คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 302

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 9 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6443/2545 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดสนับสนุนการทำแท้ง แม้ผู้เสียหายยินยอม การกระทำดังกล่าวก็ยังคงเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้หญิงคนหนึ่งไม่ทราบชื่อทำให้นางสาว ป. ผู้เสียหายแท้งลูกโดยผู้เสียหายไม่ยินยอม ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตาม ป.อ. มาตรา 83 , 84 , 303 ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้เสียหายไปหาจำเลยที่ 1 ที่บ้านและถูกจำเลยที่ 1 ข่มขืนกระทำชำเรา หลังจากนั้นเมื่อผู้เสียหายไปตรวจร่างกายที่สถานีอนามัยจึงทราบว่าผู้เสียหายตั้งครรภ์ ต่อมาจำเลยทั้งสามมาหาผู้เสียหายที่บ้านโดยจำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับรถ จำเลยที่ 2 เป็นมารดาจำเลยที่ 1 แล้วพาผู้เสียหายไปหาผู้หญิงคนหนึ่งเพื่อทำแท้ง ระหว่างทางจำเลยที่ 3 ลงจากรถไปก่อน จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 พาผู้เสียหายเข้าไปทำแท้งในบ้านหลังหนึ่งโดยผู้เสียหายยินยอมให้ทำแท้งลูก ระหว่างการทำแท้งจำเลยที่ 1 นั่งขวางประตูบ้านอยู่ด้วย พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกก่อนหรือขณะกระทำความผิดในการที่ผู้อื่นทำแท้งผู้เสียหาย จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ตามมาตรา 302 วรรคแรก ประกอบมาตรา 86 แม้โจทก์จะมิได้ขอให้ลงโทษตามมาตรานี้ ศาลก็ย่อมลงโทษได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย เพราะการทำให้แท้งลูกไม่ว่าหญิงนั้นจะยินยอมหรือไม่ ประมวลกฎหมายอาญาบัญญัติเป็นความผิดทั้งนั้น หากแต่กำหนดโทษหนักเบาต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6443/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการทำแท้งโดยยินยอมของผู้เสียหาย จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 302
จำเลยที่ 1 และที่ 2 พาผู้เสียหายขึ้นรถกระบะจากบ้านพักผู้เสียหายไปให้หญิงไม่ทราบชื่อกับพวกอีก 2 คน ทำให้ผู้เสียหายแท้งลูกโดยผู้เสียหายยินยอม ซึ่งในระหว่างการทำแท้งนั้น จำเลยที่ 1 นั่งขวางประตูบ้านอยู่ด้วย พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 และที่ 2จึงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกก่อนหรือขณะกระทำความผิดในการที่ผู้อื่นทำแท้งผู้เสียหาย จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 302 วรรคแรก ประกอบมาตรา 86ซึ่งแม้โจทก์จะขอให้ลงโทษตามมาตรา 303 โดยมิได้ขอให้ลงโทษตามมาตรา 302ก็ตาม ศาลก็ย่อมลงโทษได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192วรรคท้าย เพราะการทำให้หญิงแท้งลูกไม่ว่าหญิงนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็เป็นความผิดทั้งนั้น หากแต่กำหนดโทษจะหนักเบาต่างกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6443/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานสนับสนุนการทำแท้งโดยผู้เสียหายยินยอม และการกระทำความผิดฐานทำแท้ง
จำเลยที่ 1 และที่ 2 พาผู้เสียหายขึ้นรถกระบะจากบ้านพักของผู้เสียหายไปให้หญิงไม่ทราบชื่อทำแท้งโดยผู้เสียหายยินยอม ในระหว่างนั้นจำเลยที่ 1 นั่งขวางประตูบ้านอยู่ด้วย เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกก่อนหรือขณะกระทำความผิดจำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 302 วรรคแรก ประกอบมาตรา 86 ซึ่งแม้โจทก์มิได้ขอให้ลงโทษตามมาตรานี้ศาลก็ลงโทษได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคท้ายเพราะการทำให้หญิงแท้งลูกไม่ว่าหญิงนั้นจะยินยอมหรือไม่ ประมวลกฎหมายอาญาบัญญัติเป็นความผิดทั้งนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6318/2541

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีทำแท้งที่ไม่เข้าข่ายความผิดต่อส่วนตัว และการรับฟังพยานหลักฐานยืนยันการกระทำความผิด
ข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 302มิใช่เป็นคดีความผิดต่อส่วนตัวพนักงานสอบสวนมีอำนาจทำการสอบสวนได้โดยไม่จำต้องมีการร้องทุกข์ตามระเบียบดังนั้น แม้นางน.มารดาของเด็กหญิงล.มิใช่ผู้ได้รับความเสียหายจะเป็นผู้ร้องทุกข์ก็ตาม เมื่อปรากฏว่าพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนแล้วพนักงานอัยการย่อมมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องคดีนี้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120 ระหว่างการทำแท้งซึ่งเป็นเวลากลางวัน เด็กหญิงล.มีโอกาสเห็นจำเลยในระยะใกล้ชิดเป็นเวลานานนับชั่วโมงเชื่อได้ว่าเด็กหญิงล. จดจำจำเลยได้แม่นยำไม่ผิดตัว เมื่อพยานโจทก์ทุกปากต่างเบิกความได้สอดคล้องเชื่อมโยงมีเหตุผลทั้งไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน จึงไม่มีข้อระแวงสงสัยว่าจำเลยจะถูกเบิกความปรักปรำใส่ร้าย แม้คำเบิกความของพยานโจทก์ บางปากจะขัดแย้งหรือแตกต่างกันไปบ้างก็เป็น เพียงรายละเอียดข้อปลีกย่อยไม่ทำให้คดีโจทก์ต้องเสียไป ข้อต่อสู้ของจำเลยนั้นเลื่อนลอยและขัดกับคำให้การชั้นสอบสวน จึงมีน้ำหนักไม่พอฟังหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ ฟังได้ว่าจำเลยทำให้เด็กหญิงล.แท้งลูกโดยเด็กหญิงล. ยินยอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 302 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 30/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทำให้แท้งบุตรโดยยินยอม ผู้ตายรกหลุดจากมดลูก ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
ทำให้หญิงมีครรภ์แท้งโดยหยิงยินยอม หญิงตายในเวลาใกล้ๆกัน เพราะรกหลุดจากผนังมดลูก โดยถูกของแข็งกดมดลูกเลือดออกภายในมดลูกมากทนเจ็บปวดไม่ได้แพทย์ผ่ามดลูกพบเด็กอาการ 32 ครบ อายุประมาณ 3 เดือน ตายแล้วเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 302

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 954/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีทำให้แท้งลูก: บิดาผู้เสียหายไม่มีสิทธิฟ้อง หากผู้ตายยินยอม
บิดาไม่มีอำนาจฟ้องผู้ที่ทำให้บุตรสาวของตนแท้งลูกถึงแก่ความตายด้วยความยินยอมของหญิง ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.302 เพราะหญิงมีส่วนร่วมในการกระทำผิดและมิใช่ผู้ได้รับความเสียหายตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 954/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีทำให้แท้งลูก: บิดาไม่มีสิทธิฟ้องหากผู้เสียหาย (มารดา) มีส่วนร่วมในการกระทำ
บิดาไม่มีอำนาจฟ้องผู้ที่ทำให้บุตรสาวของตนแท้งลูกถึงแก่ความตายด้วยความยินยอมของหญิง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 302 เพราะหญิงมีส่วนร่วมในการกระทำผิดและมิใช่ผู้ได้รับความเสียหายตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 566/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษทางอาญาสำหรับแพทย์ที่รีดลูกโดยเห็นแก่สินจ้างรางวัล: การใช้กฎหมายที่เปลี่ยนแปลง
จำเลยเป็นนายแพทย์ทำการรีดลูกโดยเห็นแก่สินจ้างรางวัลเหตุเกิดขณะใช้กฎหมายลักษณะอาญา แต่ขณะศาลพิพากษานั้นประมวลกฎหมายอาญาใช้แล้ว จำเลยจึงมีผิดเพียงตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 261 ส่วนที่โจทก์ขอให้ลงโทษทวีขึ้นอีก 1 ใน 3 ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 262 โดยจำเลยเป็นแพทย์และทำโดยเห็นแก่สินจ้างรางวัลนั้น กฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิดคือ ประมวลกฎหมายอาญา ไม่มีบัญญัติให้ลงโทษผู้กระทำผิดฐานรีดลูกซึ่งเป็นแพทย์หรือเป็นคนทำโดยเห็นแก่สินจ้างรางวัลทวีขึ้นดังที่บัญญัติในกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 262 จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยตามความใน มาตรา 3 แห่งประมวลกฎหมายอาญาไม่ลงโทษจำเลยทวีขึ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 566/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษฐานรีดลูกโดยแพทย์ที่เห็นแก่สินจ้าง: ใช้กฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลย
จำเลยเป็นนายแพทย์ทำการรีดลูกโดยเห็นแก่สินจ้างรางวัล เหตุเกิดขณะใช้กฎหมายลักษณะอาญา แต่ขณะศาลพิพากษานั้น มีประมวลกฎหมายอาญาใช้แล้ว จำเลยจึงมีผิดเพียงตามกฎหมายลักษณะอาญา ม.261 ส่วนที่โจทก์ขอให้ลงโทษทวีขึ้นอีก 1 ใน 3 ตามกฎหมายลักษณะอาญา ม.262 โดยจำเลยเป็นแพทย์และทำโดยเห็นแก่สินจ้างรางวัลนั้น กฎหมายที่ใช้ในการกระทำความผิดคือ ประมวลกฎหมายอาญา ไม่มีบัญญัติให้ลงโทษผู้กระทำผิดฐานรีดลูกซึ่งเป็นแพทย์หรือเป็นคนทำโดยเห็นแก่สินจ้างรางวัลทวีขึ้นดังที่บัญญัติในกฎหมายลักษณะอาญา ม.262 จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยตามความใน ม.3 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ไม่ลงโทษจำเลยทวีขึ้น