คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สว่าง ภูวะปัจฉิม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 469 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 414/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่นำสืบประเด็นหย่าและสินบริคณห์ ศาลชอบธรรมในการกำหนดลำดับสืบพยาน และจำเลยมีสิทธิสืบหักล้างข้อกล่าวอ้างเรื่องกรมธรรม์ปิดปาก
เมื่อคู่ความรับข้อเท็จจริงกันแล้ว ศาลกะประเด็นไว้ว่า. ประเด็นสำคัญมีอยู่ว่า. ผู้ตายกับจำเลยได้หย่าขาดจากกันหรือไม่. และทรัพย์ตามพินัยกรรมเป็นสินบริคณห์หรือไม่. ซึ่งประเด็นข้อแรกเป็นเรื่องที่โจทก์กล่าวอ้างขึ้นมาจึงเป็นหน้าที่โจทก์ต้องนำสืบให้ได้ความตามนั้น. ส่วนประเด็นว่าทรัพย์ตามพินัยกรรมเป็นสินบริคณห์หรือไม่.เป็นประเด็นขั้นที่สอง เมื่อโจทก์ต้องสืบประเด็นแรกซึ่งสำคัญก่อนแล้ว ศาลย่อมให้โจทก์สืบประเด็นข้อหลังด้วยในคราวเดียวกันได้.
จำเลยไปแจ้งขอรับมรดกต่อเจ้าหน้าที่อำเภอว่าที่นาพิพาทเป็นมรดกของผู้ตายซึ่งเป็นสามีจำเลยว่า. ที่นาพิพาทเป็นมรดกของผู้ตาย. ไม่ได้แจ้งว่าจำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของอยู่ด้วย. และเจ้าหน้าที่ได้โอนให้จำเลยในทางมรดก. จำเลยย่อมนำสืบได้ว่าจำเลยขอรับมรดกส่วนของผู้ตายตามสิทธิจำเลย. หาใช่เป็นเรื่องกรมธรรม์ปิดปากไม่.
จำเลยให้การต่อสู้คดีว่า ที่พิพาทเป็นสินบริคณห์. ผู้ตายซึ่งเป็นสามีจำเลยไม่มีสิทธิเอาสินบริคณห์ส่วนของจำเลยไปทำพินัยกรรมยกให้โจทก์. เมื่อผู้ตายตาย. จำเลยจึงขอโอนรับมรดก. จำเลยย่อมนำสืบเพื่อแสดงว่าทรัพย์นั้นเป็นสินบริคณห์ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 414/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่นำสืบประเด็นหย่าและสินบริคณห์ในคดีมรดก การรับมรดกย่อมสืบได้เมื่ออ้างว่าเป็นสินบริคณห์
เมื่อคู่ความรับข้อเท็จจริงกันแล้ว ศาลกะประเด็นไว้ว่า ประเด็นสำคัญมีอยู่ว่า ผู้ตายกับจำเลยได้หย่าขาดจากกันหรือไม่ และทรัพย์ตามพินัยกรรมเป็นสินบริคณห์หรือไม่ ซึ่งประเด็นข้อแรกเป็นเรื่องที่โจทก์กล่าวอ้างขึ้นมาจึงเป็นหน้าที่โจทก์ต้องนำสืบให้ได้ความตามนั้น ส่วนประเด็นว่าทรัพย์ตามพินัยกรรมเป็นสินบริคณห์หรือไม่เป็นประเด็นขั้นที่สองเมื่อโจทก์ต้องสืบประเด็นแรกซึ่งสำคัญก่อนแล้ว ศาลย่อมให้โจทก์สืบประเด็นข้อหลังด้วยในคราวเดียวกันได้
จำเลยไปแจ้งขอรับมรดกต่อเจ้าหน้าที่อำเภอว่าที่นาพิพาทเป็นมรดกของผู้ตายซึ่งเป็นสามีจำเลยว่า ที่นาพิพาทเป็นมรดกของผู้ตายไม่ได้แจ้งว่าจำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของอยู่ด้วย และเจ้าหน้าที่ได้โอนให้จำเลยในทางมรดก จำเลยย่อมนำสืบได้ว่าจำเลยขอรับมรดกส่วนของผู้ตายตามสิทธิจำเลยหาใช่เป็นเรื่องกรมธรรม์ปิดปากไม่
จำเลยให้การต่อสู้คดีว่า ที่พิพาทเป็นสินบริคณห์ ผู้ตายซึ่งเป็นสามีจำเลยไม่มีสิทธิเอาสินบริคณห์ส่วนของจำเลยไปทำพินัยกรรมยกให้โจทก์เมื่อผู้ตายตาย จำเลยจึงขอโอนรับมรดกจำเลยย่อมนำสืบเพื่อแสดงว่าทรัพย์นั้นเป็นสินบริคณห์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 414/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่นำสืบประเด็นหย่าและสินบริคณห์ในคดีมรดก: ศาลกะประเด็นถูกต้อง, การขอรับมรดกไม่ใช่กรมธรรม์ปิดปาก
เมื่อคู่ความรับข้อเท็จจริงกันแล้ว ศาลกะประเด็นไว้ว่า ประเด็นสำคัญมีอยู่ว่า ผู้ตายกับจำเลยได้หย่าขาดจากกันหรือไม่ และทรัพย์ตามพินัยกรรมเป็นสินบริคณห์หรือไม่ ซึ่งประเด็นข้อแรกเป็นเรื่องที่โจทก์กล่าวอ้างขึ้นมา จึงเป็นหน้าที่โจทก์ต้องนำสืบให้ได้ความตามนั้น ส่วนประเด็นว่าทรัพย์ตามพินัยกรรมเป็นสินบริคณห์หรือไม่ เป็นประเด็นขั้นที่สอง เมื่อโจทก์ต้องสืบประเด็นแรกซึ่งสำคัญก่อนแล้ว ศาลย่อมให้โจทก์สืบประเด็นข้อหลังด้วยในคราวเดียวกันได้
จำเลยไปแจ้งขอรับมรดกต่อเจ้าหน้าที่อำเภอว่าที่นาพิพาทเป็นมรดกของผู้ตายซึ่งเป็นสามีจำเลยว่า ที่นาพิพาทเป็นมรดกของผู้ตาย ไม่ได้แจ้งว่าจำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของอยู่ด้วย และเจ้าหน้าที่ได้โอนให้จำเลยในทางมรดก จำเลยย่อมนำสืบได้ว่า จำเลยขอรับมรดกส่วนของผู้ตายตามสิทธิจำเลย หาใช่เป็นเรื่องกรมธรรม์ปิดปากไม่
จำเลยให้การต่อสู้คดีว่า ที่พิพาทเป็นสินบริคณห์ ผู้ตายซึ่งเป็นสามีจำเลยไม่มีสิทธิเอาสินบริคณห์ส่วนของจำเลยไปทำพินัยกรรมยกให้โจทก์ เมื่อผู้ตายตาย จำเลยจึงขอโอนรับมรดก จำเลยย่อมนำสืบเพื่อแสดงว่าทรัพย์นั้นเป็นสินบริคณห์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 380/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกประเด็นนอกฟ้องอุทธรณ์ และหน้าที่ไถ่ถอนจำนองหลังชำระหนี้
ที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกเป็นประเด็นเบื้องต้นขึ้นวินิจฉัยว่าเมื่อเอกสารที่โจทก์นำมาแสดงปรากฏว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้รับจำนองโจทก์จึงต้องห้ามมิให้นำพยานบุคคลมาสืบแก้ไขเอกสารว่าจำเลยที่ 1 คือผู้รับจำนองส่วนจำเลยที่ 2 เป็นแต่เพียงตัวแทนนั้นศาลฎีกาเห็นว่าประเด็นข้อกฎหมายนี้จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้และมิได้ยกขึ้นอ้างอิงในฟ้องอุทธรณ์ และมิใช่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ศาลฎีกาไม่จำต้องวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 380/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นการรับจำนองและการสืบพยานแก้ข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยประเด็นที่ไม่ได้ยกขึ้นในชั้นอุทธรณ์
ที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกเป็นประเด็นเบื้องต้นขึ้นวินิจฉัยว่าเมื่อเอกสารที่โจทก์นำมาแสดงปรากฏว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้รับจำนอง โจทก์จึงต้องห้ามมิให้นำพยานบุคคลมาสืบแก้ไขเอกสารว่าจำเลยที่ 1 คือผู้รับจำนอง ส่วนจำเลยที่2 เป็นแต่เพียงตัวแทนนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าประเด็นข้อกฎหมายนี้ จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้และมิได้ยกขึ้นอ้างอิงในฟ้องอุทธรณ์ และมิใช่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ศาลฎีกาไม่จำต้องวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 380/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำนองที่ดินเพื่อค้ำประกันค่าซื้อเรือน: ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยประเด็นที่ไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้
ที่ศาลอุทธรณ์หยิบยกเป็นประเด็นเบื้องต้นขึ้นวินิจฉัยว่าเมื่อเอกสารที่โจทก์นำมาแสดงปรากฏว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้รับจำนอง. โจทก์จึงต้องห้ามมิให้นำพยานบุคคลมาสืบแก้ไขเอกสารว่าจำเลยที่ 1 คือผู้รับจำนอง ส่วนจำเลยที่2 เป็นแต่เพียงตัวแทนนั้น. ศาลฎีกาเห็นว่าประเด็นข้อกฎหมายนี้. จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้และมิได้ยกขึ้นอ้างอิงในฟ้องอุทธรณ์ และมิใช่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 ศาลฎีกาไม่จำต้องวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 378/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอม: การเปลี่ยนแปลงภาระในภารยทรัพย์ต้องได้รับความยินยอมและค่าทดแทนจากเจ้าของที่ดิน
ที่ดินตกอยู่ในภารจำยอมเพียงให้เป็นทางคนเดินผ่านที่ดินนั้นไปออกทางสาธารณะเท่านั้น. การปักเสาไฟฟ้า วางสายไฟฟ้า วางท่อประปาบนทางภารจำยอมนั้นย่อมเป็นการทำการเปลี่ยนแปลงในภารยทรัพย์. ทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์เจ้าของสามยทรัพย์ไม่มีสิทธิที่จะทำได้.
แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1352 บัญญัติว่าเจ้าของที่ดินต้องยอมให้ผู้อื่นวางท่อน้ำ ท่อระบายสายไฟฟ้า หรือสิ่งอื่นที่คล้ายกันผ่านที่ดินของตนเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินติดต่อก็ตาม. แต่มาตรานี้ได้บัญญัติไว้ด้วยว่า. เจ้าของที่ดินต้องยอมต่อเมื่อได้รับค่าทดแทนตามสมควร และเป็นหน้าที่ของผู้ที่จะวางต้องบอกกล่าวเสนอจำนวนค่าทดแทนให้เจ้าของที่ดินทราบก่อน. หาใช่เป็นหน้าที่ของเจ้าของที่ดินเป็นผู้เสนอไม่. เมื่อผู้ที่จะวางไม่ได้เสนอค่าทดแทน. เจ้าของที่ดินมีสิทธิคัดค้านได้. เป็นการใช้สิทธิโดยสุจริตและชอบที่จะทำได้ตามกฎหมาย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 378/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอมจำกัดสิทธิ: การเปลี่ยนแปลงภารยทรัพย์ต้องได้รับความยินยอมและค่าทดแทนจากเจ้าของที่ดิน
ที่ดินตกอยู่ในภารจำยอมเพียงให้เป็นทางคนเดินผ่านที่ดินนั้นไปออกทางสาธารณะเท่านั้น. การปักเสาไฟฟ้า วางสายไฟฟ้า วางท่อประปาบนทางภารจำยอมนั้นย่อมเป็นการทำการเปลี่ยนแปลงในภารยทรัพย์. ทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์เจ้าของสามยทรัพย์ไม่มีสิทธิที่จะทำได้
แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1352 บัญญัติว่าเจ้าของที่ดินต้องยอมให้ผู้อื่นวางท่อน้ำ ท่อระบายสายไฟฟ้า หรือสิ่งอื่นที่คล้ายกันผ่านที่ดินของตนเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินติดต่อก็ตาม แต่มาตรานี้ได้บัญญัติไว้ด้วยว่า เจ้าของที่ดินต้องยอมต่อเมื่อได้รับค่าทดแทนตามสมควร และเป็นหน้าที่ของผู้ที่จะวางต้องบอกกล่าวเสนอจำนวนค่าทดแทนให้เจ้าของที่ดินทราบก่อน หาใช่เป็นหน้าที่ของเจ้าของที่ดินเป็นผู้เสนอไม่ เมื่อผู้ที่จะวางไม่ได้เสนอค่าทดแทน เจ้าของที่ดินมีสิทธิคัดค้านได้ เป็นการใช้สิทธิโดยสุจริตและชอบที่จะทำได้ตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 378/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอม: การเปลี่ยนแปลงภาระหน้าที่ & การเสนอค่าทดแทน
ที่ดินตกอยู่ในภารจำยอมเพียงให้เป็นทางคนเดินผ่านที่ดินนั้นไปออกทางสาธารณะเท่านั้น การปักเสาไฟฟ้า วางสายไฟฟ้าวางท่อประปาบนทางภารจำยอมนั้นย่อมเป็นการทำการเปลี่ยนแปลงในภารยทรัพย์ ทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์เจ้าของสามยทรัพย์ไม่มีสิทธิที่จะทำได้
แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1352 บัญญัติว่าเจ้าของที่ดินต้องยอมให้ผู้อื่นวางท่อน้ำ ท่อระบายสายไฟฟ้า หรือสิ่งอื่นที่คล้ายกันผ่านที่ดินของตนเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินติดต่อก็ตามแต่มาตรานี้ได้บัญญัติไว้ด้วยว่า เจ้าของที่ดินต้องยอมต่อเมื่อได้รับค่าทดแทนตามสมควร และเป็นหน้าที่ของผู้ที่จะวางต้องบอกกล่าวเสนอจำนวนค่าทดแทนให้เจ้าของที่ดินทราบก่อนหาใช่เป็นหน้าที่ของเจ้าของที่ดินเป็นผู้เสนอไม่ เมื่อผู้ที่จะวางไม่ได้เสนอค่าทดแทน เจ้าของที่ดินมีสิทธิคัดค้านได้เป็นการใช้สิทธิโดยสุจริตและชอบที่จะทำได้ตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 375/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องขับไล่และข้อพิพาทซื้อขายที่ดิน การยกเหตุไม่ครบถ้วนชำระหนี้ในชั้นอุทธรณ์ และอายุความฟ้องขับไล่
โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่า จำเลยซื้อที่ดินของโจทก์ชำระค่าที่ดินยังไม่ครบ แต่ไม่ได้ยกเหตุที่จำเลยชำระค่าที่ดินไม่ตรงตามกำหนดทุกเดือน โจทก์จะยกปัญหาข้อนี้ในชั้นอุทธรณ์ไม่ได้ เพราะมิได้ว่ากล่าวมาแต่ศาลชั้นต้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซื้อที่ดินของโจทก์แล้วผิดสัญญา จึงฟ้องเรียกที่ดินคืนจำเลยให้การต่อสู้ว่าได้ชำระราคาที่ดินให้โจทก์ครบถ้วนแล้ว จึงฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์จดทะเบียนการซื้อขาย ดังนี้ ฟ้องแย้งเป็นเรื่องเกี่ยวพันกับฟ้องเดิม
ที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินจำเลยแย่งการครอบครองมาจนถึงวันฟ้องเกินกว่า 1 ปีโจทก์หมดสิทธิจะฟ้องขับไล่จำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 (อ้างฎีกาที่ 1694-1695/2500)
of 47