พบผลลัพธ์ทั้งหมด 179 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4024/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความผิดฐานกระทำชำเราและอนาจาร: การฟ้องฐานชำเราครอบคลุมความผิดฐานอนาจาร
การกระทำอนาจารคือการกระทำที่ไม่สมควรในทางเพศ เพียงแต่กอดจูบลูบคลำ แตะต้องเนื้อตัวร่างกายในทางไม่สมควรก็เป็นความผิดสำเร็จแล้วส่วนการกระทำชำเราจะเป็นความผิดสำเร็จเมื่อใช้อวัยวะเพศของชายบังคับใส่ล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศของหญิง การกระทำชำเราจึงรวมถึงการกระทำอนาจารอยู่ในตัว โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปีโดยผู้เสียหายไม่ยินยอม ขอให้ลงโทษฐานกระทำชำเรา ย่อมหมายความว่าโจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำอนาจารอยู่ด้วยในตัวแม้ไม่ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 ฐานกระทำอนาจารถ้าพิจารณาได้ความว่าจำเลยได้กอดจูบลูบคลำผู้เสียหาย ก็ย่อมลงโทษฐานกระทำอนาจารซึ่งมีโทษเบากว่าได้ ไม่เกินคำขอ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3278/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามข่มขืนกระทำชำเรา: การกระทำไม่ถือเป็นอนาจารอื่น
การที่จำเลยให้ผู้เสียหายนั่งโก้งโค้งและจำเลยนั่งคุกเข่าอยู่ข้างหลังใช้มือข้างหนึ่งจับเอวผู้เสียหาย ส่วนอีกข้างหนึ่งปิดปากแล้วใช้อวัยวะเพศของจำเลยทิ่มเข้าไปที่อวัยวะเพศของผู้เสียหายหลายครั้งนั้น เป็นอากัปกิริยาที่จำเลยใช้ในการพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ไม่ถือว่าเป็นการกระทำอนาจารอย่างอื่นอีกจึงไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 อีกบทหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 117/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานกระทำอนาจารแก่เด็ก แม้ไม่มีการสอดใส่ แต่มีการถูไถสำเร็จความใคร่
จำเลยเพียงแต่ใช้อวัยวะเพศของจำเลยถูไถสัมผัสที่ด้านนอกของอวัยวะเพศของผู้เสียหายซึ่งเป็นบุตรสาวของจำเลยจนสำเร็จความใคร่โดยไม่มีเจตนาสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศผู้เสียหายแต่อย่างใดจึงไม่มีความผิดฐานพยายามกระทำชำเรา แต่การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคแรก และเป็นการกระทำแก่ผู้สืบสันดาน จึงมีโทษหนักขึ้นตามมาตรา 285 โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277และ 285 โดยไม่ได้ขอให้ลงโทษตามมาตรา 279 แต่ความผิดตามที่โจทก์ฟ้องนั้นรวมการกระทำความผิดฐานกระทำอนาจารตามมาตรา 279อยู่ด้วย ศาลจึงมีอำนาจลงโทษจำเลยตามความผิดที่พิจารณาได้ความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 117/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำอนาจารเด็กและการพิจารณาความผิดฐานพยายามกระทำชำเรา โดยพิจารณาจากพยานหลักฐานทางการแพทย์
ตามพฤติการณ์ของจำเลยน่าเชื่อว่า จำเลยเพียงแต่ใช้อวัยวะเพศของจำเลยถู ไถสัมผัสอวัยวะเพศของผู้เสียหายที่ด้านนอกจนสำเร็จความใคร่โดยไม่มีเจตนาสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหาย จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานพยายามกระทำชำเราผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานกระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ตาม ป.อ. มาตรา 279 วรรคแรก และเป็นการกระทำแก่ผู้สืบสันดานมีโทษหนักขึ้นตามมาตรา 285 แม้โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 277 และ 285 โดยไม่ได้ขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 279 ด้วย แต่ความผิดตามที่โจทก์ฟ้องนั้นรวมการกระทำผิดฐานกระทำอนาจารตามมาตรา 279 ด้วย ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยตามความผิดที่พิจารณาได้ความได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192วรรคท้าย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 110/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยไม่ร่วมข่มขืน แต่กระทำอนาจารผู้เสียหาย ศาลฎีกาพิพากษากลับให้ลงโทษฐานกระทำอนาจาร
จำเลยไม่ได้ร่วมกับผู้หลบหนีข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายซึ่งมีอายุ 12 ปี ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องเฉพาะข้อหาร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา อันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ข้อเท็จจริงส่วนนี้จึงถึงที่สุดตาม ป.วิ.อ. มาตรา 220 ส่วนปัญหาว่า จำเลยกระทำอนาจารผู้เสียหายอันเป็นการกระทำส่วนหนึ่งในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราหรือไม่นั้น ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 279 วรรคแรก ส่วนศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำอนาจารผู้เสียหาย ศาลมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยได้ตาม ป.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5881/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิง โดยการพยายามกระทำความผิดไม่สมบูรณ์และเจตนาในการกระทำ
จำเลยกระทำการข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายไปไม่ตลอดเพราะผู้เสียหายยังเล็ก อวัยวะเพศของจำเลยไม่สามารถเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายได้ จำเลยไม่ได้ยับยั้งไม่กระทำการให้ตลอดเสียเองกรณีไม่เข้าข้อยกเว้นเหตุไม่ต้องรับโทษสำหรับการพยายามกระทำความผิดดังกล่าวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 82
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5881/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราเด็ก โดยการพยายามกระทำความผิดแม้ไม่สำเร็จ และการลงโทษที่เหมาะสม
จำเลยกระทำการข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายไปไม่ตลอดเพราะผู้เสียหายยังเล็ก อวัยวะเพศของจำเลยไม่สามารถเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายได้ จำเลยไม่ได้ยับยั้งไม่กระทำการให้ตลอดเสียเองกรณีไม่เข้าข้อยกเว้นเหตุไม่ต้องรับโทษสำหรับการพยายามกระทำความผิดดังกล่าวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 82.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5648/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ครูอนาจารนักเรียน, พรากผู้เยาว์, ข่มขืนกระทำชำเรา, ศาลยืนโทษหนัก
ความผิดฐานอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคแรกศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลย 3 ปี ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก
จำเลยเรียกผู้เสียหายไปบ้านจำเลยขณะภรรยาของจำเลยไม่อยู่บ้าน และจำเลยกอดผู้เสียหายในขณะที่นั่งดูโทรทัศน์ที่บ้านของจำเลย การที่จำเลยพาผู้เสียหายไปบ้านของตนขณะไม่มีคนอยู่บ้านและกระทำการแสดงออกที่ไม่สมควรทางเพศเช่นนั้น เป็นการบ่งชี้เจตนาให้เห็นตั้งแต่มาเรียกผู้เสียหายไปจากบ้านของผู้เสียหายเพื่อไปบ้านจำเลยซึ่งอยู่ห่างไกล แสดงให้เห็นว่ามีจุดมุ่งหมายที่จะพาไปเพื่อการไม่สมควรทางเพศ แม้ว่าขณะพาไปมารดาของผู้เสียหายไปทำงานไม่ได้อยู่บ้านก็ตามต้องถือว่าผู้เสียหายอยู่ในความปกครองดูแลของมารดา การที่จำเลยพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารนั้นเป็นการแยกผู้เยาว์ไปจากอำนาจปกครองของมารดาโดยไม่มีเหตุอันสมควร เป็นการพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคสาม
จำเลยเป็นครูมีหน้าที่ที่จะต้องสร้างเยาวชนให้เป็นคนดีมีความสามารถและเป็นอาชีพที่บุคคลทั่วไปให้ความเคารพนับถือ แต่จำเลยกลับกระทำการอันเป็นเรื่องบัดสีต่อนักเรียนที่จะต้องให้การอบรมโดยอาศัยความเกรงกลัวและความเคารพนับถือที่นักเรียนมีต่อครู มาเป็นโอกาสกระทำการจนผู้เสียหายซึ่งอยู่ในวัยที่ต้องเจริญเติบโตต้องมาเสียอนาคตไปกับการกระทำของจำเลย จึงไม่มีเหตุใด ๆ ที่จะให้ความปรานีแก่จำเลยได้
จำเลยเรียกผู้เสียหายไปบ้านจำเลยขณะภรรยาของจำเลยไม่อยู่บ้าน และจำเลยกอดผู้เสียหายในขณะที่นั่งดูโทรทัศน์ที่บ้านของจำเลย การที่จำเลยพาผู้เสียหายไปบ้านของตนขณะไม่มีคนอยู่บ้านและกระทำการแสดงออกที่ไม่สมควรทางเพศเช่นนั้น เป็นการบ่งชี้เจตนาให้เห็นตั้งแต่มาเรียกผู้เสียหายไปจากบ้านของผู้เสียหายเพื่อไปบ้านจำเลยซึ่งอยู่ห่างไกล แสดงให้เห็นว่ามีจุดมุ่งหมายที่จะพาไปเพื่อการไม่สมควรทางเพศ แม้ว่าขณะพาไปมารดาของผู้เสียหายไปทำงานไม่ได้อยู่บ้านก็ตามต้องถือว่าผู้เสียหายอยู่ในความปกครองดูแลของมารดา การที่จำเลยพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารนั้นเป็นการแยกผู้เยาว์ไปจากอำนาจปกครองของมารดาโดยไม่มีเหตุอันสมควร เป็นการพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคสาม
จำเลยเป็นครูมีหน้าที่ที่จะต้องสร้างเยาวชนให้เป็นคนดีมีความสามารถและเป็นอาชีพที่บุคคลทั่วไปให้ความเคารพนับถือ แต่จำเลยกลับกระทำการอันเป็นเรื่องบัดสีต่อนักเรียนที่จะต้องให้การอบรมโดยอาศัยความเกรงกลัวและความเคารพนับถือที่นักเรียนมีต่อครู มาเป็นโอกาสกระทำการจนผู้เสียหายซึ่งอยู่ในวัยที่ต้องเจริญเติบโตต้องมาเสียอนาคตไปกับการกระทำของจำเลย จึงไม่มีเหตุใด ๆ ที่จะให้ความปรานีแก่จำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5648/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ครูอนาจารนักเรียน – ความผิดฐานพรากผู้เยาว์, อนาจาร, ข่มขืน – ศาลฎีกายืนโทษ
ความผิดฐานอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคแรกศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลย 3 ปีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก จำเลยเรียกผู้เสียหายไปบ้านจำเลยขณะภรรยาของจำเลยไม่อยู่บ้านและจำเลยกอดผู้เสียหายในขณะที่นั่งดูโทรทัศน์ที่บ้านของจำเลยการที่จำเลยพาผู้เสียหายไปบ้านของตนขณะไม่มีคนอยู่บ้านและกระทำการแสดงออกที่ไม่สมควรทางเพศเช่นนั้น เป็นการบ่งชี้เจตนาให้เห็นตั้งแต่มาเรียกผู้เสียหายไปจากบ้านของผู้เสียหายเพื่อไปบ้านจำเลยซึ่งอยู่ห่างไกล แสดงให้เห็นว่ามีจุดมุ่งหมายที่จะพาไปเพื่อการไม่สมควรทางเพศ แม้ว่าขณะพาไปมารดาของผู้เสียหายไปทำงานไม่ได้อยู่บ้านก็ตามต้องถือว่าผู้เสียหายอยู่ในความปกครองดูแลของมารดา การที่จำเลยพาผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารนั้นเป็นการแยกผู้เยาว์ไปจากอำนาจปกครองของมารดาโดยไม่มีเหตุอันสมควรเป็นการพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 317 วรรคสาม จำเลยเป็นครูมีหน้าที่ที่จะต้องสร้างเยาวชนให้เป็นคนดีมีความสามารถและเป็นอาชีพที่บุคคลทั่วไปให้ความเคารพนับถือแต่จำเลยกลับกระทำการอันเป็นเรื่องบัดสีต่อนักเรียนที่จะต้องให้การอบรมโดยอาศัยความเกรงกลัวและความเคารพนับถือที่นักเรียนมีต่อครูมาเป็นโอกาสกระทำการจนผู้เสียหายซึ่งอยู่ในวัยที่ต้องเจริญเติบโตต้องมาเสียอนาคตไปกับการกระทำของจำเลย จึงไม่มีเหตุใด ๆที่จะให้ความปรานีแก่จำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5398/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามข่มขืนกระทําชําเราเด็กอายุไม่เกินสิบสามปี และการปรับบทลงโทษตามกฎหมายอาญา
จําเลยถ่างขาของโจทก์ร่วมออก ขึ้นคร่อมบนตัวโจทก์ร่วม เอาอวัยวะเพศของตนใส่เข้าไปที่อวัยวะเพศ ของโจทก์ร่วม แต่อวัยวะเพศของจําเลยมิได้ล่วงล้ําเข้าไปในช่องคลอด เพราะเยื่อพรหมจารียังปกติอยู่ แต่ บริเวณปากช่องคลอดและแคมในทั้งสองข้างแดง ผิดปกติ แสดงว่าจําเลยพยายามสอดใส่อวัยวะเพศของตน เข้าไปในช่องคลอดของโจทก์ร่วมแต่กระทําไม่สําเร็จ เพราะมีคนขึ้นมาบนบ้านเสียก่อน พฤติการณ์บ่งชี้ชัดแจ้ง ว่า จําเลยมีเจตนาข่มขืนกระทําชําเรา จําเลยจึงมีความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทําชําเราโจทก์ร่วม ไม่ปรากฏ ว่านอกจากพยายามข่มขืนกระทําชําเราโจทก์ร่วมแล้วจําเลยจะได้กระทําอนาจารอย่างอื่นแก่โจทก์ร่วมอีก จําเลยจึงหามีความผิดฐานกระทําอนาจารโจทก์ร่วมอีกบทหนึ่งด้วยไม่ เมื่อกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทําความผิด และกฎหมายที่ใช้ภายหลังกระทําความผิดไม่แตกต่างกัน ก็จะต้องปรับบทลงโทษจําเลยตามกฎหมายที่ใช้ใน ขณะกระทําความผิด จะปรับบทลงโทษตามกฎหมายที่ใช้ภายหลังกระทําผิดไม่ได้ การที่ศาลอุทธรณ์ปรับบท กฎหมายลงโทษจําเลยไม่ถูกต้องนั้น เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความจะมิได้ ฎีกาศาลฎีกาก็มีอํานาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225