสัญญายอมรับฐานะใหม่ดังนี้ คู่สัญญาก็ย่อมมีสิทธิแลหน้าที่ตามฐานะใหม่นั้นจะยกเอาข้อผิดสัญญาเดิมมาว่ากล่าวกันไม่ได้ คำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการแลคำสั่งเจ้าพนักงานโลหะกิจกำหนดค่าธรรมเนียมตาม พ.ร.บ.การทำเหมืองแร่ พ.ร.บ.การทำเหมืองแร่ไม่มีบทให้อุทธรณ์ได้ วิธีพิจารณาความแพ่งข้อเท็จจริงซึ่งศาลล่างยังมิได้ชี้ขาดมาศาลฎีกาย้อนสำนวนให้พิจารณาพิพากษาใหม่ฉะเพาะข้อนั้น ๆ ได้