พบผลลัพธ์ทั้งหมด 24 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 800/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการลงโทษจำคุกสถานเดียวในคดีการพนัน แม้กฎหมายกำหนดทั้งจำและปรับ
พระราชบัญญัติการพะนันไม่มีบทมาตราใดที่บัญญัติ ไม่ให้ศาลใช้ดุลยพินิจที่จะวางโทษจำคุกสถานเดียว ศาลก็ย่อมอาศัยกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 23 ประกอบด้วยมาตรา 11 ใช้ในการดุลยพินิจลงโทษจำคุกจำเลยแต่สถานเดียวได้.
(อ้างฎีกา 931/2497)
(อ้างฎีกา 931/2497)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 571/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับเนื่องจากพิพากษาปรับและฎีกาในข้อเท็จจริง
โจทก์ฎีกาขอให้ริบของกลาง อ้างเหตุว่า เพราะเป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับเล่นการพนัน ดังนี้ เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาปรับจำเลยคนละ 50 บาท โจทก์จะฎีกาต่อไปไม่ได้ เพราะต้องด้วยข้อห้ามตามมาตรา 220 แห่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
(อ้างฎีกาที่ 824/2490)
(อ้างฎีกาที่ 824/2490)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 537/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการสั่งเนรเทศตาม พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร ไม่ใช่การพิพากษา
การเนรเทศบุคคลไปนอกพระราชอาณาจักรไทยตาม พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ.2490 มาตรา 31 นั้น ไม่ใช่กรณีที่ให้ศาลพิพากษา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 537/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการเนรเทศตาม พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร ไม่ใช่การพิพากษา
การเนรเทศบุคคลไปนอกพระราชอาณาจักรไทยตาม พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควา พ.ศ. 2490 มาตรา 31 นัน ไม่ใช่กรณีที่ให้ศาลพิพากษา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 824/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาในประเด็นริบของกลาง: ข้อจำกัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
เมื่อศาลชั้นต้นปรับจำเลย 100 บาทกับให้ริบของกลางด้วยจำเลยอุทธรณ์ขออย่าริบของกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะให้คืนทรัพย์ของกลางดังนี้โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงในเรื่องริบของกลางไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 734/2489 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าทดแทนจากภรรยาและชู้ ความแตกต่างระหว่างอาญาสินไหมและคดีแพ่ง
กฎหมายลักษณะผัวเมียบทที่ 10 ซึ่งให้ริบทรัพย์ในกรณีที่ภรรยามีชู้นั้น เป็นอาญาสินไหม แต่ประมวลแพ่ง ฯ ไม่มีบทให้ริบทรัพย์ จึงถือว่าถูกยกเลิกโดยประมวลแพ่ง ฯ
หญิงมีชู้ สามีฟ้องเรียกค่าทดแทนจากภรรยาและชู้ได้
หมายเหตุ ภรรยาได้ฟ้องหย่าและขอแบ่งทรัพย์ไว้ก่อนแล้วและได้ทำยอมต่อศาลยอมหย่าและแบ่งทรัพย์กัน เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2487โจทก์ยื่น้ฟองคดีนี้เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2487
หญิงมีชู้ สามีฟ้องเรียกค่าทดแทนจากภรรยาและชู้ได้
หมายเหตุ ภรรยาได้ฟ้องหย่าและขอแบ่งทรัพย์ไว้ก่อนแล้วและได้ทำยอมต่อศาลยอมหย่าและแบ่งทรัพย์กัน เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2487โจทก์ยื่น้ฟองคดีนี้เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2487
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 734/2489
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าทดแทนจากภรรยาและชายชู้ กรณีภรรยามีชู้ โดยไม่มีสิทธิริบทรัพย์
กฎหมายลักษณะผัวเมียบทที่ 10 ซึ่งให้ริบทรัพย์ในกรณีที่ภรรยามีชู้นั้นเป็นอาญาสินไหม แต่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่มีบทให้ริบทรัพย์จึงถือว่าถูกยกเลิกโดยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
หญิงมีชู้สามีฟ้องเรียกค่าทดแทนจากภรรยาและชู้ได้
หมายเหตุ ภรรยาได้ฟ้องหย่าและขอแบ่งทรัพย์ไว้ก่อนแล้วและได้ทำยอมต่อศาลยอมหย่าและแบ่งทรัพย์กัน เมื่อวันที่12 มิถุนายน 2487 โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2487
หญิงมีชู้สามีฟ้องเรียกค่าทดแทนจากภรรยาและชู้ได้
หมายเหตุ ภรรยาได้ฟ้องหย่าและขอแบ่งทรัพย์ไว้ก่อนแล้วและได้ทำยอมต่อศาลยอมหย่าและแบ่งทรัพย์กัน เมื่อวันที่12 มิถุนายน 2487 โจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2487
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 493/2489 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลางเกินคำขอ และอำนาจศาลฎีกาในการวินิจฉัยโทษทางอาญาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
ฟ้องโจทก์ว่า จำเลยใช้เครื่องมือผิดกฎหมายกระทำผิดมิได้ระบุเจาะจงไปเป็นสิ่วของกลางในคดีและไม่มีคำขอให้ริบทรัพย์ดังนี้ศาลสั่งริบสิ่วนั้นไม่ได้ เกินคำขอ
ริบของกลางเป็นโทษทางอาญาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีฝ่ายใดคัดค้าน ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
ริบของกลางเป็นโทษทางอาญาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีฝ่ายใดคัดค้าน ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 493/2489
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบของกลางเกินคำขอ การวินิจฉัยอำนาจศาลฎีกาในคดีอาญา
ฟ้องโจทก์ว่า จำเลยใช้เครื่องมือผิดกฎหมายกระทำผิด มิได้ระบุเจาะจงไปว่า เป็นสิ่วของกลางในคดีและไม่มีคำขอให้ริบทรัพย์ดังนี้ศาลสั่งริบสิ่วนั้นไม่ได้ เกินคำขอ
การริบของกลางเป็นโทษทางอาญาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีฝ่ายใดคัดค้าน ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
การริบของกลางเป็นโทษทางอาญาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีฝ่ายใดคัดค้าน ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยเองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 764/2486
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความหนักเบาของโทษทางกฎหมาย: เปรียบเทียบโทษปรับกับโทษจำคุกในกฎหมายน้ำมันเชื้อเพลิง
กำหนดโทษที่อาจมีถึงจำคุก ย่อมหนักกว่ากำหนดโทษที่มีแต่ปรับสถานเดียว อัตราโทษตาม มาตรา 48 พ.ร.บ.การเก็บรักษาน้ำมันเชื้อเพลิง 2474 คือปรับตั้งแต่ 200 บาทถึง 1,000 บาท ส่วนอัตราโทษตาม มาตรา 22 พ.ร.บ.การปันส่วนน้ำมันเชื้อเพลิงบัญญัติโทษไว้สามสถานถึงจำคุก กำหนดโทษตามกฎหมายอันหลังย่อมหนักกว่าอันแรก