พบผลลัพธ์ทั้งหมด 899 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 519/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ด้วยทรัพย์สิน: ยกทรัพย์สินให้แก่เจ้าหนี้เพื่อชำระหนี้แล้ว ถือเป็นการชำระหนี้โดยชอบ โจทก์หมดสิทธิเรียกคืน
ทำหนังสือกันเองยกที่บ้านและเรือนตีใช้หนี้แก่เขาแล้ว แม้เขาจะได้ครอบครองมาเพียง 5-6 ปี หรือตนได้ละทิ้งไปเพียง 5-6 ปีก็ดีย่อมหมดสิทธิที่จะฟ้องเรียกคืนได้ เพราะได้ยอมให้แก่เขาเป็นการชำระหนี้โดยชอบแล้ว (คำพิพากษาฎีกาที่ 784/2486)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 519/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ด้วยการยกที่ดินและบ้านเรือน แม้ระยะเวลาครอบครอง/ละทิ้งไม่ถึง 10 ปี ก็ถือเป็นการชำระหนี้โดยชอบ
ทำหนังสือกันเองยกที่บ้านและเรือนเพื่อใช้หนี้แก่เขาแล้ว แม้เขาจะได้ครอบครองมาเพียง 5 - 6 ปี หรือตนได้ละทิ้งไปเพียง 5 - 6 ปีก็ดี ย่อมหมดสิทธิที่จะฟ้องเรียกคืนได้ เพราะได้ยอมให้แก่เขาเป็นการชำระหนี้โดยชอบแล้ว (คำพิพากษาฎีกาที่ 784/2486)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 456-458/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์จากการครอบครองปรปักษ์และสิทธิของเจ้าหนี้สามัญเหนือทรัพย์สินของลูกหนี้
เจ้าหนี้สามัญ มิได้มีบุริมสิทธิเหนือทรัพย์สินเฉพาะสิ่งของลูกหนี้ย่อมมีสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินของลูกหนี้ เจ้าหนี้ยึดที่ดินโฉนดมีชื่อจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้เป็นเจ้าของร่วมกับบุคคลอื่นเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ผู้ที่มิได้มีชื่อในโฉนดแต่ได้ปกครองที่แปลงนั้นบางส่วนมาเกิน 10 ปีโดยทางปรปักษ์แล้ว มีสิทธิร้องขัดทรัพย์ได้ เพราะเจ้าหนี้สามัญหาได้อยู่ในฐานะบุคคลภายนอกดังที่บัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 วรรคสอง นั้นไม่
ทะเบียนในโฉนดที่ดินเป็นเพียงหลักฐานในเบื้องต้นให้สันนิษฐานว่าผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ตามโฉนดที่ดินเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เท่านั้น แต่ข้อเท็จจริงที่แท้จริงเป็นประการใดอาจนำสืบหักล้างได้
ทะเบียนในโฉนดที่ดินเป็นเพียงหลักฐานในเบื้องต้นให้สันนิษฐานว่าผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ตามโฉนดที่ดินเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เท่านั้น แต่ข้อเท็จจริงที่แท้จริงเป็นประการใดอาจนำสืบหักล้างได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 329/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน: สิทธิเรียกร้องคืนเมื่อสัญญายังไม่เลิก
สัญญาซื้อขายที่ดิน ซึ่งในขณะทำสัญญา ผู้ขายยังไม่ได้สิทธิหรือกรรมสิทธิ์เด็ดขาดในที่ดินที่ขายนั้น จะจัดการโอนโดยมีการจดทะเบียนตามกฏหมายก็ยังไม่ได้นั้น ถือว่าเป็นเพียงสัญญาจะซื้อจะขายเท่านั้น
ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน และผู้ขายมอบที่ดินให้ผู้ซื้อแล้ว แม้ยังไม่ได้โอนทะเบียน ผู้ขายก็ฟ้องเรียกที่ดินคืนไม่ได้ ในเมื่อยังไม่ได้มีการเลิกสัญญาต่อกัน
ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน และผู้ขายมอบที่ดินให้ผู้ซื้อแล้ว แม้ยังไม่ได้โอนทะเบียน ผู้ขายก็ฟ้องเรียกที่ดินคืนไม่ได้ ในเมื่อยังไม่ได้มีการเลิกสัญญาต่อกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 329/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายที่ดิน: สิทธิเมื่อยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์และไม่มีการเลิกสัญญา
สัญญาซื้อขายที่ดิน ซึ่งในขณะทำสัญญา ผู้ขายยังไม่ได้สิทธิหรือกรรมสิทธิ์เด็ดขาดในที่ดินที่ขายนั้น จะจัดการโอนโดยมีการจดทะเบียนตามกฎหมายก็ยังไม่ได้นั้น ถือว่าเป็นเพียงสัญญาจะซื้อขายเท่านั้น
ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินและผู้ขายมอบที่ดินให้ผู้ซื้อแล้วแม้ยังไม่ได้โอนทะเบียน ผู้ขายก็ฟ้องเรียกที่ดินคืนไม่ได้ในเมื่อยังไม่ได้มีการเลิกสัญญาต่อกัน
ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินและผู้ขายมอบที่ดินให้ผู้ซื้อแล้วแม้ยังไม่ได้โอนทะเบียน ผู้ขายก็ฟ้องเรียกที่ดินคืนไม่ได้ในเมื่อยังไม่ได้มีการเลิกสัญญาต่อกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 307/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินโดยผู้ซื้อทราบว่ามีผู้ครอบครองอยู่ก่อน ถือเป็นผู้ซื้อไม่สุจริต ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย
ซื้อที่มือเปล่าจากผู้ที่อ้างตนว่าเป็นเจ้าของ โดยทราบอยู่แล้วว่า มีผู้ครอบครองอย่างเจ้าของอยู่หลายปีแล้ว ทั้งเมื่อขอทำสัญญาซื้อขายกันที่อำเภอ ผู้ครอบครองอยู่นั้นก็ได้ร้องคัดค้านไว้อีก แต่อำเภอกลับทำสัญญาซื้อขายให้ไป โดยเข้าใจผิดว่า ผู้ครอบครองไม่ติดใจคัดค้านแล้วนั้น ถือว่า ผู้ซื้อไม่สุจริต ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม ป.พ.พ.มาตรา 1300.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 307/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินพิพาทโดยผู้ซื้อทราบถึงการครอบครองของผู้อื่น ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย
ซื้อที่มือเปล่าจากผู้ที่อ้างตนว่าเป็นเจ้าของ โดยทราบอยู่แล้วว่า มีผู้ครอบครองอย่างเจ้าของอยู่หลายปีแล้วทั้งเมื่อขอทำสัญญาซื้อขายกันที่อำเภอ ผู้ครอบครองอยู่นั้นก็ได้ร้องคัดค้านไว้อีกแต่อำเภอกลับทำสัญญาซื้อขายให้ไปโดยเข้าใจผิดว่า ผู้ครอบครองไม่ติดใจคัดค้านแล้วนั้นถือว่าผู้ซื้อไม่สุจริต ไม่ได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1300
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 206/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิร่วม การครอบครอง และสิทธิของผู้รับโอนที่ดินโดยสุจริต
ผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิร่วมกันในโฉนดฝ่ายละกึ่งหนึ่ง แต่ต่างได้ครอบครองเป็นส่วนสัดกันแล้ว ซึ่งมีเนื้อที่ไม่เท่ากัน ภายหลังคนหนึ่งได้ขายส่วนของตนให้บุคคลภายนอก ๆ รับซื้อไว้โดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิของเขาตาม ก.ม.แล้ว ดังนี้ ผู้รับซื้อมีสิทธิที่จะฟ้องขอแบ่งที่รายนั้นให้เป็นของตนกึ่งหนึ่งได้ ภายใน 10 ปี นับแต่วันรับโอน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 206/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินมรดกที่แบ่งแยกครอบครอง การโอนสิทธิโดยสุจริต และสิทธิในการแบ่งแยกที่ดิน
ผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันในโฉนดฝ่ายละกึ่งหนึ่ง แต่ต่างได้ครอบครองเป็นส่วนสัดกันแล้วซึ่งมีเนื้อที่ไม่เท่ากัน ภายหลังคนหนึ่งได้ขายส่วนของตนให้บุคคลภายนอก บุคคลภายนอกรับซื้อไว้โดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิของเขาตาม กฎหมาย แล้ว ดังนี้ ผู้รับซื้อมีสิทธิที่จะฟ้องขอแบ่งที่รายนั้นให้เป็นของตนกึ่งหนึ่งได้ ภายใน 10 ปีนับแต่วันรับโอน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 32/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการซื้อขายที่ดินโดยอ้างการครอบครองเกิน 10 ปี และความไม่สุจริตของผู้ซื้อ
ซื้อที่ดินแล้วเข้าครอบครองเป็นเจ้าของมาเกิน 10 ปี แม้จะยังไม่ได้แก้ทะเบียนโอนโฉนดกัน ผู้ซื้อก็ย่อมอยู่ในฐานะอันจะจดทะเบียนสิทธิของตนได้ จึงมีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนการโอนที่ดินนั้นโดยไม่สุจริตได้ตามมาตรา 1300
ในคดีแพ่งเมื่อโจทก์ฟ้องบรรยายข้อเท็จจริงมาครบถ้วนตามมูลกรณีและมีคำขอมาถูกต้องแล้ว ย่อมเป็นหน้าที่ของศาลที่จะปรับบทกฎหมายบทใด โจทก์ไม่จำเป็นต้องอ้างบทมาตราแห่งกฎหมายนั้นมาด้วย
ความข้อใดที่คู่ความฝ่ายหนึ่งรับแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งไม่จำต้องนำสืบความข้อนั้นอีก ศาลฟังได้ตามที่รับนั้น
ในคดีแพ่งเมื่อโจทก์ฟ้องบรรยายข้อเท็จจริงมาครบถ้วนตามมูลกรณีและมีคำขอมาถูกต้องแล้ว ย่อมเป็นหน้าที่ของศาลที่จะปรับบทกฎหมายบทใด โจทก์ไม่จำเป็นต้องอ้างบทมาตราแห่งกฎหมายนั้นมาด้วย
ความข้อใดที่คู่ความฝ่ายหนึ่งรับแล้ว อีกฝ่ายหนึ่งไม่จำต้องนำสืบความข้อนั้นอีก ศาลฟังได้ตามที่รับนั้น