พบผลลัพธ์ทั้งหมด 115 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 927/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ: การใช้กำลังตอบโต้เมื่อถูกทำร้ายด้วยอาวุธ
ผู้เสียหายลวนลามหลานสาวของจำเลย จำเลยจึงถือมีดพร้าเข้ามาในห้องเกิดเหตุ ผู้เสียหายได้ใช้มีดบางแทงจำเลยก่อน จำเลยจึงใช้มีดพร้าฟันผู้เสียหายเป็นการป้องกันตัว แต่ปรากฏว่ามีดของจำเลยใหญ่ยาวกว่ามีดของผู้เสียหายมากประกอบกับขณะนั้นผู้เสียหายน่าจะคิดหนีไปให้พ้น ที่ใช้มีดทำร้ายจำเลยก็เพราะจำเลยถือมีดพร้ายืนขวางประตูอยู่หนีไปทางอื่นไม่ได้ และไม่ปรากฏว่าก่อนจำเลยจะฟันผู้เสียหายนั้น ผู้เสียหายจะแทงซ้ำอีกแต่อย่างใด เมื่อพิจารณาถึงอาวุธที่ใช้ทำร้ายประกอบกับบาดแผลและพฤติการณ์ต่างๆ ดังกล่าวมา การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 793/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่ชัดเจนจำเลยไม่เข้าใจข้อกล่าวหา ศาลยกฟ้องตามวิธีพิจารณาความอาญา
ฟ้องโจทก์ที่กล่าวว่า จำเลยทั้ง 3 บังอาจใช้กำลังกายและศาตราวุธทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน จำเลยที่ 1บาดเจ็บสาหัส จำเลยที่ 2 ไม่บาดเจ็บ จำเลยที่ 3 บาดเจ็บ ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254,256 ดังนี้เป็นฟ้องเคลือบคลุม เพราะจำเลยคนใดย่อมไม่อาจเข้าใจว่า ต้องหาว่าทำร้ายจำเลยคนใดอย่างไร ถึงบาดเจ็บสาหัสหรือไม่และจะลงโทษตาม มาตรา 258 ก็ไม่ได้ เพราะโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 708/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพและการพิจารณาบาดเจ็บสาหัส: ศาลต้องฟังตามคำรับสารภาพและพิจารณาความบอบช้ำภายในประกอบ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 259 โดยกล่าวว่า จำเลยขับรถยนต์โดยปราศจากความระมัดระวัง ฯลฯ ชนผู้เสียหายเจ็บสาหัสเพราะต้องทนทุกข์เวทนากลาและไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติเกินกว่า 20 วัน จำเลยรับสารภาพไม่ต่อสู้ประการใด ดังนี้ศาลต้องฟังตามคำรับของจำเลยว่า ผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัสตามฟ้อง จะยกเอาแต่ฐานแผลภายนอกจามใบชันสุตรซึ่งไม่เกี่ยวถึงความบอบซ้ำภายในมาวินิจฉัยว่า บาดเจ็บเล็กน้อยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 708/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพและบาดเจ็บสาหัส: ศาลต้องฟังตามคำรับสารภาพ แม้แผลภายนอกเล็กน้อย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 259 โดยกล่าวว่า จำเลยขับรถยนต์โดยปราศจากความระมัดระวังฯลฯ ชนผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัส เพราะต้องทนทุกข์เวทนากล้าและไม่สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติเกินกว่า 20 วัน จำเลยรับสารภาพไม่ต่อสู้ประการใดดังนี้ศาลต้องฟังตามคำรับของจำเลยว่า ผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัสตามฟ้องจะยกเอาแต่ฐานแผลภายนอกตามใบชันสูตรซึ่งไม่เกี่ยวถึงความบอบช้ำภายในมาวินิจฉัยว่า บาดเจ็บเล็กน้อยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 503/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตอบรับคำชวนวิวาท: การประเมินเจตนาและการมีอำนาจฟ้องของผู้ถูกทำร้าย
จำเลยกับผู้ถูกทำร้ายมีสาเหตุกันอยู่ก่อน ขณะเกิดเหตุผู้ถูกทำร้ายยืนดูรำโทนอยู่จำเลยมาเรียกและถามว่า'อ้ายทองจะเอาหรือ' ผู้ถูกทำร้ายตอบว่า 'เอา' ทันใดจำเลยก็แทงผู้ถูกทำร้าย 3 ที ติดๆ กัน ดังนี้จะฟังว่าผู้ถูกทำร้ายสมัครใจเข้าวิวาทต่อสู้กับจำเลยยังไม่ได้ อำนาจฟ้องของโจทก์ผู้ถูกทำร้ายหาเสียไปไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 398/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษอาญาต้องสอดคล้องกับฟ้อง โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส แต่พยานไม่สนับสนุน ศาลลงโทษฐานทำร้ายร่างกายไม่ถึงบาดเจ็บ
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยใช้กำลังกายกลุ่มรุมกันทำร้าย ชกต่อย ถีบ เตะ ผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัส ทางพิจารณาได้ความเพียงว่า จำเลยทำร้ายร่างกายผู้เสียหายไม่ถึงบาดเจ็บ แล้วในตอนหลังผู้เสียหายถูกคนอื่นซึ่งเป็นพรรคพวกขอบจำเลยทำร้ายบาดเจ็บสาหัส โดยโจทก์มิได้กล่าวในฟ้องว่า จำเลยได้สมคบกับคนอื่นที่ทำร้ายเหล่านั้นด้วย ดังนั้นจะลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสมิได้ จำเลยคงมีความผิดเพียง ฐานทำร้ายร่างกายไม่บาดเจ็บ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 398/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยต้องสอดคล้องกับคำฟ้อง โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส แต่พยานไม่สนับสนุน จึงลงโทษฐานทำร้ายร่างกายไม่ถึงบาดเจ็บ
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยใช้กำลังกายกลุ้มรุมกันทำร้ายชกต่อย ถีบ เตะ ผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัส ทางพิจารณาได้ความเพียงว่า จำเลยทำร้ายร่างกายผู้เสียหายไม่ถึงบาดเจ็บแล้วในตอนหลังผู้เสียหายถูกคนอื่นซึ่งเป็นพรรคพวกของจำเลยทำร้ายบาดเจ็บสาหัส โดยโจทก์มิได้กล่าวในฟ้องว่า จำเลยได้สมคบกับคนอื่นที่ทำร้ายเหล่านั้นด้วย ดังนี้ จะลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสมิได้ จำเลยคงมีผิดเพียง ฐานทำร้ายร่างกายไม่บาดเจ็บ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยบาดเจ็บสาหัสเป็นข้อเท็จจริง ห้ามฎีกาหากศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษเล็กน้อย
การที่จะวินิจฉัยว่าผู้ถูกกระทำร้ายถึงบาดเจ็บสาหัส โดยถึงความทุพพลภาพหรือพยาธิประกอบด้วยทุกข์เวทนากล้าเกินกว่า 20 วันหรือถึงไม่สามารถจะประกอบการหาเลี้ยงชีพโดยปกติเพราะความทุพพลภาพเกินกว่า20 วัน เป็นการวินิจฉัยในข้อเท็จจริง(อ้างฎีกา 575/2488)
เมื่อศาลเดิมวินิจฉัยว่าเป็นบาดเจ็บสาหัส ตามมาตรา 256 ให้จำคุก2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้บทว่า ไม่ถึงสาหัสตามมาตรา 254 แต่ไม่ได้แก้โทษ ดังนี้ ถือว่าเป็นแต่แก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
เมื่อศาลเดิมวินิจฉัยว่าเป็นบาดเจ็บสาหัส ตามมาตรา 256 ให้จำคุก2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้บทว่า ไม่ถึงสาหัสตามมาตรา 254 แต่ไม่ได้แก้โทษ ดังนี้ ถือว่าเป็นแต่แก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยบาดเจ็บสาหัสและการห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
การที่จะวินิจฉัยว่าผู้ถูกกระทำร้ายถึงบาดเจ็บสาหัสโดยถึงความทุพพลภาพหรือพยาธิประกอบด้วยทุกข์เวทนากล้า เกินกว่า 20 วันหรือ ถึงไม่สามารถจะประกอบการหาเลี้ยงชีพโดยปกติเพราะความทุพพลภาพเกินกว่า 20 วัน เป็นการวินิจฉัยในข้อเท็จจริง (อ้างฎีกา 575/2488)
เมื่อศาลเดิมวินิจฉัยว่าเป็นบาดเจ็บสาหัส ตามมาตรา 256 ให้จำคุก 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้บทว่า ไม่ถึงสาหัสตามมาตรา 254 แต่ไม่ได้แก้โทษ ดังนี้ถือว่าเป็นแต่แก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
เมื่อศาลเดิมวินิจฉัยว่าเป็นบาดเจ็บสาหัส ตามมาตรา 256 ให้จำคุก 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้บทว่า ไม่ถึงสาหัสตามมาตรา 254 แต่ไม่ได้แก้โทษ ดังนี้ถือว่าเป็นแต่แก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1671/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายโดยบรรดาลโทสะจากเหตุลวนลามภรรยา ศาลลดโทษได้
ผู้เสียหายได้ไปลวนลามภรรยาจำเลย จำเลยจึงตามมาทำร้ายผู้เสียหาย ดังนี้ ฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำไปโดยบรรดาลโทษะ ควรลดโทษให้จำเลยตามมาตรา 55 ก.ม.ลักษณะอาญา.