คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สว่าง ภูวะปัจฉิม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 469 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 970/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองจากการสละการครอบครอง แม้นิติกรรมหลักเป็นโมฆะ
แม้สัญญาขายฝากที่ดินจะเป็นโมฆะเพราะไม่ได้จดทะเบียน แต่เมื่อข้อความในสัญญาขายฝากนั้นมีว่า ถ้าผู้ขายฝากไม่ไถ่คืนใน 6 เดือน ผู้ขายฝากสละสิทธิครอบครองให้เป็นสิทธิของผู้ซื้อฝาก เมื่อผู้ซื้อฝากครอบครองที่ดินต่อมาอาจได้สิทธิครอบครองโดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 970/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้สิทธิครอบครองโดยการสละการครอบครองของผู้เดิม แม้สัญญานิติกรรมหลักเป็นโมฆะ
แม้สัญญาขายฝากที่ดินจะเป็นโมฆะเพราะไม่ได้จดทะเบียนแต่เมื่อข้อความในสัญญาขายฝากนั้นมีว่า ถ้าผู้ขายฝากไม่ไถ่คืนใน 6 เดือน ผู้ขายฝากสละสิทธิครอบครองให้เป็นสิทธิของผู้ซื้อฝาก เมื่อผู้ซื้อฝากครอบครองที่ดินต่อมาอาจได้สิทธิครอบครองโดยทางอื่นนอกจากนิติกรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 960/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดการพิจารณาคดีแพ่งรอผลคดีอาญาเมื่อประเด็นข้อเท็จจริงเป็นเดียวกัน
เมื่อประเด็นที่ต้องวินิจฉัยในคดีส่วนแพ่งเป็นอย่างเดียวกับปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยในคดีส่วนอาญา ศาลที่จะพิพากษาคดีส่วนแพ่งชอบที่จะงดการพิจารณาคดีแพ่งไว้รอฟังข้อเท็จจริงที่จะปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาก่อน
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 46 มุ่งหมายให้ศาลที่จะพิพากษาคดีส่วนแพ่งรอฟังผลของคดีส่วนอาญาก่อน แล้วจึงพิพากษาคดีส่วนแพ่งไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญานั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 960/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดการพิจารณาคดีแพ่งรอผลคดีอาญา กรณีประเด็นข้อเท็จจริงในคดีทั้งสองสอดคล้องกัน
เมื่อประเด็นที่ต้องวินิจฉัยในคดีส่วนแพ่งเป็นอย่างเดียวกับปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยในคดีส่วนอาญา ศาลที่จะพิพากษาคดีส่วนแพ่งชอบที่จะงดการพิจารณาคดีแพ่งไว้รอฟังข้อเท็จจริงที่จะปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาก่อน
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 46 มุ่งหมายให้ศาลที่จะพิพากษาคดีส่วนแพ่งรอฟังผลของคดีส่วนอาญาก่อน แล้วจึงพิพากษาคดีส่วนแพ่งไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญานั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 907/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นอุทธรณ์ซ้ำและการแก้ไขอุทธรณ์เดิม ศาลไม่รับเนื่องจากอุทธรณ์เดิมไม่สมบูรณ์และไม่มีผลต่อการพิจารณา
โจทก์ยื่นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งว่าอุทธรณ์ไม่มีข้อความเป็นอุทธรณ์ จึงไม่รับโจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ แล้วต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องพร้อมกับยื่นอุทธรณ์ใหม่อีก 1 ฉบับ (ภายในอายุความอุทธรณ์) ขอให้ศาลชั้นต้นรวมสำนวนส่งไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อประกอบการพิจารณาพิพากษาคดีต่อไป ดังนี้ เมื่อปรากฏความประสงค์อันชัดแจ้งของโจทก์ที่ยื่นอุทธรณ์ฉบับใหม่เข้ามาเพื่อจะขอแก้อุทธรณ์ฉบับเดิมและให้ถือเอาอุทธรณ์ฉบับใหม่เป็นส่วนหนึ่งของอุทธรณ์ฉบับเดิม มิใช่เป็นการยื่นอุทธรณ์ใหม่เป็นอีกฉบับหนึ่งแยกต่างหากจากฉบับเดิม อุทธรณ์ฉบับใหม่หาได้มีสภาพเป็นอุทธรณ์โดยแท้ไม่ หากมีสภาพเป็นทำนองคำแถลงประกอบอุทธรณ์ฉบับเดิมเท่านั้น และอุทธรณ์ฉบับเดิมที่ศาลสั่งไม่รับก็ไม่มีข้อความเป็นอุทธรณ์ทั้งคำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ถึงที่สุดแล้ว มีผลเท่ากับไม่มีอุทธรณ์ฉบับเดิมเป็นหลักอ้างอิงที่จะนำเอาอุทธรณ์ฉบับใหม่ประกอบการพิจารณา จึงไม่มีปัญหาจะต้องพิจารณาและวินิจฉัยว่าอุทธรณ์ฉบับใหม่มีสภาพเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ฉนั้นการที่จะรับอุทธรณ์ฉบับใหม่ของโจทก์ไว้ตามที่โจทก์ฎีกาขึ้นมาก็ไม่มีประโยชน์อันใดอันจะพึงเกิดแก่คดีของโจทก์ จึงไม่รับอุทธรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 907/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นอุทธรณ์แก้ไข – อุทธรณ์ใหม่ไม่มีสภาพเป็นอุทธรณ์ – คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ถึงที่สุด
โจทก์ยื่นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งว่าอุทธรณ์ไม่มีข้อความเป็นอุทธรณ์ จึงไม่รับโจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ แล้วต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องพร้อมกับยื่นอุทธรณ์ใหม่อีก 1 ฉบับ (ภายในอายุความอุทธรณ์) ขอให้ศาลชั้นต้นรวมสำนวนส่งไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อประกอบการพิจารณาพิพากษาคดีต่อไป ดังนี้ เมื่อปรากฏความประสงค์อันชัดแจ้งของโจทก์ที่ยื่นอุทธรณ์ฉบับใหม่เข้ามาเพื่อจะขอแก้อุทธรณ์ฉบับเดิมและให้ถือเอาอุทธรณ์ฉบับใหม่เป็นส่วนหนึ่งของอุทธรณ์ฉบับเดิม มิใช่เป็นการยื่นอุทธรณ์ใหม่เป็นอีกฉบับหนึ่งแยกต่างหากจากฉบับเดิม อุทธรณ์ฉบับใหม่หาได้มีสภาพเป็นอุทธรณ์โดยแท้ไม่ หากมีสภาพเป็นทำนองคำแถลงประกอบอุทธรณ์ฉบับเดิมเท่านั้น และอุทธรณ์ฉบับเดิมที่ศาลสั่งไม่รับก็ไม่มีข้อความเป็นอุทธรณ์ทั้งคำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ถึงที่สุดแล้วมีผลเท่ากับไม่มีอุทธรณ์ฉบับเดิมเป็นหลักอ้างอิงที่จะนำเอาอุทธรณ์ฉบับใหม่ประกอบการพิจารณา จึงไม่มีปัญหาจะต้องพิจารณาและวินิจฉัยว่าอุทธรณ์ฉบับใหม่มีสภาพเป็นอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ฉะนั้นการที่จะรับอุทธรณ์ฉบับใหม่ของโจทก์ไว้ตามที่โจทก์ฎีกาขึ้นมาก็ไม่มีประโยชน์อันใดอันจะพึงเกิดแก่คดีของโจทก์ จึงไม่รับอุทธรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 902/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมซื้อขายที่ดินโดยมีเจตนาลวงเพื่อประกันเงินกู้เป็นโมฆะ, สัญญาจำนองไม่สมบูรณ์, จำเลยต้องคืนที่ดินให้โจทก์
โจทก์ต้องการยืมเงินจากจำเลย แต่จำเลยให้โจทก์ทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินพิพาทต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ให้แก่จำเลย เพื่อจำเลยจะได้เอาที่ดินนั้นไปประกันเงินกู้จากธนาคาร แล้วโจทก์และจำเลยจึงทำสัญญากันเองว่า โจทก์จำนองที่ดินพิพาทไว้แก่จำเลย ดังนี้ สัญญาซื้อขายดังกล่าวเกิดขึ้นจากเจตนาลวงของโจทก์จำเลย ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118 ฉะนั้น เมื่อโจทก์ขอชำระหนี้ที่ยืมไป จำเลยมีหน้าที่ต้องรับชำระหนี้และโอนที่ดินคืนให้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 902/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมซื้อขายที่ดินเพื่อประกันกู้ยืมเงิน และสัญญาจำนองที่เป็นโมฆะ
โจทก์ต้องการยืมเงินจากจำเลย แต่จำเลยให้โจทก์ทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินพิพาทต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ให้แก่จำเลย เพื่อจำเลยจะได้เอาที่ดินนั้นไปประกันเงินกู้จากธนาคาร แล้วโจทก์และจำเลยจึงทำสัญญากันเองว่า โจทก์จำนองที่ดินพิพาทไว้แก่จำเลยดังนี้ สัญญาซื้อขายดังกล่าวเกิดขึ้นจากเจตนาลวงของโจทก์จำเลย ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118 ฉะนั้น เมื่อโจทก์ขอชำระหนี้ที่ยืมไป จำเลยมีหน้าที่ต้องรับชำระหนี้และโอนที่ดินคืนให้แก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการโอนทรัพย์สินก่อนล้มละลายต้องแสดงระยะเวลาและเจตนาเอื้อประโยชน์เจ้าหนี้บางราย
การร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการโอนทรัพย์สินตามมาตรา 114 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย 2483 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องระบุในคำร้องขอด้วยว่าลูกหนี้ได้กระทำการโอนทรัพย์สินนั้นในระยะเวลาสามปีก่อนล้มละลาย
พฤติการณ์ที่แสดงว่าลูกหนี้ได้ทำการโอนทรัพย์สินโดยมุ่งหมายให้เจ้าหนี้คนหนึ่งคนใดได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการโอนทรัพย์สินก่อนล้มละลาย ต้องระบุระยะเวลาการโอน และมีพฤติการณ์หลีกเลี่ยงหนี้
การร้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการโอนทรัพย์สินตามมาตรา 114 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ จะต้องระบุในคำร้องขอด้วยว่าลูกหนี้ได้กระทำการโอนทรัพย์สินนั้น ในระยะเวลาสามปีก่อนล้มละลาย
พฤติการณ์ที่แสดงว่าลูกหนี้ได้ทำการโอนทรัพย์สิน โดยมุ่งหมายให้เจ้าหนี้คนหนึ่งคนใดได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่น
of 47