พบผลลัพธ์ทั้งหมด 122 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6486/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกเบี้ยจากเงินขายทอดตลาด: การบังคับคดีไม่สมบูรณ์จนกว่าศาลฎีกาจะอ่านคำพิพากษา
เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยและผู้ค้ำประกันจำเลยที่โจทก์นำยึดไว้ จำเลยและผู้ค้ำประกันยื่นคำร้องคัดค้านให้ยกเลิกการขายและขอให้ขายใหม่ เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งแล้ว จำเลยก็อุทธรณ์ฎีกา ทำให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่อาจจ่ายเงินจากการขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ได้ การที่โจทก์ยังไม่ได้รับชำระหนี้ตามคำพิพากษา ถือว่าการบังคับคดียังไม่เสร็จบริบูรณ์จนกว่าจะได้มีการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา จำเลยจึงต้องรับผิดใช้ดอกเบี้ยจากเงินที่ขายทอดตลาดได้ซึ่งเป็นจำนวนน้อยกว่าเงินต้นที่จำเลยค้างชำระแก่โจทก์ จนถึงวันอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา
การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่คิดดอกเบี้ยดังกล่าวให้โจทก์นั้น โจทก์ไม่จำต้องยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นภายใน 8 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดี เพราะมิใช่เป็นเรื่องเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งลักษณะการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง แต่เป็นกรณีวินิจฉัยว่าโจทก์มีสิทธิได้รับชำระหนี้จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดเมื่อใดและจำนวนเท่าใด กรณีจึงไม่ต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง
การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่คิดดอกเบี้ยดังกล่าวให้โจทก์นั้น โจทก์ไม่จำต้องยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นภายใน 8 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดี เพราะมิใช่เป็นเรื่องเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งลักษณะการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง แต่เป็นกรณีวินิจฉัยว่าโจทก์มีสิทธิได้รับชำระหนี้จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดเมื่อใดและจำนวนเท่าใด กรณีจึงไม่ต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 160/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขึ้นศาลคดีไม่มีทุนทรัพย์: การคืนค่าใช้จ่ายที่เสียเกินมา
คดีที่โจทก์ขอให้อายัดเงินของจำเลยต่อผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอก และมีการโต้แย้งระหว่างผู้ร้องกับโจทก์ว่าเงินที่ขออายัดดังกล่าวอยู่ที่ผู้ร้องหรือไม่ เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ผู้ร้องเสียค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์และโจทก์เสียค่าขึ้นศาลในชั้นฎีกามาอย่างคดีมีทุนทรัพย์จึงไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาให้คืนค่าขึ้นศาลที่เสียเกินมาในชั้นอุทธรณ์และฎีกาแก่ผู้ร้องและโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 160/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขึ้นศาลคดีไม่มีทุนทรัพย์: การคืนค่าใช้จ่ายที่เสียเกินเมื่อมีการดำเนินการเสมือนคดีมีทุนทรัพย์
คดีที่โจทก์ขอให้อายัดเงินของจำเลยต่อผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอก และมีการโต้แย้งระหว่างผู้ร้องกับโจทก์ว่าเงินที่ขออายัดดังกล่าวอยู่ที่ผู้ร้องหรือไม่ เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ผู้ร้องเสียค่าขึ้นศาลในชั้นอุทธรณ์และโจทก์เสียค่าขึ้นศาลในชั้นฎีกามาอย่างคดีมีทุนทรัพย์จึงไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาให้คืนค่าขึ้นศาลที่เสียเกินมาในชั้นอุทธรณ์และฎีกาแก่ผู้ร้องและโจทก์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4767/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิเรียกร้องค่าจ้างตามสัญญา และผลกระทบต่อการบังคับคดี สิทธิเรียกร้องทั้งหมดรวมถึงค่าจ้างที่ปรับราคาได้ย่อมโอนไปยังผู้รับโอน
สัญญาจ้างระหว่างผู้คัดค้านที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างและจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้รับจ้างมีข้อความระบุไว้ชัดเจนว่า ค่าจ้างที่กำหนดไว้ในสัญญาเป็นค่าจ้างที่สามารถปรับราคาได้ตามสูตรสัญญาแบบปรับราคาได้ท้ายสัญญาจ้าง ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 โอนสิทธิเรียกร้องการรับค่าจ้างดังกล่าวโดยระบุว่าเป็นสิทธิเรียกร้องทั้งหมดของจำเลยที่ 1 ที่จะพึงเกิดขึ้นตามสัญญาจ้างให้เป็นของผู้คัดค้านที่ 2 จึงต้องหมายความรวมถึงค่าจ้างที่สามารถปรับราคาได้ด้วย โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินดังกล่าวที่ตกเป็นของผู้คัดค้านที่ 2 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้ และผู้คัดค้านที่ 1 ก็มีสิทธิที่จะไม่ส่งเงินจำนวนนั้นตามที่กรมบังคับคดีขออายัดมาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4767/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิเรียกร้องค่าจ้างตามสัญญา และผลกระทบต่อการบังคับคดี การอายัดเงินของผู้รับจ้างที่โอนสิทธิแล้ว
สัญญาจ้างระหว่างผู้คัดค้านที่1ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างและจำเลยที่1ซึ่งเป็นผู้รับจ้างมีข้อความระบุไว้ชัดเจนว่าค่าจ้างที่กำหนดไว้ในสัญญาเป็นค่าจ้างที่สามารถปรับราคาได้ตามสูตรสัญญาแบบปรับราคาได้ท้ายสัญญาจ้างดังนั้นเมื่อจำเลยที่1โอนสิทธิเรียกร้องการรับค่าจ้างดังกล่าวโดยระบุว่าเป็นสิทธิเรียกร้องทั้งหมดของจำเลยที่1ที่จะพึงเกิดขึ้นตามสัญญาจ้างให้เป็นของผู้คัดค้านที่2จึงต้องหมายความรวมถึงค่าจ้างที่สามารถปรับราคาได้ด้วยโจทก์ไม่มีสิทธิที่จะร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินดังกล่าวที่ตกเป็นของผู้คัดค้านที่2ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้และผู้คัดค้านที่1ก็มีสิทธิที่จะไม่ส่งเงินจำนวนนั้นตามที่กรมบังคับคดีขออายัดมาได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4767/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิเรียกร้องค่าจ้างที่ปรับราคาได้ตามสัญญาจ้าง และผลกระทบต่อการบังคับคดี
สัญญาจ้างระหว่างผู้คัดค้านที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้างและจำเลยที่ 1ซึ่งเป็นผู้รับจ้างมีข้อความระบุไว้ชัดเจนว่าค่าจ้างที่กำหนดไว้ในสัญญาเป็นค่าจ้างที่สามารถปรับราคาได้ตามสูตรสัญญาแบบปรับราคาได้ท้ายสัญญาจ้างดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 1 โอนสิทธิเรียกร้องการรับค่าจ้างดังกล่าวโดยระบุว่าเป็นสิทธิเรียกร้องทั้งหมดของจำเลยที่ 1 ที่จะพึงเกิดขึ้นตามสัญญาจ้างให้เป็นของผู้คัดค้านที่ 2 จึงต้องหมายความรวมถึงค่าจ้างที่สามารถปรับราคาได้ด้วย โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินดังกล่าวที่ตกเป็นของผู้คัดค้านที่ 2ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้ และผู้คัดค้านที่ 1 ก็มีสิทธิที่จะไม่ส่งเงินจำนวนนั้นตามที่กรมบังคับคดีขออายัดมาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4816/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีภายใน 10 ปี: การยึดทรัพย์เกินกำหนดเวลา และประเด็นการชำระหนี้ที่ศาลสั่งงดสืบพยาน
การร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาต้องดำเนินการตามขั้นตอน ขั้นแรกเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต้องขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีแล้ว และจากนั้นต้องแถลงต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีขอให้ยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาตามขั้นตอนดังกล่าวส่วนการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะไปยึดทรัพย์เมื่อใดนั้นเป็นขั้นตอนการดำเนินงานของเจ้าพนักงานบังคับคดี แม้เจ้าพนักงานบังคับคดีจะไปทำการยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 2 และที่ 4 เกินสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษา เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนครบถ้วนแล้วภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษา ก็ถือได้ว่าโจทก์ได้ร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 แล้ว สำหรับประเด็นที่ว่าโจทก์ได้รับชำระหนี้ครบถ้วนแล้วหรือไม่นั้น ในวันนัดพร้อมตามรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 16มิถุนายน 2526 โจทก์กับจำเลยที่ 2 ที่ 4 แถลงร่วมกัน ว่า "กรณีนี้ฝ่ายโจทก์ได้ยื่นคำแถลงขอให้ เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการยึดทรัพย์กรณีพิพาทเมื่อวันที่17 มกราคม 2526 แต่เจ้าพนักงานได้ทำการยึดทรัพย์เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2526 และคู่กรณีขอให้ศาลวินิจฉัยตามข้อเท็จจริงที่ได้ความดังกล่าว" ศาลมีคำสั่งว่า "ศาลเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ จึงให้นัดฟังคำสั่งกรณีนี้ ในวันที่ 27 มิถุนายน 2526 เวลา 10 นาฬิกา" แม้คำแถลงของจำเลย ที่ 2 และที่ 4 จะยังไม่ชัดแจ้งว่า จำเลยที่2 และที่ 4 ได้สละประเด็นดังกล่าว แต่คำสั่งศาลที่ว่าคดีพอวินิจฉัยได้ และนัดฟังคำสั่งเป็นการสั่งงดสืบพยาน อันเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 จำเลยที่ 2และที่ 4 มีโอกาสโต้แย้งคำสั่งแต่ไม่ได้โต้แย้งไว้จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นในส่วนที่เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิแก่โจทก์ที่จะฎีกา เพราะถือได้ว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2291/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีขายที่ดิน: เลขที่ น.ส.๓ ผิดพลาด ไม่กระทบสิทธิโจทก์
คำพิพากษาของศาลถึงที่สุดให้จำเลยโอนขายที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 105 ให้โจทก์ ความปรากฏในชั้นบังคับคดีว่าโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนขายที่ดินพิพาทโดยบรรยายฟ้องระบุเลขที่ของ น.ส.3 ผิดพลาดไป ความจริงที่ดินพิพาทที่โจทก์บังคับให้จำเลยขายคือที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 195 ดังนี้ศาลย่อมบังคับให้จำเลยขายที่ดินพิพาทตามฟ้องซึ่งมี น.ส.3 เลขที่ที่ถูกต้องได้ ไม่เป็นการบังคับคดีนอกเหนือไปจากคำพิพากษา และไม่เป็นการแก้ไขคำพิพากษาในส่วนที่เป็นสาระสำคัญอันเป็นผลทำให้คำพิพากษาเปลี่ยนแปลงไป
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 323/2512)
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 323/2512)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2291/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีซื้อขายที่ดิน: แก้ไขเลขที่ น.ส.3 ในคำฟ้องได้หากไม่กระทบสาระสำคัญ
คำพิพากษาของศาลถึงที่สุดให้จำเลยโอนขายที่ดิน น.ส.3เลขที่ 105 ให้โจทก์. ความปรากฏในชั้นบังคับคดีว่าโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนขายที่ดินพิพาทโดยบรรยายฟ้องระบุเลขที่ของ น.ส.3 ผิดพลาดไป. ความจริงที่ดินพิพาทที่โจทก์บังคับให้จำเลยขายคือที่ดิน น.ส.3 เลขที่ 195. ดังนี้ศาลย่อมบังคับให้จำเลยขายที่ดินพิพาทตามฟ้องซึ่งมีน.ส.3 เลขที่ที่ถูกต้องได้. ไม่เป็นการบังคับคดีนอกเหนือไปจากคำพิพากษา. และไม่เป็นการแก้ไขคำพิพากษาในส่วนที่เป็นสาระสำคัญอันเป็นผลทำให้คำพิพากษาเปลี่ยนแปลงไป. (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 323/2512).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2558/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ตามคำพิพากษาครบถ้วนเป็นเหตุให้ไม่ต้องบังคับคดี ยึดทรัพย์ หรืออายัด
เมื่อลูกหนี้ตามคำพิพากษาถึงที่สุดได้วางเงินต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นจำนวนพอชำระหนี้ตามคำพิพากษาพร้อมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมแห่งคดีแล้ว ก็ไม่มีเหตุที่จะต้องดำเนินการบังคับคดีโดยการยึดหรืออายัดและขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาโดยวิธีอื่นต่อไป กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 293
การที่ลูกหนี้ได้วางเงินต่อศาลหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นจำนวนพอชำระหนี้ตามคำพิพากษาแล้วหากว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีไว้ เจ้าพนักงานบังคับคดีก็ต้องถอนการบังคับคดีนั้นตามมาตรา 295(1) เมื่อลูกหนี้ตามคำพิพากษาก็ได้แถลงรับว่าได้ปฏิบัติตามคำบังคับของศาลเสร็จสิ้นแล้ว จึงไม่มีเหตุที่ศาลจะสั่งให้งดการบังคับคดีตามมาตรา 292(2) ศาลจึงชอบที่จะยกคำร้องขอให้งดการบังคับคดีของลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้นเสียได้
การที่ลูกหนี้ได้วางเงินต่อศาลหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นจำนวนพอชำระหนี้ตามคำพิพากษาแล้วหากว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีไว้ เจ้าพนักงานบังคับคดีก็ต้องถอนการบังคับคดีนั้นตามมาตรา 295(1) เมื่อลูกหนี้ตามคำพิพากษาก็ได้แถลงรับว่าได้ปฏิบัติตามคำบังคับของศาลเสร็จสิ้นแล้ว จึงไม่มีเหตุที่ศาลจะสั่งให้งดการบังคับคดีตามมาตรา 292(2) ศาลจึงชอบที่จะยกคำร้องขอให้งดการบังคับคดีของลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้นเสียได้