คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 317

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 141 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1839/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำอนาจารและการพรากผู้เยาว์: การพิจารณาเจตนาในการกระทำความผิดทางเพศ
จำเลยพาผู้เสียหายไปที่ป่าละเมาะและใช้อวัยวะเพศของจำเลยทิ่มตำอวัยวะเพศของผู้เสียหายกับใช้นิ้วชี้ใส่เข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายแล้วใช้มือของจำเลยชักอวัยวะเพศของตนจนสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองโดยไม่มีเจตนากระทำชำเราผู้เสียหายการกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำอนาจารแก่ผู้เสียหายและพรากผู้เสียหายไปจากบิดามารดาผู้ดูแลเท่านั้นหาใช่เป็นความผิดฐานพยายามกระทำชำเราผู้เสียหายไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1400/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืน พรากเด็ก และพาอาวุธ ศาลยืนตามอุทธรณ์ แม้ฟ้องไม่ระบุผู้ดูแล แต่พิจารณาได้ความจริง
การพรากเด็กอายุไม่เกิน15ปีไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุอันสมควรตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา317นั้นไม่ว่าจำเลยจะพรากไปจากใครคนใดคนหนึ่งดังกล่าวก็มีความผิดทั้งสิ้นแม้โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยพรากผู้เสียหายไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครองโดยมิได้บรรยายว่าพรากไปจากผู้ดูแลด้วยแต่ทางพิจารณาได้ความว่าพรากไปจากผู้ดูแลก็มีความผิดมิใช่เป็นเรื่องข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างกับฟ้อง แม้มีดคัตเตอร์จะไม่เป็นอาวุธโดยสภาพแต่ทุกครั้งที่จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจำเลยเอามีดคัตเตอร์ที่จำเลยพาไปออกมาขู่เข็ญผู้เสียหายแสดงว่าจำเลยพามีดคัตเตอร์ไปโดยเจตนาจะใช้เป็นอาวุธจึงมีความผิดฐานพาอาวุธไปในเมือง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1400/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพรากเด็กและการใช้มีดคัตเตอร์ข่มขู่ ถือเป็นความผิดฐานพรากเด็กและมีอาวุธ
การพรากเด็กอายุไม่เกิน15ปีไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุอันสมควรตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา317นั้นไม่ว่าจำเลยจะพรากไปจากใครคนใดคนหนึ่งตามที่กฎหมายบัญญัติไว้จำเลยก็มีความผิดทั้งสิ้นดังนั้นแม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่าจำเลยพรากผู้เสียหายอายุไม่เกิน15ปีไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครองโดยมิได้บรรยายว่าพรากไปจากผู้ดูแลด้วยแต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยพรากไปจากผู้ดูแลจำเลยก็มีความผิดมิใช่เป็นเรื่องข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างกับฟ้อง แม้ มีดคัตเตอร์จะไม่เป็นอาวุธโดยสภาพแต่ทุกครั้งที่จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจำเลยเอามีดคัตเตอร์ที่จำเลยพาไปออกมาขู่เข็ญผู้เสียหายแสดงว่าจำเลยพามีดคัตเตอร์ไปโดยเจตนาจะใช้เป็นอาวุธมีดคัตเตอร์จึงเป็นอาวุธ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1400/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพรากเด็ก และการใช้มีดคัตเตอร์เป็นอาวุธ
การพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุอันสมควรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา317 นั้น ไม่ว่าจำเลยจะพรากไปจากใครคนใดคนหนึ่งตามที่กฎหมายบัญญัติไว้จำเลยก็มีความผิดทั้งสิ้น ดังนั้น แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่าจำเลยพรากผู้เสียหายอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง โดยมิได้บรรยายว่าพรากไปจากผู้ดูแลด้วย แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยพรากไปจากผู้ดูแลจำเลยก็มีความผิด มิใช่เป็นเรื่องข้อเท็จจริงในทางพิจารณาแตกต่างกับฟ้อง
แม้มีดคัตเตอร์จะไม่เป็นอาวุธโดยสภาพ แต่ทุกครั้งที่จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย จำเลยเอามีดคัตเตอร์ที่จำเลยพาไปออกมาขู่เข็ญผู้เสียหาย แสดงว่าจำเลยพามีดคัตเตอร์ไปโดยเจตนาจะใช้เป็นอาวุธ มีดคัตเตอร์จึงเป็นอาวุธ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 741/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพรากผู้เยาว์เพื่ออนาจารและการกระทำความผิดฐานเป็นธุระจัดหาพาไปเพื่อการอนาจาร
ผู้เสียหายทั้งสี่มีอายุอยู่ระหว่างตั้งแต่ 12 ปี ถึง 16 ปี อยู่ในความปกครองของบิดามารดา จำเลยทั้งสามชักชวนให้ผู้เสียหายทั้งสี่ไปทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในภาคใต้แล้วพาไปประกอบอาชีพโสเภณี การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการร่วมกันพรากผู้เสียหายทั้งสี่ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุอันสมควรเพื่อการอนาจาร ทั้งผู้เสียหายทั้งสี่เพียงแต่เต็มใจไปทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในจังหวัดภาคใต้ มิได้เต็มใจไปค้าประเวณี จึงถือไม่ได้ว่าผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย
แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่า จำเลยทั้งสามกระทำความผิดฐานเป็นธุระจัดหาพาไปเพื่อการอนาจารตาม ป.อ. มาตรา 283 วรรคสอง 1 กรรมและมาตรา 283 วรรคสาม 3 กรรม และฐานพรากเด็กและผู้เยาว์ตาม ป.อ.มาตรา 317 วรรคสาม 3 กรรม และมาตรา 319 วรรคหนึ่ง 1 กรรม แต่โจทก์บรรยายฟ้องโดยไม่มีรายละเอียดให้เห็นว่า โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษทุกกรรม ศาลจะลงโทษจำเลยทั้งสามให้แต่ละกรรมนอกเหนือจากคำฟ้องและคำขอของโจทก์หาได้ไม่จึงลงโทษจำเลยทั้งสามตาม ป.อ. มาตรา 283 วรรคสาม กรรมเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 741/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร – การกระทำผิดฐานเป็นธุระจัดหาพาไปเพื่อการอนาจาร และการลงโทษตามบทบัญญัติที่โจทก์ฟ้อง
ผู้เสียหายทั้งสี่มีอายุอยู่ระหว่างตั้งแต่12ปีถึง16ปีอยู่ในความปกครองของบิดามารดาจำเลยทั้งสามชักชวนให้ผู้เสียหายทั้งสี่ไปทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในภาคใต้แล้วพาไปประกอบอาชีพโสเภณีการกระทำดังกล่าวจึงเป็นการร่วมกันพรากผู้เสียหายทั้งสี่ไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุอันสมควรเพื่อการอนาจารทั้งผู้เสียหายทั้งสี่เพียงแต่เต็มใจไปทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในจังหวัดภาคใต้มิได้เต็มใจไปค้าประเวณีจึงถือไม่ได้ว่าผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย แม้ทางพิจารณาจะได้ความว่าจำเลยทั้งสามกระทำความผิดฐานเป็นธุระจัดหาพาไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา283วรรคสอง1กรรมและมาตรา283วรรคสาม3กรรมและฐานพรากเด็กและผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา317วรรคสาม3กรรมและมาตรา319วรรคหนึ่ง1กรรมแต่โจทก์บรรยายฟ้องโดยไม่มีรายละเอียดให้เห็นว่าโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษทุกกรรมศาลจะลงโทษจำเลยทั้งสามให้แต่ละกรรมนอกเหนือจากคำฟ้องและคำขอของโจทก์หาได้ไม่จึงลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา283วรรคสามกรรมเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5079/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพรากเด็กกับความยินยอมและการอยู่กินฉันสามีภริยา ไม่เป็นความผิดฐานพรากเด็ก และการรอการลงโทษ
นางพ.ได้นำเด็กหญิงพ.ผู้เสียหายซึ่งมีอายุ 14 ปีเศษบุตรสาวไปทำงานที่ร้านขายอาหารของนางส. ต่อมาจำเลยได้พาเด็กหญิงพ.ออกจากร้านอาหารโดยไม่ปรากฏว่านางพ.และนางส.รู้เห็นแล้วนำไปกระทำชำเราที่บ้านพักของจำเลยโดยเด็กหญิงพ.ยินยอม ด้วยประสงค์จะเลี้ยงดูเด็กหญิง พ. เป็นภริยาและต่อมาเด็กหญิงพ. กับจำเลยได้อยู่กินฉันสามีภริยา การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานพรากเด็กไปจากมารดาและผู้ดูแลโดยปราศจากเหตุอันสมควรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4995/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพรากเด็กเพื่อการอนาจาร: ความสัมพันธ์โดยสมัครใจไม่มีเจตนาพราก
ผู้เสียหายซึ่งเป็นเด็กกับจำเลยสมัครใจรักใคร่ชอบพอกันโดยจำเลยยังไม่มีภริยามาก่อน และจำเลยได้พาผู้เสียหายไปนอนหลับได้เสียกันก็เพื่อประสงค์จะกินอยู่ด้วยฉันสามีภริยา ต่อมาฝ่ายจำเลยมีเหตุขัดข้องไม่สามารถจัดหาสินสอดและของหมั้นไปสู่ขอผู้เสียหายจากบิดามารดาผู้เสียหายตามประเพณีได้ จึงมิได้อยู่กินด้วยกัน ดังนี้การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานพรากเด็กไปเพื่อการอนาจาร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1131/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวหรือหลายกรรม: เจตนาของผู้กระทำเป็นสำคัญ แม้กระทำผิดหลายฐานในคราวเดียว
การพิจารณาว่าการกระทำเป็นกรรมเดียวหรือหลายกรรมต่างกันมิใช่จะพิจารณาแต่เพียงว่าถ้าเป็นการกระทำความผิดหลายฐานในครั้งเดียวคราวเดียวแล้วจะต้องเป็นกรรมเดียวเสมอไป การกระทำผิดหลายฐานในครั้งเดียวคราวเดียวอาจเป็นหลายกรรมต่างกันได้ หากผู้กระทำมีเจตนาที่จะให้เกิดผลต่างกันหรือประสงค์จะให้เกิดผลเป็นความผิดหลายฐาน จำเลยพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายและพรากผู้เสียหายไปจากมารดาของผู้เสียหาย ซึ่งได้กระทำในคราวเดียวกัน อันเป็นความผิดต่อผู้เสียหายกับเป็นความผิดต่อมารดาผู้เสียหาย ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำความผิดให้เกิดผลในกรรมในความผิดต่างฐานต่างหากจากกัน จึงเป็นความผิดหลายกรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 628/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพและการพิจารณาความผิดฐานต่างๆ ศาลฎีกายกฟ้องฐานพรากผู้เยาว์และยืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
จำเลยยื่นคำร้องขอถอนคำให้การเดิมขอให้การใหม่รับสารภาพศาลชั้นต้นจดคำให้การจำเลยที่รับสารภาพขึ้นใหม่ การที่ตัวจำเลยได้ลงชื่อในฐานะจำเลยลงในคำให้การและในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลต่อหน้าศาลชั้นต้นนั้นเป็นการแสดงให้เห็นว่า จำเลยมีเจตนายื่นคำร้องให้การรับสารภาพผิดตามฟ้องโจทก์ใหม่ต่อศาลด้วยตัวของจำเลยโดยไม่ประสงค์ให้ทนายความที่แต่งตั้งทำแทนซึ่งย่อมกระทำได้เพราะทนายความที่จำเลยแต่งตั้งนั้นตามกฎหมายเพียงให้เข้ามาดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลในฐานะตัวแทนของจำเลยเท่านั้น ฟ้องโจทก์ระบุว่า ผู้เสียหายอายุ 11 ปี 10 เดือน ทางพิจารณาปรากฏว่าผู้เสียหายอายุ 14 ปี 10 เดือน 16 วัน เมื่อตามฟ้องโจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 277 วรรคแรก วรรคสอง และวรรคสามซึ่งตามวรรคแรกได้ระบุอายุของผู้เสียหายไว้ไม่เกิน 15 ปีข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องอายุของผู้เสียหายจึงไม่แตกต่างกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในฟ้องอันจะเป็นเหตุให้ศาลยกฟ้อง การที่จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นการรับสารภาพว่าจำเลยได้กระทำตามฟ้องจริง ส่วนการกระทำตามฟ้องจะเป็นความผิดตามบทกฎหมายที่โจทก์ขอให้ลงโทษหรือไม่ เป็นอำนาจของศาลที่จะพิจารณาตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 185 แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาในข้อหาความผิดฐานพรากผู้เยาว์แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยมิได้มีเจตนาพรากผู้เสียหายไปจากผู้ปกครอง ศาลฎีกามีอำนาจยกฟ้องในข้อหาดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 ประกอบมาตรา 215,225 ที่จำเลยฎีกาว่า ลายมือชื่อผู้ร้องทุกข์ในบันทึกคำร้องทุกข์หรือกล่าวโทษในคดีนี้เป็นลายมือชื่อปลอมนั้น เป็นการยกข้อเท็จจริงขึ้นใหม่ในชั้นฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
of 15