พบผลลัพธ์ทั้งหมด 62 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การด่าด้วยคำหยาบคาย ไม่ถึงขั้นหมิ่นประมาทหรือไม่เป็นคำลามกอนาจาร ไม่สามารถฟ้องร้องได้
โจทก์จำเลยต่างเกิดทะเลาะด่าว่ากัน โจทก์จะมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 334 ไม่ได้
กล่าวคำว่า " ไอ้เหี้ย ไอ้สัตว์เดียรัจฉาน " ไม่ใช่คำลามกอนาจารและไม่เป็นการหมิ่นประมาทตามมาตรา 282 ด้วย
กล่าวคำว่า " ไอ้เหี้ย ไอ้สัตว์เดียรัจฉาน " ไม่ใช่คำลามกอนาจารและไม่เป็นการหมิ่นประมาทตามมาตรา 282 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 863/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำด่า 'ไอ้เหี้ยไอ้สัตว์เดียรัจฉาน' ไม่ถึงขั้นหมิ่นประมาทหรือลามกอนาจาร
โจทก์จำเลยต่างเกิดทะเลาะด่าว่ากันโจทก์จะมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 339 ไม่ได้
กล่าวคำว่า 'ไอ้เหี้ยไอ้สัตว์เดียรัจฉาน' ไม่ใช่คำลามกอนาจารและไม่เป็นการหมิ่นประมาทตามมาตรา 282 ด้วย
กล่าวคำว่า 'ไอ้เหี้ยไอ้สัตว์เดียรัจฉาน' ไม่ใช่คำลามกอนาจารและไม่เป็นการหมิ่นประมาทตามมาตรา 282 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 785/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมิ่นประมาททางหนังสือ แม้ไม่ระบุชื่อโดยตรง หากพยานหลักฐานแสดงถึงตัวผู้เสียหาย ก็ถือว่ามีความผิด
หมิ่นประมาทเขาทางหนังสือแม้ในหนังสือจะมิได้กล่าวเจาะจงถึงผู้เสียหายโดยตรง คือกล่าวว่าเป็นการสุดแสนจะทนดูพวกมหาดไทยเล่นสกปรกต่อไปฯลฯนั้นเมื่อทางพิจารณาได้ความว่า พวกมหาดไทยนั้นจำเลยหมายถึงผู้เสียหายดังนี้จำเลยก็ย่อมมีผิดฐานหมิ่นประมาทผู้เสียหาย
การที่จะได้รับยกเว้นตามมาตรา 283 นั้น จะต้องเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต อันต้องด้วยลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งตามมาตรา 283 ถ้าเป็นเรื่องใส่ความโดยปราศจากความจริงแล้วไม่เป็นข้อแก้ตัว
การที่จะได้รับยกเว้นตามมาตรา 283 นั้น จะต้องเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต อันต้องด้วยลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งตามมาตรา 283 ถ้าเป็นเรื่องใส่ความโดยปราศจากความจริงแล้วไม่เป็นข้อแก้ตัว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 785/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมิ่นประมาททางหนังสือ แม้ไม่ระบุชื่อโดยตรง ก็ถือเป็นความผิด หากพิสูจน์ได้ว่าหมายถึงผู้เสียหาย และไม่มีเหตุยกเว้นตามกฎหมาย
หมิ่นประมาทเขาทางหนังสือ แม้ในหนังสือจะมิได้กล่าวเจาะจงถึงผู้เสียหายโดยตรง คือกล่าวว่าเป็นการสุดแสนจะ ทนดูพวกมหาดไทยเล่นสกปรกต่อไป ฯลฯ นั้น เมื่อทางพิจารณาได้ความว่า พวกมหาดไทยนั้นจำเลยหมายถึงผู้เสีย หายดังนี้ จำเลยก็ย่อมมีผิดฐานหมิ่นประมาทผู้เสียหาย.
การที่จะได้รับยกเว้นตามมาตรา 283 นั้น จะต้องเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต อันต้องด้วยลักษณะอย่างใด อย่างหนึ่งตามมาตรา 283 ถ้าเป็นเรื่องใส่ความโดยปราศจากความจริงแล้วไม่เป็นข้อแก้ตัว./
การที่จะได้รับยกเว้นตามมาตรา 283 นั้น จะต้องเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต อันต้องด้วยลักษณะอย่างใด อย่างหนึ่งตามมาตรา 283 ถ้าเป็นเรื่องใส่ความโดยปราศจากความจริงแล้วไม่เป็นข้อแก้ตัว./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1442/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมิ่นประมาท: คำด่าหยาบคาย vs. ใส่ความทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และการพิสูจน์ความจริงของผู้ต้องหา
ด่าเขาว่า "อีร้อยควย อีดอกทอง " เป็นเพียงคำด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย มิใช่เรื่องใส่ความ จึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทซึ่งหน้าตาม ก.ม. ลักษณะอาญามาตรา 335(2) แต่ถ้อยคำที่กล่าวตอนต่อจากนั้นว่า " มันเย็ดกันทั่วเมือ ใครๆเขาก็รู้กันทั้งนั้น เย็ดกันรอบบ้านเย็ดกับยี่เก ฯลฯ" เหล่านี้มิใช่เป็นคำด่าว่ากันด้วยถ้วยคำหยาบคายธรรมดา แต่เป็นถ้อยคำที่ผู้ด่ากล่ายยืนยันให้เห็นว่าผู้ถูกด่าเป็นหญิงไม่ดี เที่ยวร่วมประเวณีกับคนทั่วไป โดยไม่เลือกสถานที่ จึงเป็นถ้อยคำที่ทำให้ผู้ถูกด่าเสื่อมเสียชื่อเสียง และอาจทำให้ผู้อืนดูหมิ่น เกลียดชังได้จึงเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 282 มิใช่เรื่องประมาทซึ่งหน้า
คดีหมิ่นประมาท ซึ่งโจทก์ร้องขอให้พิสูจน์ความจริง ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 284 นั้น เมื่อปรากฏว่าในชั้นต้นจำเลยปฏิเสธว่ามิได้ทำผิด จนเมื่อศาลสืบพยานไปสิ้นแล้ว จำเลยจึงกลับรับสาราพว่าได้ทำผิดตามฟ้อง ศาลสอบถามถึงเรื่องที่โจทก์ขอให้พิสูจน์ความจริง จำเลยก็แถลงว่า ไม่สามารถพิสูจน์ได้ เช่นนี้ คดีเข้าลักษณะที่ว่าศาลได้บังคับให้จำเลยพิสูจน์ความจริง แต่จำเลยพิสูจน์ให้เห็นจริงมิได้ ดั่งที่บัญญัติไว้ในมาตรา 384 แล้ว คดีจึงลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 284 ได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2496)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานหมิ่นประมาทตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 282,284,335(2) และขอให้เพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบด้วย จำเลยรับสารภาพตลอดถึงข้อเพิ่มโทษด้วย แต่ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยผิดตามมาตรา 339 ซึ่งเป็นผิดฐานลหุโทษ ยันจะเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบไม่ได้ จึงไม่ได้กล่าวถึงการเพิ่มโทษด้วย โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยควรมีผิดตามมาตรา 282 284 ในเรื่องเพิ่มโทษหรือไม่ ไม่ได้โต้เถียงกัน ดังนี้ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยผิดตามมาตรา 282 ซึ่งอาจเพิ่มโทษตามมาตรา 72 ได้แล้ว ศาลอุทธรณ์ก็ต้องเพิ่มโทษจำเลยตามฟ้องด้วย จะถือว่าฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ไม่ได้ขอให้เพิ่มโทษไม่ได้
คดีหมิ่นประมาท ซึ่งโจทก์ร้องขอให้พิสูจน์ความจริง ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 284 นั้น เมื่อปรากฏว่าในชั้นต้นจำเลยปฏิเสธว่ามิได้ทำผิด จนเมื่อศาลสืบพยานไปสิ้นแล้ว จำเลยจึงกลับรับสาราพว่าได้ทำผิดตามฟ้อง ศาลสอบถามถึงเรื่องที่โจทก์ขอให้พิสูจน์ความจริง จำเลยก็แถลงว่า ไม่สามารถพิสูจน์ได้ เช่นนี้ คดีเข้าลักษณะที่ว่าศาลได้บังคับให้จำเลยพิสูจน์ความจริง แต่จำเลยพิสูจน์ให้เห็นจริงมิได้ ดั่งที่บัญญัติไว้ในมาตรา 384 แล้ว คดีจึงลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 284 ได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2496)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานหมิ่นประมาทตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 282,284,335(2) และขอให้เพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบด้วย จำเลยรับสารภาพตลอดถึงข้อเพิ่มโทษด้วย แต่ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยผิดตามมาตรา 339 ซึ่งเป็นผิดฐานลหุโทษ ยันจะเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบไม่ได้ จึงไม่ได้กล่าวถึงการเพิ่มโทษด้วย โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยควรมีผิดตามมาตรา 282 284 ในเรื่องเพิ่มโทษหรือไม่ ไม่ได้โต้เถียงกัน ดังนี้ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยผิดตามมาตรา 282 ซึ่งอาจเพิ่มโทษตามมาตรา 72 ได้แล้ว ศาลอุทธรณ์ก็ต้องเพิ่มโทษจำเลยตามฟ้องด้วย จะถือว่าฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ไม่ได้ขอให้เพิ่มโทษไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1442/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หมิ่นประมาท: การแยกแยะคำด่าหยาบคายกับใส่ความทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และการพิสูจน์ความจริงตามกฎหมาย
ด่าเขาว่า "อีร้อยควย อีดอกทอง" เป็นเพียงคำด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย มิใช่เรื่องใส่ความ จึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทซึ่งหน้าตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 339(2) แต่ถ้อยคำที่กล่าวตอนต่อจากนั้นว่า "มันเย็ดกันทั่วเมืองใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้น เย็ดกันรอบบ้านเย็ดกับยี่เกฯลฯ" เหล่านี้มิใช่เป็นคำด่าว่ากันด้วยถ้อยคำหยาบคายธรรมดา แต่เป็นถ้อยคำที่ผู้ด่ากล่าวยืนยันให้เห็นว่าผู้ถูกด่าเป็นหญิงไม่ดี เที่ยวร่วมประเวณีกับคนทั่วไป โดยไม่เลือกสถานที่ จึงเป็นถ้อยคำที่ทำให้ผู้ถูกด่าเสื่อมเสียชื่อเสียงและอาจทำให้ผู้อื่นดูหมิ่นเกลียดชังได้ จึงเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 282 มิใช่เรื่องหมิ่นประมาทซึ่งหน้า
คดีหมิ่นประมาท ซึ่งโจทก์ร้องขอให้พิสูจน์ความจริง ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 284 นั้น เมื่อปรากฏว่าในชั้นต้นจำเลยปฏิเสธว่ามิได้ทำผิด จนเมื่อศาลสืบพยานไปสิ้นแล้ว จำเลยจึงกลับรับสารภาพว่าได้ทำผิดตามฟ้อง ศาลสอบถามถึงเรื่องที่โจทก์ขอให้พิสูจน์ความจริง จำเลยก็แถลงว่า ไม่สามารถพิสูจน์ได้ เช่นนี้ คดีเข้าลักษณะที่ว่าศาลได้บังคับให้จำเลยพิสูจน์ความจริง แต่จำเลยพิสูจน์ให้เห็นจริงมิได้ ดั่งที่บัญญัติไว้ในมาตรา 284 แล้ว คดีจึงลงโทษจำเลยตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 284 ได้ (ประชุมใหญ่)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานหมิ่นประมาทตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 282,284,339(2) และขอให้เพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบด้วย จำเลยรับสารภาพตลอดถึงข้อเพิ่มโทษด้วย แต่ศาลชั้นต้นเห็นว่า
จำเลยผิดตามมาตรา 339 ซึ่งเป็นผิดฐานลหุโทษอันจะเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบไม่ได้ จึงไม่ได้กล่าว ถึงการเพิ่มโทษด้วย โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยควรมีผิดตามมาตรา 282,284 ในเรื่องเพิ่มโทษหรือไม่ ไม่ได้โต้เถียงกัน ดังนี้เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยผิดตามมาตรา 282 ซึ่งอาจเพิ่มโทษตามมาตรา 72 ได้แล้ว ศาลอุทธรณ์ก็ต้องเพิ่มโทษจำเลยตามฟ้องด้วย จะถือว่าฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ ไม่ได้ขอให้เพิ่มโทษไม่ได้
คดีหมิ่นประมาท ซึ่งโจทก์ร้องขอให้พิสูจน์ความจริง ตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 284 นั้น เมื่อปรากฏว่าในชั้นต้นจำเลยปฏิเสธว่ามิได้ทำผิด จนเมื่อศาลสืบพยานไปสิ้นแล้ว จำเลยจึงกลับรับสารภาพว่าได้ทำผิดตามฟ้อง ศาลสอบถามถึงเรื่องที่โจทก์ขอให้พิสูจน์ความจริง จำเลยก็แถลงว่า ไม่สามารถพิสูจน์ได้ เช่นนี้ คดีเข้าลักษณะที่ว่าศาลได้บังคับให้จำเลยพิสูจน์ความจริง แต่จำเลยพิสูจน์ให้เห็นจริงมิได้ ดั่งที่บัญญัติไว้ในมาตรา 284 แล้ว คดีจึงลงโทษจำเลยตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 284 ได้ (ประชุมใหญ่)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานหมิ่นประมาทตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 282,284,339(2) และขอให้เพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบด้วย จำเลยรับสารภาพตลอดถึงข้อเพิ่มโทษด้วย แต่ศาลชั้นต้นเห็นว่า
จำเลยผิดตามมาตรา 339 ซึ่งเป็นผิดฐานลหุโทษอันจะเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบไม่ได้ จึงไม่ได้กล่าว ถึงการเพิ่มโทษด้วย โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยควรมีผิดตามมาตรา 282,284 ในเรื่องเพิ่มโทษหรือไม่ ไม่ได้โต้เถียงกัน ดังนี้เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยผิดตามมาตรา 282 ซึ่งอาจเพิ่มโทษตามมาตรา 72 ได้แล้ว ศาลอุทธรณ์ก็ต้องเพิ่มโทษจำเลยตามฟ้องด้วย จะถือว่าฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ ไม่ได้ขอให้เพิ่มโทษไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1021/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำด่า 'อ้ายเหี้ย' ไม่ถึงขั้นหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 282
ใช้ถ้อยคำว่าเขาว่า "อ้ายเหี้ย" ดังนี้ ยังไม่เป็นผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 282
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1021/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพูด "อ้ายเหี้ย" ไม่เป็นความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 282
ใช้ถ้อยคำว่าเขาว่า"อ้ายเหี้ย" ดังนี้ ยังไม่เป็นผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 282
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1070/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จ-หมิ่นประมาท: การกล่าวอ้างโดยสุจริตต่อเจ้าคณะสงฆ์ ถือเป็นเหตุยกเว้นความผิด
พระภิกษุเมาสุราไปด่าท้าทายจำเลย จำเลยไปแจ้งความต่อผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านแนะนำให้ไปแจ้งต่อเจ้าคณะหมวดเพราะผู้ด่าท้าทายเป็นสงฆ์ จำเลยจึงไปร้องต่อเจ้าคณะหมวด เจ้าคณะหมวดเรียกพระภิกษุนั้นมาแจ้งข้อหาให้ทราบ พระภิกษุปฏิเสธ จำเลยยืนยันต่อหน้าบุคคลหลายคนว่าพระภิกษุนั้นเมาสุราไปด่าท้าทายจริงๆ จนในที่สุดเจ้าคณะหมวดไกล่เกลี่ยยอมเลิกแล้วต่อกัน ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยกล่าวโดยสุจริตตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 283(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1025/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องหมิ่นประมาทในคดีหย่า: ไม่ต้องระบุถ้อยคำโดยละเอียดเหมือนคดีอาญา
คำฟ้องซึ่งกล่าวอ้างถึงการหมิ่นประมาท อันเป็นเหตุหย่าตามกฎหมายแพ่งนั้น ไม่เหมือนฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานหมิ่นประมาท ตาม ก.ม.ลักษณะอาญาซึ่งมี ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158(5) วรรค 2 บัญญัติไว้เป็นพิเศษว่า ในคดีหมิ่นประมาทถ้อยคำพูดให้กล่าวไว้โดยบริบูรณ์ฉะนั้น เมื่อฟ้องของโจทก์บรรยายว่า "จำเลยได้บังอาจกล่าวถ้อยคำหมิ่นประมาทด่าถึงโคตรวงษ์บิดามารดาโจทก์อย่างร้ายแรงต่าง ๆ นาๆ " จึงเป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา และกรณีข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 172 แล้ว