พบผลลัพธ์ทั้งหมด 45 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 253/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิยึดหน่วงและการบังคับตามสัญญาซื้อขายหลังเจ้าของร่วมเสียชีวิต แม้เกินอายุความมรดก
สามีภริยาผู้เป็นเจ้าของร่วมในที่ดิน ทำสัญญาจะขายที่ดินนั้นแก่เขา โดยส่งมอบที่ดินและโฉนดให้ผู้ซื้อครอบครองแล้ว และผู้ขายก็ได้รับชำระราคาครบถ้วนแล้ว ต่อมาสามีตายลงเสียก่อนโอนโฉนดให้ผู้ซื้อ ดังนี้แม้ผู้ซื้อจะฟ้องคดีขอบังคับให้โอนตามสัญญาภายหลังสามีตายเกิน 1 ปี ซึ่งขากอายุความมรดกแล้วก็ตาม ก็ถือได้ว่าผู้ซื้อได้ครอบครองที่ดินที่จะซื้อขายกัน มีสิทธิยึดหน่วงทรัพย์สินไว้จนกว่าจะโอนกรรมสิทธิได้ เหตุที่ผู้ขายคนหนึ่งตายเกิน 1 ปีแล้ว ย่อมไม่ห้ามผู้ซื้อผู้ทรงสิทธิยึดหน่วงจะใช้สิทธิบังคับตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 189,241,
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1077/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของพินัยกรรม: พินัยกรรมไม่เป็นแบบ/มีแก้ไข, ดุลยพินิจศาล
พินัยกรรมฝ่ายเมืองนั้นแม้จะไม่ถูกต้องตามแบบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1658 ถ้าเป็นการถูกต้องอย่างพินัยกรรมแบบธรรมดาแล้ว ก็ต้องถือว่าพินัยกรรมนั้นสมบูรณ์ตามแบบธรรมดาได้
พินัยกรรมมีรอยขีดฆ่า แล้วมิได้เซ็นชื่อกำกับไว้ ถ้าปรากฏว่าข้อความที่ขีดฆ่านั้นเป็นข้อหยุมหยิมเล็กน้อย ไม่ใช่ข้อสำคัญมิได้ทำให้เสียถ้อยกะทงความตรงไหนแต่อย่างใด เพียงเท่านี้ หาทำให้พินัยกรรมทั้งฉบับนั้นเสียไปไม่ คงต้องถือว่าพินัยกรรมฉบับนั้นมีผลสมบูรณ์อยู่
ในกรณีที่คู่ความมิได้ต่อสู้ไว้ การที่ศาลจะยกข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนขึ้นอ้างเองนั้นศาลย่อมกระทำในเมื่อเห็นสมควร มิใช่ว่าถ้าเห็นเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ฯลฯ แล้วศาลจะต้องยกขึ้นเองเสมอไป
พินัยกรรมมีรอยขีดฆ่า แล้วมิได้เซ็นชื่อกำกับไว้ ถ้าปรากฏว่าข้อความที่ขีดฆ่านั้นเป็นข้อหยุมหยิมเล็กน้อย ไม่ใช่ข้อสำคัญมิได้ทำให้เสียถ้อยกะทงความตรงไหนแต่อย่างใด เพียงเท่านี้ หาทำให้พินัยกรรมทั้งฉบับนั้นเสียไปไม่ คงต้องถือว่าพินัยกรรมฉบับนั้นมีผลสมบูรณ์อยู่
ในกรณีที่คู่ความมิได้ต่อสู้ไว้ การที่ศาลจะยกข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนขึ้นอ้างเองนั้นศาลย่อมกระทำในเมื่อเห็นสมควร มิใช่ว่าถ้าเห็นเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ฯลฯ แล้วศาลจะต้องยกขึ้นเองเสมอไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1077/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมไม่สมบูรณ์ตามแบบ แต่ใช้ได้ตามแบบธรรมดา หากข้อขีดฆ่าไม่สำคัญ และศาลมีดุลพินิจอนุญาต
พินัยกรรม์ฝ่ายเมืองนั้นแม้จะไม่ถูกต้องตามแบบตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 1658 ถ้าเป็นการถูกต้องอย่างพินัยกรรม์แบบธรรมดาแล้ว ก็ต้องถือว่าพินัยกรรม์นั้นสมบูรณ์ตามแบบธรรมดาไว้
พินัยกรรม์มีรอยขีดฆ่า แล้วมิได้เซ็นชื่อกำกับไว้ ถ้าปรากฎว่าข้อความที่ขีดฆ่านั้นเป็นข้อหยุมหยิมเล็กน้อย ไม่ใช่ข้อสำคัญมิได้ทำให้เสียถ้อยกะทงความตรงไหนแต่อย่างใด เพียงเท่านี้ หาทำให้พินัยกรรม์ทั้งฉะบับนั้นเสียไปไม่คงถือว่าพินัยกรรม์ฉะบับนั้นมีผลสมบูรณ์อยู่
ในกรณีที่คู่ความมิได้ต่อสู้ไว้ การที่ศาลจะยกข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนขึ้นอ้างเองนั้น ศาลย่อมกระทำในเมื่อเห็นสมควร มิใช่ว่าถ้าเห็นเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ฯลฯ แล้ว ศาลจะต้องยกขึ้นเองเสมอไป
พินัยกรรม์มีรอยขีดฆ่า แล้วมิได้เซ็นชื่อกำกับไว้ ถ้าปรากฎว่าข้อความที่ขีดฆ่านั้นเป็นข้อหยุมหยิมเล็กน้อย ไม่ใช่ข้อสำคัญมิได้ทำให้เสียถ้อยกะทงความตรงไหนแต่อย่างใด เพียงเท่านี้ หาทำให้พินัยกรรม์ทั้งฉะบับนั้นเสียไปไม่คงถือว่าพินัยกรรม์ฉะบับนั้นมีผลสมบูรณ์อยู่
ในกรณีที่คู่ความมิได้ต่อสู้ไว้ การที่ศาลจะยกข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนขึ้นอ้างเองนั้น ศาลย่อมกระทำในเมื่อเห็นสมควร มิใช่ว่าถ้าเห็นเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ฯลฯ แล้ว ศาลจะต้องยกขึ้นเองเสมอไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1419/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละมฤดกโดยเอกสารปรานีประนอมยอมความ: ผลผูกพันต่อผู้รับมฤดกอื่น
ผู้รับมฤดกได้ทำเอกสารเป็นการปราณีประนอมยอมความในการสละมฤดกถูกต้องตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1612, 850 และผู้รับมฤดกผู้รับผิดได้ลงชื่อไว้ให้แล้ว ผู้รับมฤดกคนอื่นที่มิได้สละสิทธิไม่จำต้องลงชื่อด้วย ก็ย่อมใช้ได้และผูกพันผู้รับมฤดกที่สละมฤดกนั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1419/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละมรดกโดยการประนีประนอมยอมความ: การผูกพันผู้รับมรดกและผลของการไม่ลงชื่อ
ผู้รับมรดกได้ทำเอกสารเป็นการประนีประนอมยอมความในการสละมรดกถูกต้องตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1612,850 และผู้รับมรดกผู้รับผิดได้ลงชื่อไว้ให้แล้วผู้รับมรดกคนอื่นที่มิได้สละสิทธิ ไม่จำต้องลงชื่อด้วยก็ย่อมใช้ได้และผูกพันผู้รับมรดกที่สละมรดกนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1354/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายที่ดินยังไม่สมบูรณ์ สันนิษฐานเป็นสัญญาจะขายได้ หากมีเจตนาให้สมบูรณ์ภายหลัง
ที่พิพาทเป็นที่ว่างยังไม่ได้มีการปลูกสร้าง และไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน แต่ปรากฎว่าอยู่ริมถนนหลวงในเขตต์เทศบาลและมีบ้านเรือนปลูกอยู่แล้วโดยรอบที่นี้ จึงมีลักษณะเป็นที่บ้าน.
บิดาโจทก์ได้ทำสัญญาขายที่พิพาทซึ่งไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ให้แก่จำเลย ทั้งยังได้ลงชื่อจำเลยไว้ในใบไต่สวนเพื่อรับโฉนดในภายหลัง และมอบให้จำเลยครอบครองโดยเปิดเผย ดังนี้ ตามพฤตติการณ์แห่งรูปคดีเป็นที่พึงสันนิษฐานได้ว่า ถ้าคู่กรณีได้รู้ว่าหนังสือสัญญานี้ไม่สมบูรณ์เป็นสัญญาซื้อขาย ก็คงจะได้ตั้งใจให้สมบูรณ์ เป็นสัญญาจะขาย กรณีเข้าลักษณะตามบทบัญญัติแห่ง ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 136.
บิดาโจทก์ได้ทำสัญญาขายที่พิพาทซึ่งไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ให้แก่จำเลย ทั้งยังได้ลงชื่อจำเลยไว้ในใบไต่สวนเพื่อรับโฉนดในภายหลัง และมอบให้จำเลยครอบครองโดยเปิดเผย ดังนี้ ตามพฤตติการณ์แห่งรูปคดีเป็นที่พึงสันนิษฐานได้ว่า ถ้าคู่กรณีได้รู้ว่าหนังสือสัญญานี้ไม่สมบูรณ์เป็นสัญญาซื้อขาย ก็คงจะได้ตั้งใจให้สมบูรณ์ เป็นสัญญาจะขาย กรณีเข้าลักษณะตามบทบัญญัติแห่ง ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 136.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1354/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญและลักษณะเป็นที่บ้าน ศาลสันนิษฐานเป็นสัญญาจะขายได้
ที่พิพาทเป็นที่ว่างยังไม่ได้มีการปลูกสร้าง และไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน แต่ปรากฏว่าอยู่ริมถนนหลวงในเขตเทศบาลและมีบ้านเรือนปลูกอยู่แล้วโดยรอบที่นี้จึงมีลักษณะเป็นที่บ้าน
บิดาโจทก์ได้ทำสัญญาขายที่พิพาทซึ่งไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ให้แก่จำเลย ทั้งยังได้ลงชื่อจำเลยไว้ในใบไต่สวนเพื่อรับโฉนดในภายหลัง และมอบให้จำเลยครอบครองโดยเปิดเผย ดังนี้ ตามพฤติการณ์แห่งรูปคดีเป็นที่พึงสันนิษฐานได้ว่า ถ้าคู่กรณีได้รู้ว่าหนังสือสัญญานี้ไม่สมบูรณ์ เป็นสัญญาซื้อขาย ก็คงจะได้ตั้งใจให้สมบูรณ์เป็นสัญญาจะขาย กรณีเข้าลักษณะตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 136
บิดาโจทก์ได้ทำสัญญาขายที่พิพาทซึ่งไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ให้แก่จำเลย ทั้งยังได้ลงชื่อจำเลยไว้ในใบไต่สวนเพื่อรับโฉนดในภายหลัง และมอบให้จำเลยครอบครองโดยเปิดเผย ดังนี้ ตามพฤติการณ์แห่งรูปคดีเป็นที่พึงสันนิษฐานได้ว่า ถ้าคู่กรณีได้รู้ว่าหนังสือสัญญานี้ไม่สมบูรณ์ เป็นสัญญาซื้อขาย ก็คงจะได้ตั้งใจให้สมบูรณ์เป็นสัญญาจะขาย กรณีเข้าลักษณะตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 136
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1211/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมที่ทำผิดแบบแต่เป็นไปตามแบบอื่นได้ใช้บังคับได้ และข้อจำกัดการวินิจฉัยข้อกฎหมายโดยศาลตามมาตรา 142(5)
แม้พินัยกรรมจะทำผิดแบบพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองตามความประสงค์เดิมของผู้ทำพินัยกรรมก็ดี แต่ก็ทำขึ้นถูกต้องตามแบบพินัยกรรมธรรมดาตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1656 ทุกประการ ดังนี้ ศาลย่อมยกความสมบูรณ์ตามแบบพินัยกรรมอย่างหลังนี้ ขึ้นใช้บังคับได้โดยอาศัยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 136
ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ซึ่งศาลยกขึ้นวินิจฉัยตัดสินคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) นั้นจะต้องเป็นข้อกฎหมายที่ได้มาจากข้อเท็จจริงในการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบ ข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นจากพยานนอกเรื่องนอกประเด็นนั้น ศาลจะรับฟังมาวินิจฉัยเป็นข้อกฎหมายตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) ไม่ได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2492)
ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ซึ่งศาลยกขึ้นวินิจฉัยตัดสินคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) นั้นจะต้องเป็นข้อกฎหมายที่ได้มาจากข้อเท็จจริงในการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบ ข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นจากพยานนอกเรื่องนอกประเด็นนั้น ศาลจะรับฟังมาวินิจฉัยเป็นข้อกฎหมายตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) ไม่ได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1211/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของพินัยกรรมที่ทำตามแบบธรรมดา แม้ผิดแบบเอกสารฝ่ายเมือง และการรับฟังพยานนอกประเด็น
แม้พินัยกรรมจะทำผิดแบบพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองตามความประสงค์เดิมของผู้ทำพินัยกรรมก็ดี แต่ก็ทำขึ้นถูกต้องตามแบบพินัยกรรมธรรมดาตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 1656 ทุกประการ ดังนี้ ศาลย่อมยกความสมบูรณ์ตามแบบพินัยกรรมอย่างหลังนี้ ขึ้นใช้บังคับได้โดยอาศัยบทบัญญัติแห่ง ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 136.
ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ซึ่งศาลยกขึ้นวินิจฉัยตัดสินคดีได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 142(5) นั้น จะต้องเป็นข้อกฎหมายที่ได้มาจากข้อเท็จจริงในการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบ ข้อเท็จจริงที่ปรากฎขึ้นจากพะยานนอกเรื่องนอกประเด็นนั้น ศาลจะรับฟังมาวินิจฉัยเป็นข้อกฎหมายตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 142 (5) ไม่ได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 87.
ข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ซึ่งศาลยกขึ้นวินิจฉัยตัดสินคดีได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 142(5) นั้น จะต้องเป็นข้อกฎหมายที่ได้มาจากข้อเท็จจริงในการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยชอบ ข้อเท็จจริงที่ปรากฎขึ้นจากพะยานนอกเรื่องนอกประเด็นนั้น ศาลจะรับฟังมาวินิจฉัยเป็นข้อกฎหมายตาม ป.ม.วิ.แพ่ง มาตรา 142 (5) ไม่ได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 87.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 621/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แบบพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองไม่สมบูรณ์เมื่อพะยานไม่ครบตามกฎหมาย ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเกินประเด็น
คู่ความขอให้ศาลวินิจฉัยเพียงข้อเดียวว่า พินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองที่จำเลยอ้าง จะเป็นการชอบด้วยประมวลแพ่ง ฯ มาตรา 1658 หรือไม่ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า พินัยกรรมฉะบับนี้ตกเป็นโมฆะในฐานะเป็นพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมือง แต่สมบูรณ์ในฐานะเป็นพินัยกรรมธรรมดาตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 136 ดังนี้ เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นที่คู่ความโต้เถียงกัน เพราะคู่ความมิได้แถลงว่า ถ้าพินัยกรรมฉะบับนี้ไม่เป็นพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมือง ก็ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า จะเข้าแบบสมบูรณ์ เป็นพินัยกรรมอย่างอื่นหรือไม่
พินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองมีปลัดอำเภอลงลายมือชื่อในฐานะเป็นพะยานรับรองพินัยกรรมอีกฐานะหนึ่งกับมีนายสุดเซ็นเป็นพะยานอีกคนหนึ่ง เมื่อตัดชื่อนายสุวัธน์ออกจากฐานะเป็นพะยาน โดยเหตุที่เป็นกรมการอำเภอผู้กระทำกิจการตามหน้าที่ราชการแล้ว ก็คงเหลือแต่นายสุดผู้เดียวลงลายมือชื่อเป็นพะยาน แต่เป็นผู้ที่ได้รับรู้การแจ้งความประสงค์ของผู้ทำพินัยกรรมต่อกรมการอำเภอ พะยานขาดจำนวนไปคนหนึ่ง จึงไม่ครบจำนวนตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ พินัยกรรมจึงตกเป็นโมฆะในฐานะพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมือง
พินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองมีปลัดอำเภอลงลายมือชื่อในฐานะเป็นพะยานรับรองพินัยกรรมอีกฐานะหนึ่งกับมีนายสุดเซ็นเป็นพะยานอีกคนหนึ่ง เมื่อตัดชื่อนายสุวัธน์ออกจากฐานะเป็นพะยาน โดยเหตุที่เป็นกรมการอำเภอผู้กระทำกิจการตามหน้าที่ราชการแล้ว ก็คงเหลือแต่นายสุดผู้เดียวลงลายมือชื่อเป็นพะยาน แต่เป็นผู้ที่ได้รับรู้การแจ้งความประสงค์ของผู้ทำพินัยกรรมต่อกรมการอำเภอ พะยานขาดจำนวนไปคนหนึ่ง จึงไม่ครบจำนวนตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ พินัยกรรมจึงตกเป็นโมฆะในฐานะพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมือง