คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 650

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 243 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2147/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์เจ้าหนี้ที่แท้จริงในสัญญากู้ยืม: ศาลอนุญาตให้จำเลยสืบพยานเพื่อโต้แย้ง
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินกู้แก่โจทก์ตามสำเนาสัญญากู้ยืมเงินท้ายฟ้องพร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยกู้เงินโจทก์ ไม่เคยได้รับเงินใดๆ จากโจทก์ จำเลยเคยกู้เงิน ผ.ต่อมาผ. ต้องการหลักฐานการกู้ยืม แต่ไม่ประสงค์จะมีชื่อในเอกสารจึงให้ลงชื่อโจทก์แทนไว้ สัญญากู้ท้ายฟ้องไม่สมบูรณ์ ไม่มีมูลหนี้ใดๆ ระหว่างโจทก์จำเลย ทำขึ้นเพื่อปกปิดชื่อเจ้าหนี้ที่แท้จริงในนิติกรรมระหว่างจำเลยกับ ผ. เท่านั้น ทั้งจำเลยได้ชำระหนี้ให้ ผ. เรียบร้อยแล้ว ดังนี้ เท่ากับจำเลยอ้างว่าโจทก์มีชื่อเป็นผู้ให้กู้ในฐานะตัวแทน ผ.เจ้าหนี้ที่แท้จริงคือผ.. และจำเลยได้ชำระหนี้รายนี้แก่ ผ.เจ้าหนี้ที่แท้จริงแล้วโดยมีเอกสารมาแสดง จำเลยมีสิทธินำสืบพยานประกอบข้ออ้างของจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2147/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์เจ้าหนี้ที่แท้จริงและการนำสืบพยานในคดีหนี้สิน สัญญาที่ไม่สมบูรณ์
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินกู้แก่โจทก์ตามสำเนาสัญญากู้ยืมเงินท้ายฟ้องพร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยกู้เงินโจทก์ ไม่เคยได้รับเงินใด ๆ จากโจทก์ จำเลยเคยกู้เงิน ผ. ต่อมา ผ.ต้องการหลักฐานการกู้ยืมแต่ไม่มีประสงค์จะมีชื่อในเอกสารจึงให้ลงชื่อโจทก์แทนไว้ สัญญากู้ท้ายฟ้องไม่สมบูรณ์ ไม่มีมูลหนี้ใด ๆ ระหว่างโจทก์จำเลย ทำขึ้นเพื่อปกปิดชื่อเจ้าหน้าหนี้ที่แท้จริงในนิตกรรมระหว่างจำเลยกับ ผ.เท่านั้น ทั้งจำเลยได้ชำระหนี้ให้ ผ.เรียบร้อยแล้ว ดังนี้ เท่ากับจำเลยอ้างว่าโจทก์มีชื่อเป็นผู้ให้กู้ในฐานะตัวแทน ผ. เจ้าหนี้ที่แท้จริงคือ ผ. และจำเลยได้ชำระหนี้รายนี้แก่ ผ. เจ้าหนี้ที่แท้จริงแล้ว มีเอกสารมาแสดง จำเลยมีสิทธิสืบพยานประกอบข้ออ้างของจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1976/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้คดีว่าสัญญาไม่มีมูลหนี้และไม่ได้กู้เงินจริง จำเลยมีสิทธินำสืบพยานบุคคลได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญากู้เงินโจทก์ไป 7,000 บาท ได้มอบตราจองที่ดินของจำเลยให้โจทก์ยึดถือไว้ แล้วจำเลยไม่ชำระ จำเลยให้การต่อสู้คดีว่า น้องสาวและน้องเขยของจำเลยกู้เงินโจทก์ 14,000 บาท ได้นำตราจองไปให้โจทก์ยึดถือไว้ เนื่องจากจำเลยและน้องสาวของจำเลยมีชื่อถือกรรมสิทธิ์ร่วมในตราจองดังกล่าว จำเลยจึงลงชื่อในสัญญากู้เพื่อค้ำประกันหนี้ของน้องสาวและน้องเชย โดยจำเลยไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้ไปจากโจทก์ ดังนี้ จำเลยมีสิทธินำสืบพยานบุคคลตามข้อต่อสู้ของจำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคท้าย เพราะเป็นการนำสืบถึงข้อตกลงอันเป็นมูลเหตุและความประสงค์ที่สัญญาเพื่อแสดงว่าไม่มีมูลหนี้ตามหนังสือสัญญากู้ที่จะทำให้จำเลยต้องรับผิดใช้เงินแก่โจทก์ประการหนึ่งและหนี้เงินกู้ตามที่ระบุไว้ในสัญญากู้ไม่สมบูรณ์ เพราะโจทก์ไม่ได้ส่งมอบเงินที่กู้ให้จำเลยอีกประการหนึ่ง
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 15 และ 16/2518)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1976/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้คดีว่าลงชื่อในสัญญากู้เพื่อค้ำประกัน ไม่ใช่ผู้กู้จริง มีสิทธิพิสูจน์ได้ว่าไม่มีมูลหนี้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญากู้เงินโจทก์ไป 7,000 บาท ได้มอบตราจองที่ดินของจำเลยให้โจทก์ยึดถือไว้ แล้วจำเลยไม่ชำระ จำเลยให้การต่อสู้คดีว่า น้องสาวและน้องเขยของจำเลยกู้เงินโจทก์ 14,000 บาท ได้นำตราจองไปให้โจทก์ยึดถือไว้ เนื่องจากจำเลยและน้องสาวของจำเลยมีชื่อถือกรรมสิทธิ์ร่วมในตราจองดังกล่าว จำเลยจึงลงชื่อในสัญญากู้เพื่อค้ำประกันหนี้ของน้องสาวและน้องเขย โดยจำเลยไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้ไปจากโจทก์ ดังนี้ จำเลยมีสิทธินำสืบพยานบุคคลตามข้อต่อสู้ของจำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคท้าย เพราะเป็นการนำสืบถึงข้อตกลงอันเป็นมูลเหตุและความประสงค์ที่ทำสัญญาเพื่อแสดงว่าไม่มีมูลหนี้ตามหนังสือสัญญากู้ที่จะทำให้จำเลยต้องรับผิดใช้เงินแก่โจทก์ประการหนึ่ง และหนี้เงินกู้ตามที่ระบุไว้ในสัญญากู้ไม่สมบูรณ์ เพราะโจทก์ไม่ได้ส่งมอบเงินที่กู้ให้จำเลยอีกประการหนึ่ง(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 15 และ 16/2518)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1527/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับรองสัญญากู้และการนำสืบหักล้าง หากอ้างถูกหลอกลวง จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อน
จำเลยรับว่าสัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องจำเลยได้ลงชื่อเป็นผู้กู้ มิได้ปฏิเสธความถูกแท้จริงแห่งสัญญากู้ว่าเป็นสัญญาปลอม แต่อ้างว่าโจทก์ไม่ได้จ่ายเงินตามสัญญา โดยบอกจำเลยว่าจะถูกปล้นกลางทาง อยากได้ไปใช้เท่าใดให้มาหา จะพาไปเอาที่ธนาคารเท่าที่จำเป็น โจทก์กับ ม.สมคบกันหลอกลวงจำเลย ฯลฯ ฝ่ายจำเลยจึงเป็นฝ่ายกล่าวอ้างว่าหนี้ตามสัญญากู้นั้นไม่จริง ไม่ได้เป็นหนี้ จำเลยจึงเป็นฝ่ายมีหน้าที่นำสืบก่อน ว่าไม่มีหนี้และนำพยานบุคคลมาสืบหักล้างเอกสารสัญญากู้ได้ แม้สัญญากู้จะระบุว่าจำเลยรับเงินกู้ไปครบถ้วนแล้ว ไม่เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร เข้าอยู่ในวรรคท้ายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1178/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำนองเพื่อประกันเช่าซื้อ สัญญาจำนองไม่สมบูรณ์ ฟ้องบังคับจำนองไม่ได้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินและจำนองที่ดินไว้กับโจทก์ เมื่อครบกำหนดจำเลยไม่ไถ่ถอนจำนอง ขอให้บังคับจำเลยไถ่ถอนจำนอง หากไม่ไถ่ถอนก็ขอให้บังคับจำนอง จำเลยให้การต่อสู้ว่า ไม่เคยกู้และรับเงินจำนอง ความจริงเป็นเรื่องการเช่าซื้อรถยนต์ระหว่างสามีจำเลยกับสามีโจทก์ สามีโจทก์เกรงจะไม่ได้เงินค่าเช่าซื้อ จึงให้จำเลยจำนองที่ดินไว้กับโจทก์เป็นประกัน ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าสัญญาจำนองทำขึ้นเพื่อเป็นประกันเช่าซื้อ มิใช่เพื่อประกันการกู้ดังโจทก์ฟ้องขอบังคับแล้ว ศาลขอบที่จะพิพากษายกฟ้องโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1178/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำนองเพื่อประกันการเช่าซื้อ: สัญญาจำนองไม่สมบูรณ์หากไม่มีการกู้ยืมเงิน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินและจำนองที่ดินไว้กับโจทก์เมื่อครบกำหนดจำเลยไม่ไถ่ถอนจำนอง ขอให้บังคับจำเลยไถ่ถอนจำนองหากไม่ไถ่ถอนก็ขอให้บังคับจำนอง จำเลยให้การต่อสู้ว่า ไม่เคยกู้และรับเงินจำนอง ความจริงเป็นเรื่องการเช่าซื้อรถยนต์ระหว่างสามีจำเลยกับสามีโจทก์ สามีโจทก์เกรงจะไม่ได้เงินค่าเช่าซื้อ จึงให้จำเลยจำนองที่ดินไว้กับโจทก์เป็นประกันดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าสัญญาจำนองทำขึ้นเพื่อเป็นประกันการเช่าซื้อมิใช่เพื่อประกันการกู้ดังโจทก์ฟ้องขอบังคับแล้วศาลชอบที่จะพิพากษายกฟ้องโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 720/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุม-อายุความ: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการกล่าวถึงที่มาของหนี้ในฟ้องไม่จำเป็นต้องละเอียด และอายุความเป็นข้อต่อสู้ต้องยกขึ้นในชั้นอุทธรณ์
ฟ้องให้จำเลยชำระเงินตามสัญญากู้ ซึ่งโจทก์ได้ส่งสำเนาสัญญากู้มาพร้อมกับฟ้องแล้วแม้ในฟ้องจะได้กล่าวถึงที่มาหรือมูลหนี้ของสัญญากู้ฉบับที่โจทก์ฟ้อง แต่ไม่ได้กล่าวรายละเอียดต่างๆ ของที่มาหรือมูลหนี้นั้นไว้ด้วย ก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ปัญหาการเรียกดอกเบี้ยค้างชำระได้เกิน 5 ปีหรือไม่ เป็นปัญหาเรื่องอายุความ ซึ่งศาลจะหยิบยกขึ้นพิจารณาได้ก็ต่อเมื่อจำเลยได้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ฉะนั้น ปัญหาเรื่องอายุความจึงมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนเมื่อจำเลยมิได้ยกปัญหานี้ขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ จึงฎีกาไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 720/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุมและการยกอายุความ: ศาลฎีกาชี้ว่ารายละเอียดมูลหนี้ไม่จำเป็นต้องระบุในฟ้อง และอายุความเป็นข้อต่อสู้ต้องยกขึ้นในชั้นอุทธรณ์
ฟ้องให้จำเลยชำระเงินตามสัญญากู้ ซึ่งโจทก์ได้ส่งสำเนาสัญญากู้มาพร้อมกับฟ้องแล้วแม้ในฟ้องจะได้กล่าวถึงที่มาหรือมูลหนี้ของสัญญากู้ฉบับที่โจทก์ฟ้อง แต่ไม่ได้กล่าวรายละเอียดต่าง ๆ ของที่มาหรือมูลหนี้นั้นไว้ด้วย ก็ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ปัญหาการเรียกดอกเบี้ยค้างชำระได้เกิน 5 ปีหรือไม่ เป็นปัญหาเรื่องอายุความซึ่งศาลจะหยิบยกขึ้นพิจารณาได้ก็ต่อเมื่อจำเลยได้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ฉะนั้นปัญหาเรื่องอายุความจึงมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อจำเลยมิได้ยกปัญหานี้ขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์จึงฎีกาไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 395/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในการสืบพยานเพื่อพิสูจน์ข้อต่อสู้ว่าสัญญากู้ยืมไม่สมบูรณ์ เนื่องจากจำนวนเงินในสัญญาไม่ตรงกับเงินที่ได้รับจริง
จำเลยให้การว่า จำนวนเงินตามสัญญากู้ยืมที่โจทก์นำมาฟ้องจำนวน 32,000 บาทนั้น จำเลยได้รับไปเพียง 4,000 บาท เท่านั้นโดยเอาหนี้เก่ามาผนวกกับหนี้ใหม่แล้วเพิ่มจำนวนเงินเป็นแปดเท่า เป็นการต่อสู้ว่าสัญญานั้นไม่สมบูรณ์ จำเลยมีสิทธินำพยานบุคคลมาสืบได้ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 วรรคท้าย
of 25