คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
กฎหมายลักษณะอาญา ม. 70

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 77 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1086/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำในคดียักยอกทรัพย์: การกระทำต่างกรรมต่างวาระ ไม่ถือเป็นฟ้องซ้ำ
เงินที่กล่าวหาว่าจำเลยยักยอกเป็นคดีใหม่นี้ จำเลยรับไว้ต่างวันเวลาและต่างรายการกับเงินที่โจทก์เลยฟ้องจำเลย ในคดีก่อน ทั้งจำเลยทุจริตยักยอกเงินแต่ละรายนั้นเป็นคราว ๆ ไป เป็นการต่างกรรมต่างวาระกัน จึงไม่เป็นฟ้อง ซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1086/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกทรัพย์ต่างกรรมต่างวาระ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
เงินที่กล่าวหาว่าจำเลยยักยอกเป็นคดีใหม่นี้ จำเลยรับไว้ต่างวันเวลาและต่างรายการกับเงินที่โจทก์เคยฟ้องจำเลยในคดีก่อน ทั้งจำเลยทุจริตยักยอกเงินแต่ละรายนั้นเป็นคราวๆ ไป เป็นการต่างกรรมต่างวาระกัน จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 399/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดหลายกระทงในคดีฝิ่น: ต้องพิสูจน์การกระทำต่างกรรมต่างวาระ
การมีฝิ่น มีมูลฝิ่น มีเครื่องประกอบในการสูบฝิ่นและสูบฝิ่นนอกร้านโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นถ้าต่างกรรมต่างวาระกัน อันฟังได้ว่าเป็นความผิดหลายกระทงแล้วพระราชบัญญัติฝิ่นแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2476 มาตรา 9 บัญญัติให้เรียงกระทงลงโทษตามรายตัวผู้กระทำผิด ศาลจะไม่พิพากษาลงโทษเรียงกระทงความผิด ไม่ได้
ฟ้องของโจทก์กล่าวว่า จำเลยสูบฝิ่นนอกร้านนั้น มิได้รับอนุญาตพิเศษและว่าจำเลยมีกล้องสูบฝิ่น มีฝิ่น และมูลฝิ่น มิได้รับอนุญาตและยังกล่าวว่าเจ้าพนักงานจับได้พร้อมด้วยของกลางและเครื่องอุปกรณ์ในการสูบฝิ่นด้วยดังนี้ ข้อเท็จจริงเท่าที่กล่าวในฟ้อง ไม่ปรากฏชัดว่าการกระทำของจำเลยต่างกรรมต่างวาระกันอย่างไรหรือไม่คือยังฟังไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยจะเป็นความผิดหลายกระทง เพราะอาจเป็นผิดหลายบทก็ได้ ฉะนั้นศาลจะพิพากษาลงโทษจำเลยเรียงกระทงความผิด ตามที่โจทก์อ้างในฟ้อง ยังไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 397/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดหลายกะทงในความผิดเกี่ยวกับฝิ่น: ต้องพิสูจน์การกระทำต่างกรรมต่างวาระ
การมีฝิ่น มีมูลฝิ่น มีเครื่องประกอบในการสูบฝิ่น และสูบฝิ่นนอกร้านาโดยได้รับอนุญาตนั้น ถ้าต่างกรรมต่างวาระกัน อันฟังได้ว่าเป็นความผิดหลายกะทงแล้ว พ.ร.บ.ฝิ่นแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2476 มาตรา 9 บัญญัติให้เรียงกะทงลงโทษตามรายตัวผู้กระทำผิดศาลจะไม่พิพากษาลงโทษเรียงกะทงความผิด ไม่ได้.
ฟ้องของโจทก์กล่าวว่า จำเลยสูบฝิ่นนอกร้านนั้น มิได้รับอนุญาตพิเศษและว่าจำเลยมีกล้องสูบฝิ่น มีฝิ่น และมูลฝิ่น มิได้รับอนุญาตและยังกล่าวว่าเจ้าพนักงานจับได้พร้อมด้วยของกลางและเครื่องอุปกรณ์ในการสูบฝิ่นด้วย ดังนี้ ข้อเท็จจริงเท่าที่กล่าวในฟ้อง ไม่ปรากฏชัดว่าการกระทำของจำเลยต่างกรรมต่างวาระกันอย่างไร หรือไม่ คือยังฟังไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยจะเป็นความผิดหลายกะทง เพราะอาจเป็นผิดหลายบทก็ได้ ฉะนั้นศาลจะพิพากษาลงโทษจำเลยเรียงกะทงความผิด ตามที่โจทก์อ้างในฟ้อง ยังไม่ได้./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 41/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษทางอาญาในคดีฝิ่น: ศาลมีอำนาจลงโทษจำคุกอย่างเดียวได้ และการเรียงกระทงลงโทษตามตัวผู้กระทำผิด
กฎหมายฝิ่นไม่ได้บัญญัติไว้เป็นพิเศษว่าต้องลงโทษทั้งจำทั้งปรับฉะนั้นศาลย่อมลงโทษจำคุกจำเลยสถานเดียวได้ตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 11,23
พระราชบัญญัติฝิ่น 2472 แก้ไขเพิ่มเติม 2476 มาตรา 9 บัญญัติให้เรียงกระทงลงโทษตามรายตัวผู้กระทำผิดฉะนั้นจะนำกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 71 มาใช้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 41/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษคดีฝิ่น: ศาลลงโทษจำคุกได้ แม้กฎหมายไม่ได้กำหนดทั้งจำทั้งปรับ และไม่เรียงกะทงโทษ
กฎหมายฝิ่นไม่ได้บัญญัติไว้เป็นพิเศษว่าต้องลงโทษทั้งจำทั้งปรับ ฉะนั้นศาลย่อมลงโทษจำคุกจำเลยสถานเดียวได้ตาม ก.ม. ลักษณะอาญามาตรา 11, 23.
พ.ร.บ.ฝิ่น 2472 แก้ไขเพิ่มเติม 2472 มาตรา 9 บัญญัติให้เรียงกะทงลงโทษตามรายตัวผู้กระทำผิด ฉะนั้นจำนะ ก.ม.-ลักษณะอาญามาตรา 71 มาใช้ไม่ได้./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1327/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฉุดคร่าอนาจารและการหน่วงเหนี่ยวกักขัง ศาลรวมกระทงลงโทษได้
ความผิดฐานฉุดคร่าอนาจารนั้น เมื่อได้ฉุดคร่าไปถึงที่หมายปลายทาง ได้ที่พักพิงเรียบร้อยแล้ว ความผิดฐานฉุดคร่าสำหรับตัวผู้ฉุดคร่าก็เป็นอันถึงที่สุด ถ้ายังมีการหน่วงเหนี่ยวกักตัวผู้ถูกฉุดคร่าไว้ต่อไป ก็เป็นความผิดฐานทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพขึ้นอีกกระทงหนึ่ง แต่ศาลมีอำนาจรวมกระทงลงโทษได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1327/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานฉุดคร่าและทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพ: การรวมโทษและการพิจารณาความผิดฐานต่างๆ
ความผิดฐานฉุดคร่าห์อนาจารนั้น เมื่อได้ฉุดคร่าห์ไปถึงที่หมายปลายทาง ได้ที่พักพิงเรียบร้อยแล้ว ความผิดฐานฉุดคร่าห์สำหรับตัวผู้ฉุดคร่าห์ก็เป็นอันถึงที่สุด ถ้ายังมีการหน่วงหนี่ยวกักตัวผู้ถูกฉุดคร่าห์ไว้ต่อไป ก็เป็นความผิดฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพขึ้นอีกกะทงหนึ่ง แต่ศาลมีอำนาจรวมกะทงลงโทษได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1182/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาซ้ำซ้อนเมื่อศาลยกฟ้องไปแล้ว และสิทธิการฟ้องของเหยื่อในความผิดต่อแผ่นดิน
ความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 127,128 อันเป็นความผิดแผ่นดินนั้น ผู้ที่ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดนั้น ก็มีสิทธิเป็นโจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษผู้กระทำผิดได้
การกระทำโดยกรรมเดียววาระเดียว แม้จะเป็นการละเมิดกฎหมายหลายบท ก็จะฟ้องผู้กระทำผิดได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อศาลพิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปแล้วจะยกกฎหมายบทอื่นที่จำเลย ทำละเมิด แต่ไม่ได้ฟ้องไว้ในครั้งก่อนมาฟ้องจำเลยอีกไม่ได้
จำเลยปลอมตนไปกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยแสดงตนว่าเป็นเจ้าพนักงานสรรพสามิตต์ มาตรวจจับกุมผู้มเสียหายหาว่ากระทำผิดแล้วเรียกร้องเอาเงินจากผู้เสียหาย ๆ จึงเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 127,268 ศาลไต่สวนแล้วสั่งว่าคดีมีมูลเฉพาะข้อหาตามมาตรา 268 เท่านั้น จำเลยยอมใช้เงิน ผู้เสียหายจึงถอนฟ้องดังนี้ ย่อมถือว่าความผิดตามมาตรา 127 นั้น ศาลได้ยกฟ้องเสียแล้ว สิทธินำคดีมาฟ้องจำเลยตามมาตรา 128 ก็ย่อมระงับไปด้วย อัยการจึงจะมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 127 หรือ 128 อีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1182/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีอาญาซ้ำซ้อน ศาลยกฟ้องแล้ว สิทธิฟ้องระงับ
ความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 127,128 อันเป็นความผิดต่อแผ่นดินนั้น ผู้ที่ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดนั้น ก็มีสิทธิเป็นโจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษผู้กระทำผิดได้
การกระทำผิดโดยกรรมเดียววาระเดียว แม้จะเป็นการละเมิดกฎหมายหลายบท ก็จะฟ้องผู้กระทำผิดได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อศาลพิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปแล้วจะยกกฎหมายบทอื่นที่จำเลย ทำละเมิด แต่ไม่ได้ฟ้องไว้ในครั้งก่อนมาฟ้องจำเลยอีกไม่ได้
จำเลยปลอมตนไปกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยแสดงตนว่าเป็นเจ้าพนักงานสรรพสามิต มาตรวจจับกุมผู้เสียหายหาว่ากระทำผิดแล้วเรียกร้องเอาเงินจากผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 127,268 ศาลไต่สวนแล้วสั่งว่าคดีมีมูลเฉพาะข้อหาตามมาตรา 268 เท่านั้น จำเลยยอมใช้เงิน ผู้เสียหายจึงถอนฟ้องดังนี้ ย่อมถือว่าความผิดตามมาตรา 127 นั้น ศาลได้ยกฟ้องเสียแล้ว สิทธินำคดีมาฟ้องจำเลยตามมาตรา 128 ก็ย่อมระงับไปด้วย อัยการจึงจะมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 127 หรือ 128 อีกไม่ได้
of 8