พบผลลัพธ์ทั้งหมด 62 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 580/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใส่ความหมิ่นประมาทและดูหมิ่นเจ้าพนักงานในหน้าที่ แม้ส่งถึงบุคคลที่สามก็มีความผิดตามกฎหมาย
หนังสือใส่ความผู้อื่นนั้นแม้จะส่งไปถึงนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวก็ถือว่าใส่ความต่อบุคคลที่ 3 ตามมาตรา 326 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
เมื่อปรากฏว่าโจทก์เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกาและได้ร่วมเป็นองค์คณะตัดสินคดีที่ทำให้จำเลยแพ้ และจำเลยได้กล่าวข้อความซึ่งเป็นการดูหมิ่นโจทก์ในฐานะที่เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกาย่อมเป็นความผิดต่อมาตรา 198ประมวลกฎหมายอาญา
เมื่อปรากฏว่าโจทก์เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกาและได้ร่วมเป็นองค์คณะตัดสินคดีที่ทำให้จำเลยแพ้ และจำเลยได้กล่าวข้อความซึ่งเป็นการดูหมิ่นโจทก์ในฐานะที่เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกาย่อมเป็นความผิดต่อมาตรา 198ประมวลกฎหมายอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 580/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมิ่นประมาทและดูหมิ่นเจ้าพนักงาน: การใส่ความต่อบุคคลที่ 3 และการดูหมิ่นผู้พิพากษา
หนังสือใส่ความผู้อื่นนั้น แม้จะส่งไปถึงนายกรัฐมนตรี เพียงคนเดียว ก็ถือว่าใส่ความต่อบุคคลที่ 3 ตามมาตรา 326 แห่ง ประมวลกฎหมายอาญา
เมื่อปรากฏว่าโจทก์เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา และได้ร่วมเป็นองค์คณะตัดสินคดีที่ทำให้จำเลยแพ้และจำเลยได้กล่าวข้อความซึ่งเป็นการดูหมิ่น โจทก์ในฐานะที่เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา ย่อมเป็นความผิดต่อมาตรา 198ประมวลกฎหมายอาญา
เมื่อปรากฏว่าโจทก์เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา และได้ร่วมเป็นองค์คณะตัดสินคดีที่ทำให้จำเลยแพ้และจำเลยได้กล่าวข้อความซึ่งเป็นการดูหมิ่น โจทก์ในฐานะที่เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกา ย่อมเป็นความผิดต่อมาตรา 198ประมวลกฎหมายอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 379/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อป้องกันผลประโยชน์สาธารณะ ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท แม้เป็นการกล่าวหาการทุจริต
การฟ้องให้ลงโทษฐานหมิ่นประมาทจะต้องได้ความว่าจำเลยจงใจเจตนาใส่ความเพื่อให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง
การที่โจทก์ไปเก็บเงินมาจากพ่อค้าแม่ค้าโดยวิธีที่ไม่งามนอกเหนือระเบียบแบบแผนการบริหารราชการ ส่อให้เห็นไปได้ว่าโจทก์ทำการทุจริตในหน้าที่ จำเลยจึงร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งไม่มีข้อเท็จจริงชี้ว่าจำเลยเจตนาร้าย กลั่นแกล้งตรงข้ามกลับฟังได้ว่าจำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนผู้เป็นสมาชิกสภาเทศบาลและราษฎรในเขตเทศบาลกรณีต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329ย่อมไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
การที่โจทก์ไปเก็บเงินมาจากพ่อค้าแม่ค้าโดยวิธีที่ไม่งามนอกเหนือระเบียบแบบแผนการบริหารราชการ ส่อให้เห็นไปได้ว่าโจทก์ทำการทุจริตในหน้าที่ จำเลยจึงร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งไม่มีข้อเท็จจริงชี้ว่าจำเลยเจตนาร้าย กลั่นแกล้งตรงข้ามกลับฟังได้ว่าจำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนผู้เป็นสมาชิกสภาเทศบาลและราษฎรในเขตเทศบาลกรณีต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329ย่อมไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 379/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงความคิดเห็นติชมการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานโดยสุจริต ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329
การฟ้องให้ลงโทษฐานหมิ่นประมาทจะต้องได้ความว่าจำเลยจงใจเจตนาใส่ความเพื่อให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง
การที่โจทก์ไปเก็บเงินมาจากพ่อค้าแม่ค้า โดยวิธีที่ไม่งาม นอกเหนือระเบียบแบบแผนการบริหารราชการ ส่งให้เห็นไปได้ว่า โจทก์ทำการทุจริตในหน้าที่ จำเลยจึงร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งไม่มีข้อเท็จจริงชี้ว่าจำเลยเจตนาร้าย กลั่นแกล้ง ตรงข้ามกลับฟังได้ว่า จำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อป้องกันส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับตนผู้เป็นสมาชิกสภาเทศบาลและราษฎรในเขตเทศบาล กรณีต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 ย่อมไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
การที่โจทก์ไปเก็บเงินมาจากพ่อค้าแม่ค้า โดยวิธีที่ไม่งาม นอกเหนือระเบียบแบบแผนการบริหารราชการ ส่งให้เห็นไปได้ว่า โจทก์ทำการทุจริตในหน้าที่ จำเลยจึงร้องเรียนต่อผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งไม่มีข้อเท็จจริงชี้ว่าจำเลยเจตนาร้าย กลั่นแกล้ง ตรงข้ามกลับฟังได้ว่า จำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อป้องกันส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับตนผู้เป็นสมาชิกสภาเทศบาลและราษฎรในเขตเทศบาล กรณีต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 ย่อมไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1864-1865/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องหมิ่นประมาทต้องระบุพฤติการณ์ประกอบ หากฟ้องไม่ชัดเจน ศาลมีอำนาจยกฟ้อง และห้ามฟ้องซ้ำ
การฟ้องว่าจำเลยหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ โดยโจทก์บรรยายฟ้องกล่าวถ้อยคำที่ไม่เป็นคำใส่ความอยู่ในตัว โจทก์จะต้องบรรยายถึงพฤติการณ์ประกอบมาเพื่อให้เห็นว่าเป็นคำใส่ความอย่างไร และความจริงเป็นอย่างใด เมื่อฟ้องไม่บรรยายเช่นนี้ศาลมีอำนาจยกฟ้องโดยถือว่าฟ้องขาดองค์สำคัญแห่งความผิด
เมื่อศาลสั่งยกฟ้องโดยเหตุผลว่าฟ้องของโจทก์ไม่มีมูลความผิด โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาไป จะมาฟ้องใหม่ไม่ได้เพราะไม่มีกฎหมายสนับสนุนให้ฟ้องคดีกรรมเดียวได้หลายครั้ง
เมื่อศาลสั่งยกฟ้องโดยเหตุผลว่าฟ้องของโจทก์ไม่มีมูลความผิด โจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาไป จะมาฟ้องใหม่ไม่ได้เพราะไม่มีกฎหมายสนับสนุนให้ฟ้องคดีกรรมเดียวได้หลายครั้ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1864-1865/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องหมิ่นประมาทต้องบรรยายพฤติการณ์ประกอบคำกล่าวเพื่อให้เห็นว่าเป็นการใส่ความและความจริงเป็นอย่างไร
การฟ้องว่าจำเลยหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ โดยโจทก์บรรยายฟ้องกล่าวถ้อยคำที่ไม่เป็นคำใส่ความอยู่ในตัว โจทก์จะต้องบรรยายถึงพฤติการณ์ประกอบมาเพื่อให้เห็นว่าเป็นคำใส่ความอย่างไร และความจริงเป็นอย่างใด เมื่อฟ้องไม่บรรยายเช่นนี้ ศาลมีอำนาจยกฟ้องโดยถือว่าฟ้องขาดองค์สำคัญแห่งความผิด
เมื่อศาลสั่งยกฟ้องโดยเหตุผลว่าฟ้องของโจทก์ไม่มีมูลความผิดโจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาไป จะมาฟ้องใหม่ไม่ได้เพราะไม่มีกฎหมายสนับสนุนให้ฟ้องคดีกรรมเดียวได้หลายครั้ง.
เมื่อศาลสั่งยกฟ้องโดยเหตุผลว่าฟ้องของโจทก์ไม่มีมูลความผิดโจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาไป จะมาฟ้องใหม่ไม่ได้เพราะไม่มีกฎหมายสนับสนุนให้ฟ้องคดีกรรมเดียวได้หลายครั้ง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1628/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมิ่นประมาทด้วยการกล่าวหาให้สินบนและหน่วงเหนี่ยวการสอบสวน ชี้เฉพาะเจาะจงตัวบุคคล
จำเลยลงข่าวในหนังสือพิมพ์ของจำเลยเป็นข้อความหมิ่นประมาทใส่ความกำนันตำบลหาดท่าเสา อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาทว่าให้สินบนพนักงานสอบสวนที่ทำการสอบสวนกำนันฐานทุจริตต่อหน้าที่และพนักงานสอบสวนนั้นได้หน่วงเหนี่ยวสำนวนไว้เพื่อให้พยานกลับคำ เมื่อปรากฏว่ากำนันตำบลหาดท่าเสามีนายใบโสภาสุขคนเดียว และนายใบ โสภาสุขกำลังถูกนายประโยชน์แสงสอาดสอบสวนเรื่องทุจริตต่อหน้าที่ (สอบสวนคนเดียว) เช่นนี้จำเลยก็ย่อมมีผิดฐานหมิ่นประมาทใส่ความนายใบและนายประโยชน์ทั้งสองคน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1628/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมิ่นประมาทจากการลงข่าวใส่ความเจ้าพนักงาน – กำนันและปลัดอำเภอ – เจตนาและบริบท
จำเลยลงข่าวในหนังสือพิมพ์ของจำเลยเป็นข้อความหมิ่นประมาทใส่ความกำนันตำบลหาดท่าเสา อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท ว่าให้สินบนพนักงานสอบสวนที่ทำการสอบสวนกำนันฐานทุจริตต่อหน้าที่ และพนักงานสอบสวนนั้นได้หน่วงเหนี่ยวสำนวนไว้เพื่อให้พยานกลับคำ เมื่อปรากฎว่ากำนันตำบลหาดท่าเสามีนายใบ โสภาสุข คนเดียว และนายใบ โสภาสุข กำลังถูกนายประโยชน์ แสงสอาด สอบสวนเรื่องทุจริตต่อหน้าที่ (สอบสวนคนเดียว) เช่นนี้จำเลยก็ย่อมมีผิดฐานหมิ่นประมาทใส่ความนายใบและนายประโยชน์ทั้งสองคน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1432/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความและเสนอข่าวโดยสุจริต ไม่เป็นการหมิ่นประมาท แม้จะทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิด
การที่จำเลยกล่าวต่อโจทก์ด้วยความเชื่อ ว่าโจทก์จ้างคนจะมาฆ่าจำเลย แล้วจำเลยไปแจ้งความต่อตำรวจขอความคุ้มครองดั่งนี้ การกระทำของจำเลยไม่ผิดฐานหมิ่นประมาท
การพิมพ์โฆษณาเสนอข่าวไปตามธรรมดาโดยได้ข่าวมาจากที่มีผู้ไปแจ้งความต่อสถานีตำรวจ และการเสนอข่าวมิได้จงใจจะใส่ร้ายดั่งนี้ ย่อมไม่เป็นผิดฐานประมาทเช่นกัน
คดีหมิ่นประมาทที่โจทก์อ้างว่า การกระทำของจำเลยอาจทำให้คนดูหมิ่นเกลียดชังโจทก์นั้น เมื่อศาลชั้นต้นมิได้ยืนยันว่ามีพฤติการณ์ขึ้นดังนั้นถือได้ว่า โจทก์อ้างข้อกฏหมายโดยปราศจากข้อเท็จจริงสนับสนุน.
การพิมพ์โฆษณาเสนอข่าวไปตามธรรมดาโดยได้ข่าวมาจากที่มีผู้ไปแจ้งความต่อสถานีตำรวจ และการเสนอข่าวมิได้จงใจจะใส่ร้ายดั่งนี้ ย่อมไม่เป็นผิดฐานประมาทเช่นกัน
คดีหมิ่นประมาทที่โจทก์อ้างว่า การกระทำของจำเลยอาจทำให้คนดูหมิ่นเกลียดชังโจทก์นั้น เมื่อศาลชั้นต้นมิได้ยืนยันว่ามีพฤติการณ์ขึ้นดังนั้นถือได้ว่า โจทก์อ้างข้อกฏหมายโดยปราศจากข้อเท็จจริงสนับสนุน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1432/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความและเสนอข่าวตามหน้าที่ ไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท แม้จะทำให้เสียชื่อเสียง
การที่จำเลยกล่าวต่อโจทก์ด้วยความเชื่อ ว่าโจทก์จ้างคนจะมาฆ่าจำเลย แล้วจำเลยไปแจ้งความต่อตำรวจขอความคุ้มครองดั่งนี้ การกระทำของจำเลยไม่ผิดฐานหมิ่นประมาท
การพิมพ์โฆษณาเสนอข่าวไปตามธรรมดาโดยได้ข่าวมาจากที่มีผู้ไปแจ้งความต่อสถานีตำรวจ และการเสนอข่าวมิได้จงใจจะใส่ร้ายดั่งนี้ ย่อมไม่เป็นผิดฐานประมาทเช่นกัน
คดีหมิ่นประมาทที่โจทก์อ้างว่า การกระทำของจำเลยอาจทำให้คนดูหมิ่นเกลียดชังโจทก์นั้น เมื่อศาลชั้นต้นมิได้ยืนยันว่ามีพฤติการณ์ขึ้นดังนั้น ถือได้ว่าโจทก์อ้างข้อกฎหมายโดยปราศจากข้อเท็จจริงสนับสนุน
การพิมพ์โฆษณาเสนอข่าวไปตามธรรมดาโดยได้ข่าวมาจากที่มีผู้ไปแจ้งความต่อสถานีตำรวจ และการเสนอข่าวมิได้จงใจจะใส่ร้ายดั่งนี้ ย่อมไม่เป็นผิดฐานประมาทเช่นกัน
คดีหมิ่นประมาทที่โจทก์อ้างว่า การกระทำของจำเลยอาจทำให้คนดูหมิ่นเกลียดชังโจทก์นั้น เมื่อศาลชั้นต้นมิได้ยืนยันว่ามีพฤติการณ์ขึ้นดังนั้น ถือได้ว่าโจทก์อ้างข้อกฎหมายโดยปราศจากข้อเท็จจริงสนับสนุน