คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สว่าง ภูวะปัจฉิม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 469 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1487/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนทรัพย์ก่อนล้มละลายเพื่อเอื้อประโยชน์เจ้าหนี้รายหนึ่งขัดเจตนารมณ์กฎหมายล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีสิทธิเพิกถอนได้
ก่อนฟ้องคดีแปดวัน ลูกหนี้ได้โอนขายอาคารโรงเรียนซึ่งปลูกอยู่ในที่เช่าให้แก่เจ้าของที่ดินที่เช่า คือผู้คัดค้านในคดีนี้ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ด้วยคนหนึ่งในราคา 300,000 บาท (น้อยกว่าราคาจริง)โดยไม่มีการชำระราคากัน แต่มีข้อสัญญาว่า หนี้สินต่าง ๆ ของลูกหนี้ให้ผู้คัดค้านรับเป็นลูกหนี้ชำระให้เอง ส่วนหนี้สินต่าง ๆของผู้คัดค้านที่ค้างอยู่กับลูกหนี้ ผู้คัดค้านยอมยกให้แก่ลูกหนี้ทั้งหมดลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินอย่างอื่นอีก การรับโอนของผู้คัดค้านและวิธีการชำระหนี้ของลูกหนี้ดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ซึ่งประสงค์ให้เจ้าหนี้ทั้งหลายได้รับชำระหนี้โดยเสมอหน้ากัน การโอนทรัพย์ของลูกหนี้ดังกล่าวเห็นได้ว่า ทำให้ผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น ซึ่งมาตรา 115 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 บัญญัติให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนเสียได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1487/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนทรัพย์ก่อนล้มละลายเพื่อเอื้อประโยชน์เจ้าหนี้รายหนึ่งเป็นการฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของกฎหมายล้มละลาย ศาลมีอำนาจเพิกถอนได้
ก่อนฟ้องคดีแปดวัน ลูกหนี้ได้โอนขายอาคารโรงเรียนซึ่งปลูกอยู่ในที่เช่าให้แก่เจ้าของที่ดินที่เช่า คือ ผู้คัดค้านในคดีนี้ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ด้วยคนหนึ่งในราคา 300,000 บาท (น้อยกว่าราคาจริง)โดยไม่มีการชำระราคากัน แต่มีข้อสัญญาว่า หนี้สินต่าง ๆ ของลูกหนี้ให้ผู้คัดค้านรับเป็นลูกหนี้ชำระให้เอง ส่วนหนี้สินต่าง ๆของผู้คัดค้านที่ค้างอยู่กับลูกหนี้ ผู้คัดค้านยอมยกให้แก่ลูกหนี้ทั้งหมดลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินอย่างอื่นอีก การรับโอนของผู้คัดค้านและวิธีการชำระหนี้ของลูกหนี้ดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ซึ่งประสงค์ให้เจ้าหนี้ทั้งหลายได้รับชำระหนี้โดยเสมอหน้ากัน การโอนทรัพย์ของลูกหนี้ดังกล่าวเห็นได้ว่า ทำให้ผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น ซึ่งมาตรา 115 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 บัญญัติให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนเสียได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1485/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างตามคำบังคับศาล ไม่ถือเป็นความผิดอาญา แม้ถูกยึดตามคำพิพากษาอื่น
ศาลออกคำบังคับให้จำเลยรื้อบ้านของจำเลยออกไปจากที่ดินของโจทก์ปรากฏว่าบ้านนี้ถูกเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในอีกคดีหนึ่งนำยึดไว้เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ แม้กระนั้นจำเลยก็ต้องรื้อบ้านไปตามคำบังคับ การรื้อบ้านตามคำสั่งศาลเช่นนี้ ไม่เป็นความผิดทางอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1485/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างตามคำสั่งศาลไม่เป็นความผิดอาญา แม้ถูกยึดตามคำพิพากษาอื่น
ศาลออกคำบังคับให้จำเลยรื้อบ้านของจำเลยออกไปจากที่ดินของโจทก์ปรากฏว่าบ้านนี้ถูกเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในอีกคดีหนึ่งนำยึดไว้เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ แม้กระนั้นจำเลยก็ต้องรื้อบ้านไปตามคำบังคับ การรื้อบ้านตามคำสั่งศาลเช่นนี้ไม่เป็นความผิดทางอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1462/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทเกี่ยวกับการบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ต้องดำเนินการในสำนวนคดีเดิม
การกระทำของจำเลยตามที่โจทก์บรรยายมาในคำฟ้องเป็นการกระทำโดยมิชอบนั้น เป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับข้อตกลงตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีของศาลแพ่งแดงที่ 1696/2512 ระหว่าง ป. โจทก์ ว. จำเลย ซึ่งทำยอมความกันไว้เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2512 ซึ่งข้อ 5 มีความว่า โจทก์จำเลยตกลงให้มีกรรมการตรวจงาน 3 นาย ให้กรรมการทั้ง 3 นาย มีอำนาจชี้ขาดว่าการก่อสร้างแล้วเสร็จตามข้อตกลงหรือไม่ ต่อมาเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2512 กรรมการตรวจงานทั้งสามคนได้ไปตรวจงานก่อสร้างทุกรายการตามสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าโจทก์ จำเลยในคดีนั้นแล้ว เห็นว่าผลงานก่อสร้างทุกรายการตามสัญญาประนีประนอมยอมความเสร็จเรียบร้อยใช้การได้ และฝีมือช่างที่ก่อสร้างอยู่ในขั้นประณีตใช้การได้ดี ปรากฏเช่นนี้ โจทก์มาบรรยายฟ้องคดีนี้ว่า การตรวจงานของจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 (หมายถึงคณะกรรมการตรวจงานในคดีแรก) ไม่ได้กระทำการโดยสุจริต ฯลฯ กรณีดังที่กล่าวมาเห็นได้ชัดแจ้งว่า ข้อโต้แย้งของโจทก์ในคดีนี้เป็นข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1696/2512 โจทก์ชอบที่จะต้องขอให้ดำเนินกระบวนพิจารณาให้รู้ว่าคณะกรรมการผู้ตรวจงานทำถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ในคดีเดิม ไม่ชอบที่จะมาฟ้องเป็นคดีใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1462/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทหลังสัญญาประนีประนอมยอมความ: โจทก์ต้องดำเนินการในคดีเดิม ไม่ฟ้องใหม่
การกระทำของจำเลยตามที่โจทก์บรรยายมาในคำฟ้องเป็นการกระทำโดยมิชอบนั้น เป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับข้อตกลงตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีของศาลแพ่งแดงที่ 1696/2512ระหว่าง ป. โจทก์ ว. จำเลย ซึ่งทำยอมความกันไว้เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2512 ซึ่งข้อ 5 มีความว่า โจทก์จำเลยตกลงให้มีกรรมการตรวจงาน 3 นาย ให้กรรมการทั้ง 3 นาย มีอำนาจชี้ขาดว่าการก่อสร้างแล้วเสร็จตามข้อตกลงหรือไม่ ต่อมาเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2512 กรรมการตรวจงานทั้งสามคนได้ไปตรวจงานก่อสร้างทุกรายการตามสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าโจทก์จำเลยในคดีนั้นแล้ว เห็นว่าผลงานก่อสร้างทุกรายการตามสัญญาประนีประนอมยอมความเสร็จเรียบร้อยใช้การได้ และฝีมือช่างที่ก่อสร้างอยู่ในขั้นปราณีตใช้การได้ดี ปรากฏเช่นนี้ โจทก์มาบรรยายฟ้องคดีนี้ว่า การตรวจงานของจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4(หมายถึงคณะกรรมการตรวจงานในคดีแรก) ไม่ได้กระทำการโดยสุจริตฯลฯ กรณีดังที่กล่าวมาเห็นได้ชัดแจ้งว่า ข้อโต้แย้งของโจทก์ในคดีนี้เป็นข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1696/2512 โจทก์ชอบที่จะต้องขอให้ดำเนินกระบวนการพิจารณาให้รู้ว่าคณะกรรมการผู้ตรวจงานทำถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ในคดีเดิม ไม่ชอบที่จะมาฟ้องเป็นคดีใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1401/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากมิได้ระบุข้อเท็จจริง แม้แต่โดยย่อ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ฎีกาของจำเลยกล่าวว่า จำเลยเกรงว่าฎีกาของจำเลยจะขาดอายุความจึงรีบจัดทำฎีกาย่อมาชั้นหนึ่งก่อน รายละเอียดพิศดารจำเลยจะได้แถลงการณ์ด้วยลายลักษณ์อักษรตามมาภายหลัง นอกจากนี้แล้วไม่ปรากฏว่าฎีกาของจำเลยระบุข้อเท็จจริงประการใด ดังนี้ ฎีกาจำเลยเป็นฎีกาที่มิได้ระบุข้อเท็จจริงแม้แต่โดยย่อ จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1401/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากมิได้ระบุข้อเท็จจริง แม้แต่โดยย่อ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ฎีกาของจำเลยกล่าวว่า จำเลยเกรงว่าฎีกาของจำเลยจะขาดอายุความ จึงรีบจัดทำฎีกามาชั้นหนึ่งก่อน รายละเอียดพิศดารจำเลยจะได้แถลงการณ์ด้วยลายลักษณ์อักษรตามมาภายหลัง นอกจากนี้แล้วไม่ปรากฏว่าฎีกาของจำเลยระบุข้อเท็จจริงประการใด ดังนี้ ฎีกาจำเลยเป็นฎีกาที่มิได้ระบุข้อเท็จจริงแม้แต่โดยย่อ จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1302/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความและสิทธิในการกำหนดค่าเช่าใหม่ ผู้เช่ามีสิทธิปฏิเสธสัญญาหากอัตราค่าเช่าไม่สมเหตุสมผล
โจทก์จำเลยทำสัญญายอมความว่า โจทก์ยอมให้จำเลยเช่าห้องพิพาทจนสิ้นเดือนตุลาคมค่าเช่าเดือนละ 100 บาท ครบกำหนดแล้วถ้าโจทก์ยังไม่สร้างอาคารในที่พิพาท ยอมให้จำเลยอยู่ในห้องพิพาทได้ต่อไปโดยโจทก์จำเลยจะได้ทำสัญญากันต่างหาก ถ้าจำเลยไม่ยอมทำให้ถือว่าจำเลยไม่ประสงค์จะอยู่ในที่พิพาทต่อไป ดังนี้ ในการทำสัญญาเช่าใหม่ แม้โจทก์จะเอาค่าเช่าเป็นวันละ 100 บาท ก็เป็นสิทธิของโจทก์ เมื่อจำเลยเห็นว่าแพงไปและไม่ทำสัญญาเช่าก็จะหาว่าโจทก์ขัดขวางมิให้จำเลยเข้าทำสัญญากับโจทก์ไม่ได้
อุทธรณ์ของโจทก์ได้ตั้งประเด็นมาแล้วว่าจำเลยผิดสัญญาแต่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยให้ถ้าศาลฎีกาเห็นเป็นการสมควรจะวินิจฉัยไปเสียทีเดียวโดยไม่ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยใหม่ก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1302/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความและการกำหนดอัตราค่าเช่าใหม่ สิทธิของเจ้าของห้องในการตั้งราคาเช่า และผลของการไม่ทำสัญญาใหม่
โจทก์จำเลยทำสัญญายอมความว่า โจทก์ยอมให้จำเลยเช่าห้องพิพาทจนสิ้นเดือนตุลาคม ค่าเช่าเดือนละ 100 บาท ครบกำหนดแล้ว ถ้าโจทก์ยังไม่สร้างอาคารในที่พิพาท ยอมให้จำเลยอยู่ในห้องพิพาทได้ต่อไป โดยโจทก์จำเลยจะได้ทำสัญญากันต่างหาก ถ้าจำเลยไม่ยอมทำ ให้ถือว่าจำเลยไม่ประสงค์จะอยู่ในที่พิพาทต่อไป ดังนี้ ในการทำสัญญาเช่าใหม่ แม้โจทก์จะเอาค่าเช่าเป็นวันละ 100 บาท ก็เป็นสิทธิของโจทก์ เมื่อจำเลยเห็นว่าแพงไปและไม่ทำสัญญาเช่า ก็จะหาว่าโจทก์ขัดขวางมิให้จำเลยเข้าทำสัญญากับโจทก์ไม่ได้
อุทธรณ์ของโจทก์ได้ตั้งประเด็นมาแล้วว่าจำเลยผิดสัญญา แต่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยให้ ถ้าศาลฎีกาเห็นเป็นการสมควร จะวินิจฉัยไปเสียทีเดียวโดยไม่ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยใหม่ก็ได้
of 47