พบผลลัพธ์ทั้งหมด 899 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 804/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินของผู้ซื้อโดยสุจริตย่อมมีลำดับก่อนเจ้าหนี้จำนองเดิม แม้สิทธิเจ้าของเดิมยังมิได้จดทะเบียน
ทนายความชั้นสองย่อมมีสิทธิเรียงคำฟ้องฎีกาให้คู่ความได้. ไม่จำต้องได้รับอนุญาตจากศาลหรือได้รับการแต่งตั้งมาจากศาลชั้นต้น มิต้องห้ามตามพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2508มาตรา 36.
เดิมนาพิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า เมื่อจำเลยจำนอง. โจทก์ยังไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่. สิทธิในนาพิพาทของจำเลยจึงเป็นสิทธิที่ยังมิได้จดทะเบียน. เมื่อมีการแจ้งการครอบครองตามกฎหมาย จำเลยก็.ไม่แจ้ง. แต่ ย.ซึ่งดูแลแทนจำเลยกลับแจ้งเป็นของตน แล้วออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์และจำนองม.. ต่อมาได้ไถ่ถอนจำนองและขายม.. ม.ขายให้ผู้ร้องโดยมีรายการจดทะเบียนไว้ในหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3) เป็นลำดับ. สิทธิในนาพิพาทของผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้ได้มาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว. จึงมีสิทธิดีกว่าจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของเดิม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299วรรคท้าย. เมื่อจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของเดิมไม่อาจอ้างสิทธิในการเป็นเจ้าของในนาพิพาทเพื่อใช้ยันผู้ร้องได้แล้ว.สิทธิจำนองของโจทก์ในการที่จะบังคับเอาแก่นาพิพาทก็ย่อมเป็นอันหมดสิ้นไปในตัว. โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะบังคับเอาแก่นาพิพาทซึ่งเป็นของผู้ร้องได้ต่อไป. เพราะผู้ร้องได้สิทธิในนาพิพาททางทะเบียนตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ซึ่งเป็นหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินที่มีขึ้นใหม่ภายหลัง. โดยไม่ใช่เป็นการรับโอนจากจำเลย. กรณีจึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 702 วรรคท้าย. เมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิที่จะบังคับจำนองนาพิพาทแล้ว. โจทก์ก็ไม่มีสิทธิยึดนาพิพาท.
เดิมนาพิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า เมื่อจำเลยจำนอง. โจทก์ยังไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่. สิทธิในนาพิพาทของจำเลยจึงเป็นสิทธิที่ยังมิได้จดทะเบียน. เมื่อมีการแจ้งการครอบครองตามกฎหมาย จำเลยก็.ไม่แจ้ง. แต่ ย.ซึ่งดูแลแทนจำเลยกลับแจ้งเป็นของตน แล้วออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์และจำนองม.. ต่อมาได้ไถ่ถอนจำนองและขายม.. ม.ขายให้ผู้ร้องโดยมีรายการจดทะเบียนไว้ในหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3) เป็นลำดับ. สิทธิในนาพิพาทของผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้ได้มาโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว. จึงมีสิทธิดีกว่าจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของเดิม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299วรรคท้าย. เมื่อจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของเดิมไม่อาจอ้างสิทธิในการเป็นเจ้าของในนาพิพาทเพื่อใช้ยันผู้ร้องได้แล้ว.สิทธิจำนองของโจทก์ในการที่จะบังคับเอาแก่นาพิพาทก็ย่อมเป็นอันหมดสิ้นไปในตัว. โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะบังคับเอาแก่นาพิพาทซึ่งเป็นของผู้ร้องได้ต่อไป. เพราะผู้ร้องได้สิทธิในนาพิพาททางทะเบียนตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ซึ่งเป็นหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินที่มีขึ้นใหม่ภายหลัง. โดยไม่ใช่เป็นการรับโอนจากจำเลย. กรณีจึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 702 วรรคท้าย. เมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิที่จะบังคับจำนองนาพิพาทแล้ว. โจทก์ก็ไม่มีสิทธิยึดนาพิพาท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 745/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินผิดพลาด & ครอบครองปรปักษ์: สิทธิของเจ้าของเดิมยังคงมีผล แม้ชื่อในโฉนดผิดพลาด
โจทก์และจำเลยต่างเป็นเจ้าของที่ดินคนละแปลง ซึ่งเดิมเป็นของเจ้าของคนเดียวกัน ได้มีการโอนกรรมสิทธิ์กันมาหลายทอด โดยโอนโฉนดไขว้สับกันด้วยความเข้าใจผิด.แต่โจทก์ได้ครอบครองเป็นเจ้าของที่ดินถูกต้องตลอดมา ดังนี้ แม้จำเลยจะมีชื่อในโฉนด ก็จะอ้างเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินซึ่งจำเลยมิได้มีเจตนารับโอนหาได้ไม่ โจทก์ย่อมขอให้บังคับจำเลยส่งมอบโฉนดแลกเปลี่ยนกันและจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินทั้งสองแปลงให้ถูกต้องตรงตามความจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 688/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในเรือนพิพาทเมื่อที่ดินถูกซื้อขาย: สิทธิเหนือพื้นดินสำคัญกว่าการจดทะเบียนซื้อขายเรือนก่อน
โจทก์ซื้อเรือนพิพาทก่อนจำเลย โดยโจทก์จดทะเบียนการซื้อขายฝากต่อกรมการอำเภอ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 และประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 71(2) ส่วนจำเลยจดทะเบียนการซื้อขายที่ดินและเรือนพิพาทต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานที่ดินดังนี้ตราบใดที่เรือนพิพาทยังปลูกอยู่บนที่ดินที่จำเลยซื้อมา เรือนย่อมเป็นส่วนควบกับที่ดินการที่จะก่อตั้งกรรมสิทธิ์ในเรือนแยกออกต่างหากจากที่ดินจะทำได้ก็โดยการก่อตั้งสิทธิเหนือพื้นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1410 โจทก์เพียงแต่จดทะเบียนนิติกรรมซื้อขายเรือน หาได้จดทะเบียนก่อตั้งสิทธิเหนือพื้นดินโดยให้โจทก์เป็นเจ้าของเรือนพิพาทอันเป็นสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินไม่จำเลยซื้อที่ดินพร้อมด้วยโรงเรือนซึ่งเป็นส่วนควบกับที่ดินและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้วสิทธิของจำเลยในเรือนพิพาทจึงดีกว่าของโจทก์
เมื่อจำเลยยกประเด็นเรื่องทรัพยสิทธิ คือ สิทธิเหนือพื้นดินขึ้นสู้ในคำให้การแล้วคดีจึงมีประเด็นในเรื่องนี้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2511)
เมื่อจำเลยยกประเด็นเรื่องทรัพยสิทธิ คือ สิทธิเหนือพื้นดินขึ้นสู้ในคำให้การแล้วคดีจึงมีประเด็นในเรื่องนี้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2511)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 688/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในเรือนบนที่ดิน: สิทธิเหนือพื้นดินสำคัญกว่าการจดทะเบียนซื้อขายฝาก
โจทก์ซื้อเรือนพิพาทก่อนจำเลย โดยโจทก์จดทะเบียนการซื้อขายฝากต่อกรมการอำเภอ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 และประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 71 (2) ส่วนจำเลยจดทะเบียนการซื้อขายที่ดินและเรือนพิพาทต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานที่ดิน ดังนี้ ตราบใดที่เรือนพิพาทยังปลูกอยู่บนที่ดินจำเลยซื้อมา เรือนย่อมเป็นส่วนควบกับที่ดิน การที่จะก่อตั้งกรรมสิทธิ์ในเรือนแยกออกต่างหากจากที่ดิน จะทำได้ก็โดยการก่อตั้งสิทธิเหนือพื้นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1410 โจทก์เพียงแต่จดทะเบียนนิติกรรมซื้อขายเรือน หาได้จดทะเบียนก่อตั้งสิทธิเหนือพื้นดินโดยให้โจทก์เป็นเจ้าของเรือนพิพาทอันเป็นสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินไม่ จำเลยซื้อที่ดินพร้อมด้วยโรงเรือนซึ่งเป็นส่วนควบกับที่ดิน และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว สิทธิของจำเลยในเรือนพิพาทจึงดีกว่าของโจทก์
เมื่อจำเลยยกประเด็นเรื่องทรัพยสิทธิ คือ สิทธิเหนือพื้นดินขึ้นสู้ในคำให้การแล้วคดีจึงมีประเด็นในเรื่องนี้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2511)
เมื่อจำเลยยกประเด็นเรื่องทรัพยสิทธิ คือ สิทธิเหนือพื้นดินขึ้นสู้ในคำให้การแล้วคดีจึงมีประเด็นในเรื่องนี้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2511)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 688/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในเรือนเมื่อที่ดินเปลี่ยนมือ: สิทธิเหนือพื้นดินสำคัญกว่าการจดทะเบียนซื้อขายเรือนก่อน
โจทก์ซื้อเรือนพิพาทก่อนจำเลย โดยโจทก์จดทะเบียนการซื้อขายฝากต่อกรมการอำเภอ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 และประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 71(2). ส่วนจำเลยจดทะเบียนการซื้อขายที่ดินและเรือนพิพาทต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานที่ดิน. ดังนี้ตราบใดที่เรือนพิพาทยังปลูกอยู่บนที่ดินที่จำเลยซื้อมา เรือนย่อมเป็นส่วนควบกับที่ดิน. การที่จะก่อตั้งกรรมสิทธิ์ในเรือนแยกออกต่างหากจากที่ดิน จะทำได้ก็โดยการก่อตั้งสิทธิเหนือพื้นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1410. โจทก์เพียงแต่จดทะเบียนนิติกรรมซื้อขายเรือน หาได้จดทะเบียนก่อตั้งสิทธิเหนือพื้นดินโดยให้โจทก์เป็นเจ้าของเรือนพิพาทอันเป็นสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินไม่. จำเลยซื้อที่ดินพร้อมด้วยโรงเรือนซึ่งเป็นส่วนควบกับที่ดิน และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว. สิทธิของจำเลยในเรือนพิพาทจึงดีกว่าของโจทก์.
เมื่อจำเลยยกประเด็นเรื่องทรัพยสิทธิ คือ สิทธิเหนือพื้นดินขึ้นสู้ในคำให้การแล้วคดีจึงมีประเด็นในเรื่องนี้. (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2511).
เมื่อจำเลยยกประเด็นเรื่องทรัพยสิทธิ คือ สิทธิเหนือพื้นดินขึ้นสู้ในคำให้การแล้วคดีจึงมีประเด็นในเรื่องนี้. (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2511).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 56-58/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดิน: การซื้อโดยสุจริตและจดทะเบียน vs. ครอบครองปรปักษ์ที่ไม่จดทะเบียน
ที่พิพาทเป็นที่ดินมีโฉนด โจทก์ซื้อโดยสุจริตเสียค่าตอบแทน และได้จดทะเบียนสิทธิแล้ว. แม้จำเลยจะได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยครอบครองปรปักษ์. แต่ไม่ได้จดทะเบียนสิทธิโดยชอบ. จะนำมาใช้ยันโจทก์ไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง.
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเข้าทำนาของโจทก์โดยละเมิด. โจทก์ได้รับความเสียหาย. แต่คำขอท้ายฟ้องใช้ว่า ขอให้จำเลยชำระค่าเช่า. ดังนี้ ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายได้.
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเข้าทำนาของโจทก์โดยละเมิด. โจทก์ได้รับความเสียหาย. แต่คำขอท้ายฟ้องใช้ว่า ขอให้จำเลยชำระค่าเช่า. ดังนี้ ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 56-58/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดิน: ผู้ซื้อโดยสุจริตย่อมได้สิทธิ แม้จำเลยได้มาโดยครอบครองปรปักษ์แต่ไม่ได้จดทะเบียน
ที่พิพาทเป็นที่ดินมีโฉนด โจทก์ซื้อโดยสุจริตเสียค่าตอบแทนและได้จดทะเบียนสิทธิแล้วแม้จำเลยจะได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยครอบครองปรปักษ์ แต่ไม่ได้จดทะเบียนสิทธิโดยชอบจะนำมาใช้ยันโจทก์ไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเข้าทำนาของโจทก์โดยละเมิด โจทก์ได้รับความเสียหาย แต่คำขอท้ายฟ้องใช้ว่า ขอให้จำเลยชำระค่าเช่าดังนี้ ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเข้าทำนาของโจทก์โดยละเมิด โจทก์ได้รับความเสียหาย แต่คำขอท้ายฟ้องใช้ว่า ขอให้จำเลยชำระค่าเช่าดังนี้ ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 56-58/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในที่ดิน: การซื้อโดยสุจริตและจดทะเบียน vs. ครอบครองปรปักษ์ที่ไม่จดทะเบียน
ที่พิพาทเป็นที่ดินมีโฉนด โจทก์ซื้อโดยสุจริต เสียค่าตอบแทนและได้จดทะเบียนสิทธิแล้ว แม้จำเลยจะได้กรรมสิทธิ์ในที่พิพาทโดยครอบครองปรปักษ์ แต่ไม่ได้จดทะเบียนสิทธิโดยชอบ จะนำมาใช้ยันโจทก์ไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรค 2
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเข้าทำนาของโจทก์โดยละเมิด โจทก์ได้รับความเสียหายแต่คำขอท้ายฟ้องใช้ว่า ขอให้จำเลยชำระค่าเช่า ดังนี้ ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายได้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเข้าทำนาของโจทก์โดยละเมิด โจทก์ได้รับความเสียหายแต่คำขอท้ายฟ้องใช้ว่า ขอให้จำเลยชำระค่าเช่า ดังนี้ ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1295/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต่อเนื่องและการโอนสิทธิโดยมิได้มีการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ สิทธิครอบครองยังคงต่อเนื่อง
บุตรรับโอนที่ดินนาจากบิดามารดา ในระหว่างที่บิดามารดาครอบครองได้แลกทำนาที่นาที่โอนนั้นกับที่นาของบุคคลภายนอก โดยไม่ใช่เป็น การแลกเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ ดังนี้ถือว่าบุคคลภายนอกทำนาที่นาที่โอนนั้นโดยอาศัยสิทธิของบิดามารดา เท่ากับบิดามารดาเป็นผู้ครอบครอง ย่อมนับเวลา นั้นเข้ากับเวลาครอบครองของบุตรผู้รับโอนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1385
แม้จะไม่ได้แจ้งการครอบครองหรือเสียภาษีบำรุงท้องที่ที่ดิน ที่ครอบครองปรปักษ์ ก็ไม่ทำให้สิทธิครอบครองของผู้ครอบครองปรปักษ์เสียไป
ผู้ซื้อที่ดินโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตถูกแย่งการครอบครองเกินกว่า 10 ปี จะยกเหตุที่ผู้ครอบครองปรปักษ์ไม่ได้จดทะเบียนสิทธิขึ้นกล่าวอ้างหาได้ไม่
แม้จะไม่ได้แจ้งการครอบครองหรือเสียภาษีบำรุงท้องที่ที่ดิน ที่ครอบครองปรปักษ์ ก็ไม่ทำให้สิทธิครอบครองของผู้ครอบครองปรปักษ์เสียไป
ผู้ซื้อที่ดินโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตถูกแย่งการครอบครองเกินกว่า 10 ปี จะยกเหตุที่ผู้ครอบครองปรปักษ์ไม่ได้จดทะเบียนสิทธิขึ้นกล่าวอ้างหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1295/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์ต่อเนื่องจากผู้ครอบครองเดิม สิทธิครอบครองไม่ขาดอายุ แม้ไม่ได้จดทะเบียน
บุตรรับโอนที่ดินมาจากบิดามารดา ในระหว่างที่บิดามารดาครอบครอง ได้แลกทำนาที่นาโอนนั้นกับที่นาของบุคคลภายนอก โดยไม่ใช่เป็นการแลกเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ ดังนี้ ถือว่าบุคคลภายนอกทำนาที่นาที่โอนนั้นโดยอาศัยสิทธิของบิดามารดา เท่ากับบิดามารดาเป็นผู้ครอบครอง ย่อมนับเวลานั้นเข้ากับเวลาครอบครองของบุตรผู้รับโอนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1385
แม้จะไม่ได้แจ้งการครอบครองหรือเสียภาษีบำรุงท้องที่ที่ดินที่ครอบครองปรปักษ์ก็ไม่ทำให้สิทธิครอบครองของผู้ครอบครองปรปักษ์เสียไป
ผู้ซื้อที่ดินโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริต ถูกแย่งการครอบครองเกินกว่า 10 ปี จะยกเหตุที่ผู้ครอบครองปกปักษ์ไม่ได้จดทะเบียนสิทธิขึ้นกล่าวอ้างหาได้ไม่
แม้จะไม่ได้แจ้งการครอบครองหรือเสียภาษีบำรุงท้องที่ที่ดินที่ครอบครองปรปักษ์ก็ไม่ทำให้สิทธิครอบครองของผู้ครอบครองปรปักษ์เสียไป
ผู้ซื้อที่ดินโดยสุจริตและได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริต ถูกแย่งการครอบครองเกินกว่า 10 ปี จะยกเหตุที่ผู้ครอบครองปกปักษ์ไม่ได้จดทะเบียนสิทธิขึ้นกล่าวอ้างหาได้ไม่