พบผลลัพธ์ทั้งหมด 243 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1175/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้ที่มีมูลหนี้เดิม การใช้เงินฝากผิดวัตถุประสงค์ และผลของการไม่ชำระหนี้
โจทก์มอบเงินจำนวนหนึ่งให้จำเลยนำไปฝากธนาคารจำเลยกลับเอาไปใช้เสียหมด จำเลยจึงทำสัญญากู้เงินโจทก์มีจำนวนเงินเท่ากับที่จำเลยรับฝากไว้ สัญญากู้จึงสมบูรณ์มีผลใช้บังคับได้ เพราะมีมูลหนี้ต่อกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1175/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้ที่มีมูลหนี้เดิมจากการมอบเงินฝาก สัญญาสมบูรณ์ใช้บังคับได้
โจทก์มอบเงินจำนวนหนึ่งให้จำเลยนำไปฝากธนาคาร จำเลยกลับเอาไปใช้เสียหมด จำเลยจึงทำสัญญากู้เงินโจทก์มีจำนวนเงินเท่ากับที่จำเลยรับฝากไว้ สัญญากู้จึงสมบูรณ์มีผลใช้บังคับได้ เพราะมีมูลหนี้ต่อกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 89/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้ชดใช้ค่าเสียหายจากการทำละเมิด ไม่เป็นโมฆะ แม้มีการลงวันที่ย้อนหลัง หากเจตนาคือการชดใช้ค่าเสียหาย ไม่ใช่ช่วยเหลือจำเลยหลีกเลี่ยงการถูกลงโทษอาญา
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยตามสัญญากู้ซิ่งมีมูลหนี้เดิมจากการทำละเมิดของจำเลย อายุความเรียกร้องต้องเป็นไปตามเรื่องกู้ มิใช่เรื่องมูลละเมิด
จำเลยทำให้เกิดเพลิงไหม้ทรัพย์สินของโจทก์โดยประมาทเลินเล่อ และยอมใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ โดยทำสัญญากู้ให้ไว้และโจทก์ยอมให้ลงวันที่ในสัญญากู้ย้อนหลังไป ไม่ถือว่าสัญญากู้นั้นมีวัตถุประสงค์โดยตรงอันจะมีผลให้จำเลยหลุดพ้นจากการต้องหาคดีอาญาฐานกระทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท และไม่ใช่เป็นการทำสัญญากู้เพื่อให้โจทก์ช่วยเหลือจำเลยให้พ้นผิดทางอาญาด้วย สัญญากู้จึงไม่เป็นโมฆะเพราะขัดต่อความสวบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน เนื่องจากเจตนาอันแท้จริงของคู่กรณี เป็นเรื่องจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่กัน
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยก่อให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทแก่เรือน เรือนครัว ยุ้งข้าว ข้าวเปลือก สิ่งของเครื่องใช้ในบ้านและต้นผลไม้ ถือว่าโจทก์ได้บรรยายรายละเอียดแห่งทรัพย์สินที่เสียหายไว้ในฟ้องชัดแจ้งแล้ว
จำเลยทำให้เกิดเพลิงไหม้ทรัพย์สินของโจทก์โดยประมาทเลินเล่อ และยอมใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ โดยทำสัญญากู้ให้ไว้และโจทก์ยอมให้ลงวันที่ในสัญญากู้ย้อนหลังไป ไม่ถือว่าสัญญากู้นั้นมีวัตถุประสงค์โดยตรงอันจะมีผลให้จำเลยหลุดพ้นจากการต้องหาคดีอาญาฐานกระทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาท และไม่ใช่เป็นการทำสัญญากู้เพื่อให้โจทก์ช่วยเหลือจำเลยให้พ้นผิดทางอาญาด้วย สัญญากู้จึงไม่เป็นโมฆะเพราะขัดต่อความสวบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน เนื่องจากเจตนาอันแท้จริงของคู่กรณี เป็นเรื่องจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่กัน
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยก่อให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทแก่เรือน เรือนครัว ยุ้งข้าว ข้าวเปลือก สิ่งของเครื่องใช้ในบ้านและต้นผลไม้ ถือว่าโจทก์ได้บรรยายรายละเอียดแห่งทรัพย์สินที่เสียหายไว้ในฟ้องชัดแจ้งแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 89/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้ชดใช้ค่าเสียหายจากเหตุละเมิด ไม่เป็นโมฆะ แม้ลงวันที่ย้อนหลัง หากเจตนาคือการชดใช้ค่าเสียหาย ไม่ใช่เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดอาญา
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยตามสัญญากู้ ซึ่งมีมูลหนี้เดิมจากการทำละเมิดของจำเลย อายุความเรียกร้องต้องเป็นไปตามเรื่องกู้ มิใช่เรื่องมูลละเมิด
จำเลยทำให้เกิดเพลิงไหม้ทรัพย์สินของโจทก์โดยประมาทเลินเล่อและยอมใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์โดยทำสัญญากู้ให้ไว้และโจทก์ยอมให้ลงวันที่ในสัญญากู้ย้อนหลังไปไม่ถือว่าสัญญากู้นั้นมีวัตถุประสงค์โดยตรงอันจะมีผลให้จำเลยหลุดพ้นจากการต้องหาคดีอาญาฐานกระทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทและไม่ใช่เป็นการทำสัญญากู้เพื่อให้โจทก์ช่วยเหลือจำเลยให้พ้นผิดทางอาญาด้วยสัญญากู้จึงไม่เป็นโมฆะเพราะขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนเนื่องจากเจตนาอันแท้จริงของคู่กรณีเป็นเรื่องจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่กัน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยก่อให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทแก่เรือน เรือนครัว ยุ้งข้าว ข้าวเปลือก สิ่งของเครื่องใช้ในบ้านและต้นผลไม้ถือว่าโจทก์ได้บรรยายรายละเอียดแห่งทรัพย์สินที่เสียหายไว้ในฟ้องชัดแจ้งแล้ว
จำเลยทำให้เกิดเพลิงไหม้ทรัพย์สินของโจทก์โดยประมาทเลินเล่อและยอมใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์โดยทำสัญญากู้ให้ไว้และโจทก์ยอมให้ลงวันที่ในสัญญากู้ย้อนหลังไปไม่ถือว่าสัญญากู้นั้นมีวัตถุประสงค์โดยตรงอันจะมีผลให้จำเลยหลุดพ้นจากการต้องหาคดีอาญาฐานกระทำให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทและไม่ใช่เป็นการทำสัญญากู้เพื่อให้โจทก์ช่วยเหลือจำเลยให้พ้นผิดทางอาญาด้วยสัญญากู้จึงไม่เป็นโมฆะเพราะขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนเนื่องจากเจตนาอันแท้จริงของคู่กรณีเป็นเรื่องจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่กัน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยก่อให้เกิดเพลิงไหม้โดยประมาทแก่เรือน เรือนครัว ยุ้งข้าว ข้าวเปลือก สิ่งของเครื่องใช้ในบ้านและต้นผลไม้ถือว่าโจทก์ได้บรรยายรายละเอียดแห่งทรัพย์สินที่เสียหายไว้ในฟ้องชัดแจ้งแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1098/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละเงื่อนเวลาในสัญญากู้ การชำระหนี้บางส่วนไม่ถือเป็นการสละเงื่อนเวลา ทำให้เจ้าหนี้มีสิทธิฟ้องเรียกหนี้ก่อนกำหนดได้
เจ้าหนี้ฟ้องเรียกเงินกู้ก่อนถึงกำหนดชำระ ลูกหนี้ปฏิเสธความรับผิด อ้างว่าขำระหนี้เงินกู้ตามสัญญาแล้ว ย่อมแสดงว่าลูกหนี้ไม่ถือเอาประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาในสัญญากู้นั้น เงื่อนเวลาจึงไม่เป็นข้อที่ลูกหนี้จะอ้างเป็นประโยชน์ได้ต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 781/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้เป็นหลักประกันการชำระหนี้จากค่าจ้างเหมางาน การนำสืบข้อตกลงอันแท้จริงทำได้ ไม่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงเดิม
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำหนังสือสัญญากู้เงินโจทก์และรับเงินไปแล้ว โจทก์ไปทวงถามแล้วจำเลยเพิกเฉย จำเลยให้การว่าไม่ได้กู้และรับเงินโจทก์ โจทก์เชิด พ. เป็นตัวแทนรับจ้างเหมาทำงานของทางราชการ แล้วให้จำเลยกับพ.เป็นผู้ลงแรงและเพื่อเป็นหลักประกันว่าเมื่อจำเลยกับพ. รับเงินค่าจ้างจากทางราชการแล้วจะนำมามอบให้โจทก์ โจทก์จึงให้จำเลยและ พ. ทำหนังสือสัญญากู้ไว้ให้คนละฉบับ โดยมิได้มีการรับเงินตามสัญญานั้น จำเลยกับ พ. ได้มอบเงินให้โจทก์ทุกครั้งที่รับมา คงเหลืองวดสุดท้ายที่ถูกทางราชการหักไว้เป็นค่าปรับ จึงไม่สามารถนำเงินมาให้โจทก์เพื่อขอสัญญากู้คืน ขอให้ยกฟ้อง ดังนี้ จำเลยมีสิทธินำสืบตามข้อต่อสู้ได้ เพราะเป็นการนำสืบถึงข้อตกลงอันเป็นมูลเหตุและความประสงค์ที่ทำสัญญากู้ขึ้นประการหนึ่ง กับนำสืบว่ามูลหนี้อันจะทำให้จำเลยต้องรับผิดใช้เงินให้แก่โจทก์นั้นไม่มี อีกประการหนึ่ง (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 23/2507)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 452/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงฐานสัญญากู้เป็นซื้อขายที่ดิน: การนำสืบเพื่อพิสูจน์มูลเหตุสัญญา
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลย จำเลยให้การว่าไม่ได้กู้เป็นเรื่องการซื้อขายที่ดินกัน ตอนหลังว่าแม้การกู้จะไม่เป็นโมฆะสัญญากู้ก็มีว่า เมื่อจำเลยไม่ใช้เงินให้ จะขอมอบที่ดินให้โจทก์และภรรยาเป็นกรรมสิทธิ์และจำเลยก็ได้ส่งมอบที่ดินที่ซื้อขายให้ภรรยาโจทก์เข้าครอบครองแล้ว หนี้ตามสัญญากู้ยืมจึงเป็นอันระงับไปนั้นการที่จำเลยจะนำสืบตามข้อต่อสู้นี้จึงไม่เป็นการนำสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสาร แต่เป็นการนำสืบถึงมูลเหตุที่จะทำสัญญากู้ ซึ่งอาจแสดงว่าสัญญากู้สมบูรณ์หรือไม่จึงชอบที่จะนำสืบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1767/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาทางธุรกิจระหว่างหุ้นส่วน: การออกทุนทำโรงหีบอ้อยและการชำระหนี้ด้วยน้ำตาล
(1) จำเลยไม่ส่งสำเนาเอกสารที่อ้างให้แก่โจทก์ก่อนวันสืบพยาน 3 วัน อันเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 90 และโจทก์ได้คัดค้านไว้นั้น ย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86
(2) การที่จำเลยให้โจทก์ออกเงินและสิ่งของให้จำเลยผู้เป็นหุ้นส่วนกันไปทำโรงหีบอ้อย โดยจำเลยตกลงส่งน้ำตาลเชื่อมมาขายให้แก่โจทก์แล้วคิดหักบัญชีกันเป็นครั้งคราวนั้น เป็นนิติกรรมสัญญาอย่างหนึ่ง แต่ไม่ใช่การกู้ยืมเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 650,653 ฉะนั้น แม้ไม่ได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อจำเลยไว้เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นหุ้นส่วนกันเป็นลูกหนี้โจทก์อยู่ตามสัญญานั้นแล้ว จำเลยก็ต้องร่วมกันรับผิดชำระหนี้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1050
หมายเหตุ คำพิพากษาฎีกาตามข้อ 2 นี้ มีนัยเทียบได้กับฎีกาที่ 874/2477 ซึ่งวินิจฉัยว่าเป็นซื้อของเชื่อไม่ใช่สัญญากู้เงิน
(2) การที่จำเลยให้โจทก์ออกเงินและสิ่งของให้จำเลยผู้เป็นหุ้นส่วนกันไปทำโรงหีบอ้อย โดยจำเลยตกลงส่งน้ำตาลเชื่อมมาขายให้แก่โจทก์แล้วคิดหักบัญชีกันเป็นครั้งคราวนั้น เป็นนิติกรรมสัญญาอย่างหนึ่ง แต่ไม่ใช่การกู้ยืมเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 650,653 ฉะนั้น แม้ไม่ได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อจำเลยไว้เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นหุ้นส่วนกันเป็นลูกหนี้โจทก์อยู่ตามสัญญานั้นแล้ว จำเลยก็ต้องร่วมกันรับผิดชำระหนี้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1050
หมายเหตุ คำพิพากษาฎีกาตามข้อ 2 นี้ มีนัยเทียบได้กับฎีกาที่ 874/2477 ซึ่งวินิจฉัยว่าเป็นซื้อของเชื่อไม่ใช่สัญญากู้เงิน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1767/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาหุ้นส่วนออกทุนทำโรงหีบอ้อย ไม่ใช่สัญญากู้เงิน แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือก็ร่วมรับผิดได้
(1) จำเลยไม่ส่งสำเนาเอกสารที่อ้างให้แก่โจทก์ก่อนวันสืบพยาน3 วัน อันเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 และโจทก์ได้คัดค้านไว้นั้น ย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 (2) การที่จำเลยให้โจทก์ออกเงินและสิ่งของให้จำเลยผู้เป็นหุ้นส่วนกันไปทำโรงหีบอ้อย โดยจำเลยตกลงจะส่งน้ำตาลเชื่อมมาขายให้แก่โจทก์ แล้วคิดหักบัญชีกันเป็นครั้งคราวนั้น เป็นนิติกรรมสัญญาอย่างหนึ่ง แต่ไม่ใช่การกู้ยืมเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 650,653 ฉะนั้น แม้ไม่ได้ทำหลักฐานเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อจำเลยไว้เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นหุ้นส่วนกันเป็นลูกหนี้โจทก์อยู่ตามสัญญานั้นแล้วจำเลยก็ต้องร่วมกันรับผิดชำระหนี้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1050
หมายเหตุ คำพิพากษาฎีกาตามข้อ 2 นี้มีนัยเทียบได้กับฎีกาที่ 874/2477 ซึ่งวินิจฉัยว่าเป็นซื้อของเชื่อไม่ใช่สัญญากู้เงิน
หมายเหตุ คำพิพากษาฎีกาตามข้อ 2 นี้มีนัยเทียบได้กับฎีกาที่ 874/2477 ซึ่งวินิจฉัยว่าเป็นซื้อของเชื่อไม่ใช่สัญญากู้เงิน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 371/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณา ไม่ตัดสิทธิการนำสืบพยาน หากจำเลยได้ยื่นคำให้การสู้คดีไว้แล้ว
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 199 วรรค 2 บัญญัติห้ามมิให้จำเลยเรียกพยานเข้าสืบเฉพาะกรณีที่ขาดนัดยื่นคำให้การเท่านั้น ฉะนั้น เมื่อจำเลยเพียงแต่ขัดนัดพิจารณาแต่มิได้ขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยจึงหาหมดสิทธิที่จะนำพยานหลักฐานของตนเข้าสืบไม่
การขัดนัดพิจารณาในนัดหนึ่งนัดใด ถ้าคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งนำพยานหลักฐานเข้าสืบยังไม่หมด นัดต่อไปคู่ความที่ขาดนัดมาศาลก็ย่อมมีสิทธิที่จะถามค้านได้เพราะไม่ใช่เป็นพยานที่ได้สืบไปแล้ว
การที่คู่ความแถลงร่วมกันขอให้ศาลตั้งผู้เชี่ยวชาญแล้ว แม้ต่อมาจะไม่ตกลงกันในเรื่องค่าใช้จ่าย และในที่สุดฝ่ายหนึ่งได้ขอให้ศาลตั้งผู้เชี่ยวชาญไปฝ่ายเดียว ดังนี้อีกฝ่ายหนึ่งจะกลับมาคัดค้านภายหลังหาได้ไม่
การขออ้างพยานเพิ่ม แม้จะล่วงเวลาหลังจากสืบพยานฝ่ายตรงข้ามแล้ว ถ้าศาลเห็นมีเหตุสมควร ก็มีอำนาจอนุญาตได้
การขัดนัดพิจารณาในนัดหนึ่งนัดใด ถ้าคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งนำพยานหลักฐานเข้าสืบยังไม่หมด นัดต่อไปคู่ความที่ขาดนัดมาศาลก็ย่อมมีสิทธิที่จะถามค้านได้เพราะไม่ใช่เป็นพยานที่ได้สืบไปแล้ว
การที่คู่ความแถลงร่วมกันขอให้ศาลตั้งผู้เชี่ยวชาญแล้ว แม้ต่อมาจะไม่ตกลงกันในเรื่องค่าใช้จ่าย และในที่สุดฝ่ายหนึ่งได้ขอให้ศาลตั้งผู้เชี่ยวชาญไปฝ่ายเดียว ดังนี้อีกฝ่ายหนึ่งจะกลับมาคัดค้านภายหลังหาได้ไม่
การขออ้างพยานเพิ่ม แม้จะล่วงเวลาหลังจากสืบพยานฝ่ายตรงข้ามแล้ว ถ้าศาลเห็นมีเหตุสมควร ก็มีอำนาจอนุญาตได้