พบผลลัพธ์ทั้งหมด 264 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2437/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของรวมร้องขัดทรัพย์ไม่ได้ ควรขอแบ่งส่วนที่ดินที่ตกลงแบ่งแยกแล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดียึดมิได้
ที่ดินมีโฉนดมีชื่อจำเลยและผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ร่วมกัน ผู้ร้องจะร้องขัดทรัพย์เพื่อให้ศาลปล่อยทรัพย์ที่ยึดหาได้ไม่ผู้ร้องซึ่งอยู่ในฐานะเป็นเจ้าของรวมใน โฉนดที่ดินที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ชอบที่จะร้องขอ ให้ศาลแบ่งส่วนหรือกันส่วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287
หากข้อเท็จจริงได้ความว่า ที่ดินมีโฉนดที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ผู้ร้องเป็นเจ้าของรวมอยู่ 1 ใน 3 ผู้ร้อง ครอบครองเป็นส่วนสัดและปลูกบ้านอยู่อาศัยมา 37 ปีแล้ว จำเลยและผู้ร้องได้ตกลงแบ่งแยกโฉนดออกเป็นส่วนของผู้ร้อง และส่วนของจำเลยทั้งได้แบ่งส่วนที่จำเลยและผู้ร้องถือ กรรมสิทธิ์ร่วมกันเพื่อใช้เป็นทางออกสู่ถนนเจ้าพนักงานที่ดินได้ดำเนินการแบ่งแยกโฉนดเสร็จแล้วเหลือเพียง แต่รอคำสั่งให้ไปจดทะเบียนรับโฉนดที่แบ่งแยกเท่านั้นดังนี้ เห็นได้ว่าที่ดินดังกล่าวได้มีการตกลงแยกกรรมสิทธิ์ ส่วนของเจ้าของรวมเป็นที่แน่นอนแล้วเจ้าพนักงานบังคับคดี ย่อมไม่มีอำนาจที่จะขายส่วนที่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง
หากข้อเท็จจริงได้ความว่า ที่ดินมีโฉนดที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ผู้ร้องเป็นเจ้าของรวมอยู่ 1 ใน 3 ผู้ร้อง ครอบครองเป็นส่วนสัดและปลูกบ้านอยู่อาศัยมา 37 ปีแล้ว จำเลยและผู้ร้องได้ตกลงแบ่งแยกโฉนดออกเป็นส่วนของผู้ร้อง และส่วนของจำเลยทั้งได้แบ่งส่วนที่จำเลยและผู้ร้องถือ กรรมสิทธิ์ร่วมกันเพื่อใช้เป็นทางออกสู่ถนนเจ้าพนักงานที่ดินได้ดำเนินการแบ่งแยกโฉนดเสร็จแล้วเหลือเพียง แต่รอคำสั่งให้ไปจดทะเบียนรับโฉนดที่แบ่งแยกเท่านั้นดังนี้ เห็นได้ว่าที่ดินดังกล่าวได้มีการตกลงแยกกรรมสิทธิ์ ส่วนของเจ้าของรวมเป็นที่แน่นอนแล้วเจ้าพนักงานบังคับคดี ย่อมไม่มีอำนาจที่จะขายส่วนที่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2437/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมมีสิทธิร้องขอแบ่งส่วนทรัพย์สินที่ถูกยึดแทนการขัดทรัพย์
ที่ดินมีโฉนดมีชื่อจำเลยและผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ร่วมกัน ผู้ร้องจะร้องขัดทรัพย์เพื่อให้ศาลปล่อยทรัพย์ที่ยึดหาได้ไม่ผู้ร้องซึ่งอยู่ในฐานะเป็นเจ้าของรวมใน โฉนดที่ดินที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ชอบที่จะร้องขอ ให้ศาลแบ่งส่วนหรือกันส่วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 หากข้อเท็จจริงได้ความว่า ที่ดินมีโฉนดที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ผู้ร้องเป็นเจ้าของรวมอยู่1ใน 3 ผู้ร้อง ครอบครองเป็นส่วนสัดและปลูกบ้านอยู่อาศัยมา 37 ปีแล้วจำเลยและผู้ร้องได้ตกลงแบ่งแยกโฉนดออกเป็นส่วนของผู้ร้อง และส่วนของจำเลยทั้งได้แบ่งส่วนที่จำเลยและผู้ร้องถือ กรรมสิทธิ์ร่วมกันเพื่อใช้เป็นทางออกสู่ถนน เจ้าพนักงานที่ดินได้ดำเนินการแบ่งแยกโฉนดเสร็จแล้วเหลือเพียง แต่รอคำสั่งให้ไปจดทะเบียนรับโฉนดที่แบ่งแยกเท่านั้นดังนี้ เห็นได้ว่าที่ดินดังกล่าวได้มีการตกลงแยกกรรมสิทธิ์ ส่วนของเจ้าของรวมเป็นที่แน่นอนแล้วเจ้าพนักงานบังคับคดี ย่อมไม่มีอำนาจที่จะขายส่วนที่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 600/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งที่ดินพิพาท: การประมูลระหว่างคู่ความล้มเหลว ให้ขายทอดตลาดแล้วแบ่งเงิน
ศาลพิพากษาให้แบ่งที่ดินพิพาทให้โจทก์จำเลยฝ่ายละครึ่งโดยให้ตกลงกันระหว่างโจทก์กับจำเลยก่อน หากตกลงกันไม่ได้ให้ประมูลราคากันในระหว่างโจทก์จำเลยให้ฝ่ายที่เสนอราคาสูงเป็นผู้ได้กรรมสิทธิ์ไปทั้งหมด หากตกลงประมูลราคากันไม่ได้ให้ขายทอดตลาดที่ดินพิพาททั้งหมด แล้วนำเงินมาแบ่งระหว่างโจทก์จำเลย เมื่อโจทก์จำเลยตกลงกันตามวิธีแรกไม่ได้จึงต้องดำเนินการประมูลราคากันในระหว่างโจทก์จำเลยต่อไป แต่ปรากฏว่าโจทก์ไม่ติดใจประมูล ต้องถือว่าการประมูลราคากันระหว่างโจทก์จำเลยทำไม่ได้ เพราะการประมูลราคากันระหว่างโจทก์จำเลยหมายความว่าแข่งขันเสนอราคาสู้กันระหว่างโจทก์จำเลย เมื่อโจทก์ไม่ติดใจประมูล จำเลยก็ไม่มีโจทก์ที่จะเข้าแข่งขันเสนอราคาสู้ด้วย จะต้องดำเนินการขายทอดตลาดที่ดินพิพาททั้งหมดแล้วนำเงินมาแบ่งปันกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3340/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองมรดกโดยบุตรหลายคน และสิทธิในการแบ่งมรดกเมื่อมีการอ้างสิทธิแต่เพียงผู้เดียว
โจทก์ทั้งสี่และบิดาจำเลยร่วมกันครอบครองที่นามรดกแปลงพิพาทต่อจากเจ้ามรดก ถือได้ว่าร่วมกันรับมรดกดังกล่าวและเป็นเจ้าของที่นามรดกรายนี้ร่วมกันแล้ว แม้ภายหลังบิดาจำเลยจะเป็นฝ่ายครอบครองที่นาพิพาทแต่เพียงผู้เดียวก็ต้องถือว่าครอบครองในฐานะเจ้าของร่วมกันและแทนกันมิใช่เป็นการแย่งการครอบครองตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1375 จำเลยอยู่ในฐานะผู้สืบสิทธิของบิดาจำเลย การที่บิดาจำเลยยกที่นาแปลงพิพาทให้แก่บุตรของตนรวมทั้งจำเลยแล้วจำเลย เอาที่นาดังกล่าวขอออก น.ส.3 เป็นชื่อจำเลยและพี่น้อง ไม่ทำให้จำเลยได้สิทธิครอบครองในที่นาแปลงพิพาทในส่วนของโจทก์ทั้งสี่ เมื่อโจทก์ทั้งสี่ยื่นฟ้อง จำเลยยังไม่ถึง 1 ปี นับแต่วันที่จำเลยไม่ยินยอมแบ่งที่นาแปลงพิพาทให้ โดยอ้างว่าที่นาดังกล่าวเป็นของจำเลยและพี่น้องของจำเลยโจทก์จึงไม่หมดสิทธิที่จะฟ้องเรียกคืนซึ่งการครอบครอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3340/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองมรดก: เจ้าของร่วม การสืบสิทธิ และสิทธิในการเรียกคืนการครอบครอง
โจทก์ทั้งสี่และบิดาจำเลยร่วมกันครอบครองที่นามรดกแปลงพิพาทต่อจากเจ้ามรดก ถือได้ว่าร่วมกันรับมรดกดังกล่าวและเป็นเจ้าของที่นามรดกรายนี้ร่วมกันแล้ว แม้ภายหลังบิดาจำเลยจะเป็นฝ่ายครอบครองที่นาพิพาทแต่เพียงผู้เดียวก็ต้องถือว่าครอบครองในฐานะเจ้าของร่วมกันและแทนกัน มิใช่เป็นการแย่งการครอบครองตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1375 จำเลยอยู่ในฐานะผู้สืบสิทธิของบิดาจำเลย การที่บิดาจำเลยยกที่นาแปลงพิพาทให้แก่บุตรของตนรวมทั้งจำเลยแล้วจำเลยเอาที่นาดังกล่าวขอออก น.ส.3 เป็นชื่อจำเลยและพี่น้อง ไม่ทำให้จำเลยได้สิทธิครอบครองในที่นาแปลงพิพาทในส่วนของโจทก์ทั้งสี่ เมื่อโจทก์ทั้งสี่ยื่นฟ้องจำเลยยังไม่ถึง 1 ปี นับแต่วันที่จำเลยไม่ยินยอมแบ่งที่นาแปลงพิพาทให้ โดยอ้างว่าที่นาดังกล่าวเป็นของจำเลยและพี่น้องของจำเลย โจทก์จึงไม่หมดสิทธิที่จะฟ้องเรียกคืนซึ่งการครอบครอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3875/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งสินสมรสเมื่อหย่าต้องแบ่งเท่ากันตามสัดส่วนทรัพย์สินทั้งหมด ไม่ใช่หักกลบลบกัน
การแบ่งสินสมรสระหว่างสามีภรรยาที่หย่ากันโดยคำพิพากษาต้องแบ่งตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1533 บัญญัติไว้ คือแบ่งสินสมรสให้ชายหญิงได้ส่วนเท่ากัน จะแบ่งโดยวิธีตีราคาสินสมรสทั้งหมด แล้วคิดคำนวณส่วนที่แต่ละฝ่ายจะได้รับแล้วนำมาหักกลบลบกันหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3875/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งสินสมรสเมื่อหย่าต้องแบ่งให้ได้ส่วนเท่ากันตามกฎหมาย ไม่ใช่วิธีหักกลบลบกัน
การแบ่งสินสมรสระหว่างสามีภรรยาที่หย่ากันโดยคำพิพากษาต้องแบ่งตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1533 บัญญัติไว้ คือแบ่งสินสมรสให้ชายหญิงได้ส่วนเท่ากัน จะแบ่งโดยวิธีตีราคาสินสมรสทั้งหมด แล้วคิดคำนวณส่วนที่แต่ละฝ่ายจะได้รับแล้วนำมาหักกลบลบกันหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3408/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาแบ่งทรัพย์สินกองมรดกที่ผู้จัดการมรดกทำกับตนเองเป็นโมฆะ
การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของสามีโจทก์ร่วมกับโจทก์ เอาทรัพย์สินกองมรดกมาทำสัญญาแบ่งให้ตนเองประโยชน์ส่วนได้เสียของจำเลยย่อมเป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดก แม้จะเป็นการกระทำในฐานะส่วนตัวก็ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1722 สัญญาแบ่งทรัพย์นั้นจึงตกเป็นโมฆะ
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าบันทึกตกลงแบ่งทรัพย์สินระหว่างโจทก์จำเลยตกเป็นโมฆะ เพราะทำขึ้นโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย มิได้มีคำขอเกี่ยวกับทรัพย์สินตามสัญญานั้นแต่อย่างใด เป็นคดีที่มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าบันทึกตกลงแบ่งทรัพย์สินระหว่างโจทก์จำเลยตกเป็นโมฆะ เพราะทำขึ้นโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย มิได้มีคำขอเกี่ยวกับทรัพย์สินตามสัญญานั้นแต่อย่างใด เป็นคดีที่มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3408/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาแบ่งทรัพย์สินกองมรดกโดยผู้จัดการมรดกที่เป็นคู่กรณี เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1722
การที่จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของสามีโจทก์ร่วมกับโจทก์ เอาทรัพย์สินกองมรดกมาทำสัญญาแบ่งให้ตนเองประโยชน์ส่วนได้เสียของจำเลยย่อมเป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดก แม้จะเป็นการกระทำในฐานะส่วนตัวก็ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1722 สัญญาแบ่งทรัพย์นั้นจึงตกเป็นโมฆะ
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าบันทึกตกลงแบ่งทรัพย์สินระหว่างโจทก์จำเลยตกเป็นโมฆะ เพราะทำขึ้นโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย มิได้มีคำขอเกี่ยวกับทรัพย์สินตามสัญญานั้นแต่อย่างใด เป็นคดีที่มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าบันทึกตกลงแบ่งทรัพย์สินระหว่างโจทก์จำเลยตกเป็นโมฆะ เพราะทำขึ้นโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย มิได้มีคำขอเกี่ยวกับทรัพย์สินตามสัญญานั้นแต่อย่างใด เป็นคดีที่มีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3415/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งทรัพย์สินระหว่างเจ้าของรวมหลังหย่า ไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือฟ้องร้องได้
ทรัพย์สินของสามีภริยาเมื่อยังไม่ได้แบ่งกันมีสภาพเป็นทรัพย์สินซึ่งสามีภริยาเป็นเจ้าของรวม และการแบ่งทรัพย์สินระหว่างเจ้าของรวมนั้นอาจกระทำได้โดยแบ่งทรัพย์สินนั้นกันเองหรือโดยขายทรัพย์สินแล้วเอาเงินที่ขายได้แบ่งกัน แม้จะไม่ทำหลักฐานเป็นหนังสือต่อกันก็ฟ้องร้องให้บังคับคดีได้
โจทก์ฟ้องจำเลยเพื่อแบ่งทรัพย์สินตามที่ตกลงแบ่งกัน เมื่อหย่า แม้คำฟ้องจะไม่ได้บรรยายว่ามีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลย ก็ไม่เป็นฟ้องที่ขาดข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแต่อย่างใด
โจทก์ฟ้องจำเลยเพื่อแบ่งทรัพย์สินตามที่ตกลงแบ่งกัน เมื่อหย่า แม้คำฟ้องจะไม่ได้บรรยายว่ามีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลย ก็ไม่เป็นฟ้องที่ขาดข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาแต่อย่างใด