คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 127

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 177 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2120/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารมหาชนมีน้ำหนักเชื่อถือได้ ห้างหุ้นส่วนจำกัดต้องรับผิดในผลละเมิดของลูกจ้าง
ใบสำคัญการสมรสใบมรณบัตรสูติบัตรเป็นเอกสารมหาชนให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้องเป็นหน้าที่ของคู่ความฝ่ายที่ถูกอ้างเอกสารนั้นมายันต้องนำสืบความไม่บริสุทธิ์หรือความไม่ถูกต้องแห่งเอกสารตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา127. แม้ส.ซึ่งเป็นคนขับรถโดยสารคันเกิดเหตุของจำเลยที่3จะเป็นเพียงผู้รับจ้างขับรถเป็นรายเที่ยวก็ถือได้ว่าส.เป็นลูกจ้างและขับรถโดยสารคันเกิดเหตุในทางการที่จ้างของจำเลยที่3จำเลยที่3ต้องร่วมรับผิดกับส.ในผลแห่งละเมิดด้วย. หุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัดต้องร่วมรับผิดต่อบุคคลภายนอกโดยไม่จำกัดความรับผิดในผลแห่งละเมิดที่ห้างหุ้นส่วนฯก่อให้เกิดขึ้น.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1928-1931/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของนิติบุคคล, หนังสือมอบอำนาจ, การซื้อขายที่ดิน, และการตัดพยาน: หลักเกณฑ์ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
การเป็นนิติบุคคลประเภทหุ้นส่วนบริษัทและอำนาจของผู้แทนนิติบุคคลนั้น นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจะต้องแต่งย่อรายการซึ่งได้ลงทะเบียนส่งไปลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือราชกิจจานุเบกษาและถือว่าเป็นอันรู้แก่บุคคลทั้งปวงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1021 และ 1022 จำเลยให้การแต่เพียงว่าโจทก์จะเป็นนิติบุคคลหรือไม่และบ.จะเป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนตามฟ้องหรือไม่จำเลยไม่ทราบและไม่รับรองคำให้การของจำเลยเป็นการฝ่าฝืน ข้อสันนิษฐานเด็ดขาดตามกฎหมายจึงไม่เป็นประเด็นที่โจทก์ จะต้องนำสืบ
การมอบอำนาจให้ฟ้องคดีที่จำเลยให้การว่าจำเลยไม่ทราบไม่รับรองมิใช่เป็นการปฏิเสธความแท้จริงของใบมอบอำนาจการที่จำเลยไม่ทราบไม่ใช่เหตุที่จะทำให้หนังสือมอบอำนาจของโจทก์เสียไป และที่จำเลยไม่รับรองก็ไม่ปรากฏเหตุผลจึงไม่เป็นประเด็นที่จะต้องวินิจฉัย
หนังสือมอบอำนาจของโจทก์ระบุว่าโจทก์มอบอำนาจให้ ศ. มีอำนาจบอกกล่าวฟ้องขับไล่เรียกค่าเสียหาย ผู้เช่าที่ดินผู้เช่าอาคารและผู้อยู่อาศัยในที่ดินโฉนดเลขที่ 3997 เลขที่ดิน 72 เมื่อจำเลยเป็นผู้เช่าตึกแถวที่พิพาทซึ่ง ตั้งอยู่ในที่ดินแปลงดังกล่าวศ.ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยแทน โจทก์โดยโจทก์หาจำต้องระบุชื่อผู้ที่จะถูกฟ้องในหนังสือมอบอำนาจด้วยไม่
เอกสารการจดทะเบียนซื้อขายที่ดินและตึกแถวเป็นเอกสารมหาชนซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 127 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้องเป็นหน้าที่ของจำเลย ที่ถูกอ้างเอกสารนั้นมายันจะต้องนำสืบความไม่บริสุทธิ์หรือความไม่ถูกต้องแห่งเอกสารจำเลยไม่มีพยานหลักฐานอย่างใดดังนั้นเมื่อโจทก์นำสืบผู้รับมอบอำนาจให้ดำเนินคดีแทนประกอบ เอกสารการจดทะเบียนซื้อขายก็เป็นการเพียงพอแล้วไม่จำต้องนำสืบกรรมการของโจทก์หรือผู้ขาย หรือเจ้าพนักงานผู้จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 104 ศาลมีอำนาจเต็มที่ในอันที่จะวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานที่คู่ความนำมาสืบนั้นจะเกี่ยวกับประเด็นและเป็นอันเพียงพอให้เชื่อฟังเป็นยุติได้หรือไม่ แล้วพิพากษาคดีไปตามนั้นเมื่อศาลสืบพยานจำเลยในเรื่องค่าเสียหายไปบ้างแล้วจึงสั่งตัดพยาน จำเลยดังนี้ เป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1928-1931/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของนิติบุคคล, หนังสือมอบอำนาจ, การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์, และการตัดพยาน: หลักเกณฑ์ตามกฎหมาย
การเป็นนิติบุคคลประเภทหุ้นส่วนบริษัทและอำนาจของผู้แทนนิติบุคคลนั้น นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจะต้องแต่งย่อรายการซึ่งได้ลงทะเบียนส่งไปลงพิมพ์โฆษณาในหนังสือราชกิจจานุเบกษาและถือว่าเป็นอันรู้แก่บุคคลทั้งปวงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1021 และ 1022จำเลยให้การแต่เพียงว่าโจทก์จะเป็นนิติบุคคลหรือไม่และบ.จะเป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนตามฟ้องหรือไม่จำเลยไม่ทราบและไม่รับรองคำให้การของจำเลยเป็นการฝ่าฝืน ข้อสันนิษฐานเด็ดขาดตามกฎหมายจึงไม่เป็นประเด็นที่โจทก์ จะต้องนำสืบ การมอบอำนาจให้ฟ้องคดีที่จำเลยให้การว่าจำเลยไม่ทราบไม่รับรองมิใช่เป็นการปฏิเสธความแท้จริงของใบมอบอำนาจ การที่จำเลยไม่ทราบไม่ใช่เหตุที่จะทำให้หนังสือมอบอำนาจของโจทก์เสียไป และที่จำเลยไม่รับรองก็ไม่ปรากฏเหตุผลจึงไม่เป็นประเด็นที่จะต้องวินิจฉัย หนังสือมอบอำนาจของโจทก์ระบุว่าโจทก์มอบอำนาจให้ ศ.มีอำนาจบอกกล่าวฟ้องขับไล่เรียกค่าเสียหาย ผู้เช่าที่ดินผู้เช่าอาคารและผู้อยู่อาศัยในที่ดินโฉนดเลขที่ 3997เลขที่ดิน 72 เมื่อจำเลยเป็นผู้เช่าตึกแถวที่พิพาทซึ่ง ตั้งอยู่ในที่ดินแปลงดังกล่าวศ.ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยแทน โจทก์โดยโจทก์หาจำต้องระบุชื่อผู้ที่จะถูกฟ้องในหนังสือมอบอำนาจด้วยไม่ เอกสารการจดทะเบียนซื้อขายที่ดินและตึกแถวเป็นเอกสารมหาชนซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 127 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้องเป็นหน้าที่ของจำเลย ที่ถูกอ้างเอกสารนั้นมายันจะต้องนำสืบความไม่บริสุทธิ์หรือความไม่ถูกต้องแห่งเอกสารจำเลยไม่มีพยานหลักฐานอย่างใดดังนั้นเมื่อโจทก์นำสืบผู้รับมอบอำนาจให้ดำเนินคดีแทนประกอบ เอกสารการจดทะเบียนซื้อขายก็เป็นการเพียงพอแล้วไม่จำต้องนำสืบกรรมการของโจทก์หรือผู้ขาย หรือเจ้าพนักงานผู้จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 104 ศาลมีอำนาจเต็มที่ในอันที่จะวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานที่คู่ความนำมาสืบนั้นจะเกี่ยวกับประเด็นและเป็นอันเพียงพอให้เชื่อฟังเป็นยุติได้หรือไม่ แล้วพิพากษาคดีไปตามนั้นเมื่อศาลสืบพยานจำเลยในเรื่องค่าเสียหายไปบ้างแล้วจึงสั่งตัดพยาน จำเลยดังนี้ เป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2456/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานบอกเล่าและเอกสารราชการในคดีแพ่ง ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจพิจารณาได้หากมีเหตุผลประกอบ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 95 มิได้บัญญัติห้ามโดยเด็ดขาดมิให้รับฟังพยานบอกเล่าเสียเลยทีเดียว เมื่อพยานบอกเล่านั้นกล่าวถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างมีเหตุผล ศาลย่อมใช้ดุลพินิจรับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นได้
เอกสารที่พนักงานสอบสวนทำขึ้นตามหน้าที่ที่ปฏิบัติราชการเป็นเอกสารราชการ เมื่อฝ่ายจำเลยมิได้โต้แย้งในวันสืบพยานโจทก์ถึงความมีอยู่และแท้จริงแห่งเอกสารเหล่านั้นเป็นอย่างอื่นแล้ว ศาลย่อมมีอำนาจหยิบยกข้อเท็จจริงในเนื้อหาของเอกสารนั้นขึ้นและใช้ดุลพินิจรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2456/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานบอกเล่าและเอกสารราชการในคดีแพ่ง ศาลมีดุลพินิจได้เมื่อมีเหตุผลและไม่มีการโต้แย้ง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 95 มิได้บัญญัติห้ามโดยเด็ดขาดมิให้รับฟังพยานบอกเล่าเสียเลยทีเดียว เมื่อพยานบอกเล่านั้นกล่าวถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างมีเหตุผล ศาลย่อมใช้ดุลพินิจรับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นได้
เอกสารที่พนักงานสอบสวนทำขึ้นตามหน้าที่ที่ปฏิบัติราชการ เป็นเอกสารราชการ เมื่อฝ่ายจำเลยมิได้โต้แย้งในวันสืบพยานโจทก์ถึงความมีอยู่และแท้จริงแห่งเอกสารเหล่านั้นเป็นอย่างอื่นแล้ว ศาลย่อมมีอำนาจหยิบยกข้อเท็จจริงในเนื้อหาของเอกสารนั้นขึ้นและใช้ดุลพินิจรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3847/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารมหาชนมีผลสันนิษฐานความถูกต้อง คู่ความต้องนำสืบหักล้างหากมีข้อสงสัย
หนังสือรับรองว่าโจทก์จดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดของสำนักงานทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครเป็นเอกสารมหาชนซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำขึ้นหรือรับรองประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 127 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้องเป็นหน้าที่ของคู่ความฝ่ายที่ถูกอ้างเอกสารนั้นมายันต้องนำสืบความไม่บริสุทธิ์หรือความไม่ถูกต้องแห่งเอกสารนั้นหุ้นส่วนผู้จัดการโจทก์จึงไม่จำต้องมาเบิกความรับรองเอกสารดังกล่าวแต่อย่างใดเมื่อจำเลยไม่นำสืบหักล้าง ก็ต้องถือว่าเป็นหนังสือรับรองที่แท้จริงและถูกต้องแล้วฟังได้ว่าโจทก์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลโดยชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 799/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องชอบด้วยกฎหมาย และความรับผิดในสัญญาจัดหาวัสดุ
โจทก์นำสำเนาหนังสือรับรองของนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครซึ่งออกให้จำเลยมาติดไว้ท้ายคำฟ้อง หนังสือดังกล่าวนั้นรับรองว่า ป. และ อ. มีอำนาจลงชื่อแทนบริษัทโจทก์ได้ ดังนี้ การที่ ป. และ อ. ลงชื่อแต่งทนายความให้ฟ้องคดีแทนบริษัทโจทก์ จึงเป็นการแต่งทนายความโดยชอบ ทนายความที่ได้รับแต่งตั้งลงชื่อเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยได้ ส่วนโจทก์จะมีสิทธินำสำเนาหนังสือของจำเลยไปใช้ได้หรือไม่ เป็นอีกปัญหาหนึ่งไม่เป็นเหตุให้อำนาจฟ้องของโจทก์เสียไป
จำเลยจ้างโจทก์ขึงสายไฟฟ้า โดยจำเลยเป็นผู้จัดหาวัสดุดึงสายไฟฟ้าให้เป็นม้วน ๆ พันอยู่ที่ล้อไม้ ฉะนั้น เมื่อจำเลยต้องจัดหาสายไฟฟ้าซึ่งพันอยู่กับล้อไม้เป็นม้วน ๆ ให้โจทก์ล้อไม้จึงไม่ใช่เครื่องมือที่โจทก์มีหน้าที่ต้องจัดหาตามสัญญา ดังที่จำเลยให้การต่อสู้ เมื่อล้อไม้ขาดไป และโจทก์ได้ซื้อล้อไม้สำหรับพันสายไฟฟ้าแทนจำเลย จำเลยต้องรับผิดชำระเงินค่าล้อไม้ให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมาย แม้จำเลยอ้างว่าไม่ได้อยู่ภูมิลำเนาตามที่ระบุ
จำเลยทั้งสองรับแล้วว่าในระหว่างที่จำเลยทั้งสองทำสัญญากับโจทก์ จำเลยทั้งสองมีภูมิลำเนาและอาศัยปฏิบัติงานในภูมิลำเนาตามที่โจทก์ฟ้องจริง ดังนั้นการที่โจทก์ระบุภูมิลำเนาของจำเลยทั้งสอง ณ ภูมิลำเนาดังกล่าว และขอให้ส่งสำเนาคำฟ้องตลอดจนหมายนัดแจ้งกำหนดวันสืบพยานโจทก์ให้จำเลยทั้งสองทราบ ณ ภูมิลำเนาดังกล่าว จึงเป็นการชอบ
สำเนาทะเบียนบ้านเป็นเอกสารมหาชน ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำขึ้นและรับรองว่าถูกต้อง จึงต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1202/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่นำสืบในคดีครอบครองปรปักษ์: โจทก์ผู้กล่าวอ้างกรรมสิทธิ์ต้องนำสืบก่อน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาทอ้างว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามโฉนดจำเลยบุกรุกเข้าแย่งการครอบครอง จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นที่ดินในสิทธิครอบครองของจำเลย ปรากฏตามฟ้องว่าโฉนดของโจทก์ทับที่ของจำเลยอยู่เป็นเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ โฉนดดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะมิได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนแห่งระเบียบและกฎหมายโดยจำเลยไม่เคยทราบเรื่องเลย เป็นการต่อสู้ในเรื่องสิทธิในที่พิพาท และโต้เถียงว่าโฉนดที่โจทก์อ้างไม่ชอบด้วยกฎหมาย. ไม่มีผลให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินจำเลย จากฟ้องและคำให้การดังกล่าวข้อเท็จจริงฟังได้ว่าขณะพิพาทที่พิพาทอยู่ในความครอบครองของจำเลยปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีว่า โฉนดตามฟ้องถูกต้องตามกฎหมาย ที่ดินตามโฉนดเป็นของโจทก์มิใช่ของจำเลย การออกโฉนดได้กระทำถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายหรือไม่ ซึ่งโจทก์เป็นผู้กล่าวอ้างจะต้องนำสืบให้เห็นว่าความจริงเป็นดังที่อ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 939/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารมหาชน (น.ส.3ก.) มีผลผูกพันตามข้อสันนิษฐานตามกฎหมาย โจทก์ต้องพิสูจน์ความไม่ถูกต้อง
แบบบันทึกการสอบสวนสิทธิและพิสูจน์การทำประโยชน์ และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) ที่พิพาท เป็นเอกสารที่พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายได้ทำขึ้นจึงเป็นเอกสารมหาชนซึ่งต้องด้วยข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 127 ว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้องเป็นหน้าที่โจทก์จะต้องนำสืบความไม่บริสุทธิ์หรือความไม่ถูกต้องแห่งเอกสารนั้น
of 18