พบผลลัพธ์ทั้งหมด 141 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3465/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจารเมื่อผู้เสียหายเป็นผู้ชักชวนและยินยอม
ผู้เสียหายกับจำเลยรับใคร่ ชอบพอกันมาก่อน ผู้เสียหายได้ไปหาจำเลย และเป็นฝ่ายชักชวนให้จำเลยซึ่งยังไม่มีภริยาพาผู้เสียหายไปจำเลยจึงพาผู้เสียหายไปที่บ้านบิดามารดาของจำเลยเพื่ออยู่กินกันฉันสามีภริยา ดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5410/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานค้าประเวณีและพรากเด็ก: การกระทำเป็นกรรมเดียวหรือหลายกรรม
การที่จำเลยหาผู้เสียหายไปขายให้แก่ จ. ซึ่งเป็นเจ้าของสถานการค้าประเวณีเพื่อให้ผู้เสียหายค้าประเวณี ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำผิดให้เกิดผลเป็นกรรมในความผิดฐานเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นเป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบสามปี โดยใช้อุบายหลอกลวงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 วรรคสาม ฐานหนึ่งแล้ว และขณะเดียวกันการที่จำเลยพรากผู้เสียหายไปเสียจากมารดาของผู้เสียหาย จำเลยก็มีเจตนากระทำความผิดให้เกิดผลเป็นความผิดฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปีไปเสียจากอำนาจ ปกครองของมารดาโดยปราศจากเหตุอันสมควร เพื่อการอนาจารตามมาตรา 317 วรรคสามอีกฐานหนึ่งต่างหากจากความผิดตามมาตรา 283 วรรคสาม มิใช่เป็นการกระทำกรรมเดียวกัน
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 กับพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2503 มาตรา 8 จำเลยกระทำเพียงครั้งเดียวและเกิดผลเดียวกัน จึงเป็นความผิดกรรมเดียว
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 กับพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2503 มาตรา 8 จำเลยกระทำเพียงครั้งเดียวและเกิดผลเดียวกัน จึงเป็นความผิดกรรมเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5410/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำผิดฐานค้ามนุษย์และพรากเด็ก การกระทำถือเป็นความผิดต่างฐานกัน
การที่จำเลยพาผู้เสียหายไปขายให้แก่ จ.ซึ่งเป็นเจ้าของสถานการค้าประเวณีเพื่อให้ผู้เสียหายค้าประเวณี ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำผิดให้เกิดผลเป็นกรรมในความผิดฐานเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นเป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งเด็กหญิงอายุยังไม่เกินสิบสามปี โดยใช้อุบายหลอกลวงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 วรรคสาม ฐานหนึ่งแล้ว และขณะเดียวกันการที่จำเลยพรากผู้เสียหายไปเสียจากมารดาของผู้เสียหาย จำเลยก็มีเจตนากระทำความผิดให้เกิดผลเป็นความผิดฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปีไปเสียจากอำนาจปกครองของมารดา โดยปราศจากเหตุอันสมควร เพื่อการอนาจารตามมาตรา 317 วรรคสามอีกฐานหนึ่งต่างหากจากความผิดตามมาตรา 283 วรรคสาม มิใช่เป็นการกระทำกรรมเดียวกัน ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 283 กับพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503 มาตรา 8 จำเลยกระทำเพียงครั้งเดียวและเกิดผลเดียวกัน จึงเป็นความผิดกรรมเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2557/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พรากเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี เพื่อการอนาจาร: การกระทำข่มขืนใจ พาไปที่เปลี่ยว และพฤติการณ์ไม่สมเหตุสมผล
ผู้เสียหายเป็นเด็กผู้หญิงอายุไม่เกิน 13 ปี นั่งรถโดยสารของจำเลยกลับบ้าน เมื่อจำเลยขับรถมาถึงปากซอยเข้าบ้านผู้เสียหายผู้เสียหายบอกให้จำเลยจอดรถเพื่อจะลง จำเลยไม่ยอมจอดรถให้ผู้เสียหายลง กลับขับรถที่มีแต่ผู้เสียหายนั่งอยู่ตามลำพังกับจำเลยไปในสถานที่เปลี่ยวซึ่งไม่ปรากฏว่ามีบ้านผู้ใดปลูกอยู่อาศัยบริเวณข้างทางเลยทั้งสองข้างทางก็เป็นที่รกเต็มไปด้วยต้นไม้ต่าง ๆ และพูดขอดูอวัยวะเพศของผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายกระโดดลงจากรถของจำเลยจำเลยยังขับรถแล่นไล่ตามดักหน้าดักหลังผู้เสียหาย พฤติการณ์ของจำเลยเป็นการข่มขืนใจและพาผู้เสียหายไปโดยความไม่สมัครใจของผู้เสียหาย เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2557/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พรากเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี เพื่อการอนาจาร: การกระทำข่มขืนใจ พาไปในที่เปลี่ยว และมีเจตนาไม่ชอบ
ผู้เสียหายเป็นเด็กผู้หญิงอายุไม่เกิน 13 ปี นั่งรถโดยสารของจำเลยกลับบ้าน เมื่อจำเลยขับรถมาถึงปากซอยเข้าบ้านผู้เสียหาย ผู้เสียหายบอกให้จำเลยจอดรถเพื่อจะลง จำเลยไม่ยอมจอดรถให้ผู้เสียหายลง กลับขับรถที่มีแต่ผู้เสียหายนั่งอยู่ตามลำพังกับจำเลยไปในสถานที่เปลี่ยวซึ่งไม่ปรากฏว่ามีบ้านผู้ใดปลูกอยู่อาศัยบริเวณข้างทางเลย ทั้งสองข้างทางก็เป็นที่รกเต็มไปด้วยต้นไม้ต่าง ๆ และพูดขอดูอวัยวะเพศของผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายกระโดดลงจากรถของจำเลย จำเลยยังขับรถแล่นไล่ตามดักหน้าดักหลังผู้เสียหาย พฤติการณ์ของจำเลยเป็นการข่มขืนใจและพาผู้เสียหายไปโดยความไม่สมัครใจของผู้เสียหาย เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคสาม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2338/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพรากผู้เยาว์: จำเลยรับเด็กกลับเพราะกลัวถูกทำโทษ ไม่เข้าข่ายความผิด
ผู้เยาว์อายุไม่เกินสิบสามปีออกจากบ้านไปคนเดียว จำเลยซึ่งเป็นป้ารับกลับมาแล้วไม่พาไปหาบิดามารดาเพราะผู้เยาว์กลัวถูกทำโทษไม่ยอมกลับ จนย่า ของผู้เยาว์ต้องนำไปบวชเณรเพื่อไม่ให้ถูกบิดามารดาทำโทษแล้วจึงให้ ส. ไปบอกบิดามารดาไปรับกลับเอง ดังนี้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์ตาม ป.อ. มาตรา 317.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2338/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพรากผู้เยาว์: จำเลยรับผู้เยาว์ที่กลัวถูกทำโทษ ไม่แจ้งบิดามารดา ไม่ถือเป็นความผิด
ผู้เยาว์อายุไม่เกินสิบสามปีออกจากบ้านไปคนเดียว จำเลยซึ่งเป็นป้ารับกลับมาแล้วไม่พาไปหาบิดามารดาเพราะผู้เยาว์กลัวถูกทำโทษไม่ยอมกลับ จนย่าของผู้เยาว์ต้องนำไปบวชเณรเพื่อไม่ให้ถูกบิดามารดาทำโทษแล้วจึงให้ ส. ไปบอกบิดามารดาไปรับกลับเอง ดังนี้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์ตาม ป.อ. มาตรา 317.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4312/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพรากผู้เยาว์เพื่อเป็นตัวประกัน: ไม่เข้าข่ายความผิดมาตรา 317 หากไม่มีเจตนาพรากจากความดูแล
จำเลยเป็นโรคประสาทหลอนกลัวคนจะทำร้ายได้อุ้มเอาผู้เสียหายซึ่งอยู่กับบิดาในสวนจตุจักรไปเป็นตัวประกันโดยเมื่อถึงสถานีขนส่งสายเหนือฝั่งถนนตรงกันข้ามแล้วก็จะปล่อยจำเลยหาได้มีเจตนาพรากผู้เสียหายไปจากความดูแลของบิดาไม่เพียงแต่กระทำไปโดยประสงค์ที่จะเอาตัวผู้เสียหายไปเป็นตัวประกันในระยะเวลาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นทั้งบิดาผู้เสียหายก็ยังคงติดตามไปด้วยยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา317.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4312/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพรากเด็กหญิงเพื่อใช้เป็นตัวประกันโดยมีเจตนาปล่อยตัว ไม่ถือเป็นความผิดฐานพรากผู้เยาว์
จำเลยเป็นโรคประสาทหลอนกลัวคนจะทำร้าย ได้อุ้มเอาผู้เสียหายซึ่งอยู่กับบิดาในสวนจตุจักรไปเป็นตัวประกันโดยเมื่อถึงสถานีขนส่งสายเหนือฝั่งถนนตรงกันข้ามแล้วก็จะปล่อย จำเลยหาได้มีเจตนาพรากผู้เสียหายไปจากความดูแลของบิดาไม่ เพียงแต่กระทำไปโดยประสงค์ที่จะเอาตัวผู้เสียหายไปเป็นตัวประกันในระยะเวลาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งบิดาผู้เสียหายก็ยังคงติดตามไปด้วย ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4312/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพรากผู้เยาว์เพื่อเป็นตัวประกันโดยไม่ได้มีเจตนาพรากจากผู้ดูแล ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317
จำเลยเป็นโรคประสาทหลอนกลัวคนจะทำร้าย ได้อุ้มเอาผู้เสียหายซึ่งอยู่กับบิดาในสวนจตุจักรไปเป็นตัวประกันโดยเมื่อถึงสถานีขนส่งสายเหนือฝั่งถนนตรงกันข้ามแล้วก็จะปล่อย จำเลยหาได้มีเจตนาพรากผู้เสียหายไปจากความดูแลของบิดาไม่ เพียงแต่กระทำไปโดยประสงค์ที่จะเอาตัวผู้เสียหายไปเป็นตัวประกันในระยะเวลาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งบิดาผู้เสียหายก็ยังคงติดตามไปด้วย ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317