พบผลลัพธ์ทั้งหมด 194 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 864/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าผู้อื่นโดยไม่มีเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน พิจารณาจากเหตุการณ์ก่อนหน้าและพฤติการณ์หลังเกิดเหตุ
จำเลยกับผู้ตายไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน จำเลยรับฟังเรื่องที่ ส. น้องสาวเล่าว่าทะเลาะกับผู้ตายและผู้ตายได้ ยิงปืนขู่แล้ว ส. ให้จำเลยไปเอากระบือการที่จำเลยคว้าอาวุธปืนไปด้วย อาจเพราะเป็นเวลามือค่ำ หรือเพื่อป้องกันตัวก็ได้ อีกทั้งก่อนที่จำเลยจะยิงผู้ตายยังได้ มีการพูดจาทักทาย กันก่อน หาได้ยิงในทันทีที่พบผู้ตายไม่เช่นนี้ การกระทำผิดของจำเลยไม่เป็นการกระทำโดย ไตร่ตรอง ไว้ก่อน ตาม ป.อ. มาตรา 289(4).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4050/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและทารุณโหดร้าย: การให้สารพิษสตริกนินทยอยๆ จนผู้ตายทรมาน
จำเลยนำสารพิษสตริกนิน ให้ผู้ตายเสพรับเข้าสู่ร่างกายจนผู้ตายถึงแก่ความตาย โดยได้คิดวางแผนเตรียมการมาก่อน ถือได้ว่าจำเลยฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จำเลยทยอยให้ผู้ตายเสพรับสารพิษสตริกนิน เข้าสู่ร่างกายเป็นระยะ ๆ สุดแล้วแต่สถานการณ์ และโอกาสจะอำนวย เป็นเหตุให้ผู้ตายต้องป่วยเจ็บได้รับความทุกข์ทรมานตลอดมา จนกระทั่งเมื่อมีเหตุที่สามารถหันเหความสนใจของผู้อื่นไปจากอาการของสารพิษสตริกนิน ได้แล้วก็ได้เพิ่มจำนวนสารพิษสตริกนิน ให้ผู้ตายเสพรับเข้าสู่ร่างกายจนถึงขีดที่ร่างกายไม่สามารถต้านทาน ได้และผู้ตายถึงแก่ความตายในที่สุด ย่อมแสดงให้เห็นว่าจำเลยประสงค์จะให้ผู้ตายได้รับความลำบากอย่างสาหัสก่อนตายด้วย อันมิใช่เป็นการฆ่าโดยวิธีธรรมดาทั่ว ๆ ไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยกระทำทารุณโหดร้าย (วรรคสุดท้ายวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2532)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1654/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ใช้อาวุธปืน ยิงต่อเนื่องหลายราย ศาลลงโทษประหารชีวิต
พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 ที่ลงจากบ้านของ ช. ผู้ตายไปแล้วประมาณ 20 นาที จึงได้กลับมาใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายและผู้เสียหายดังกล่าวทันทีโดยมิได้พูดจากับใครอีกแสดงว่าจำเลยที่ 1 ตระเตรียมวางแผนมายิงผู้ตายและผู้เสียหาย จึงเป็นการกระทำโดย ไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4)
ส่วนการที่จำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายและผู้เสียหายต่อเนื่องกันทีละคนโดยไม่มีพฤติการณ์ที่เป็นการทารุณโหดร้ายแต่ละคนนั้น แม้จะมีผู้ถึงแก่ความตายเพราะถูกจำเลยยิงถึง 7 คน ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(5).(ที่มา-ส่งเสริม)
ส่วนการที่จำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายและผู้เสียหายต่อเนื่องกันทีละคนโดยไม่มีพฤติการณ์ที่เป็นการทารุณโหดร้ายแต่ละคนนั้น แม้จะมีผู้ถึงแก่ความตายเพราะถูกจำเลยยิงถึง 7 คน ก็ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(5).(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 930/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พฤติการณ์เหี้ยมโหด ริบของกลาง
ก่อนเกิดเหตุ ล. พวกจำเลยมาชวนผู้ตายและ ร. ไปดื่มสุราที่บ้านจำเลยโดยมี ด. พี่ชายจำเลยร่วมดื่มสุราด้วย ขณะดื่มสุราผู้ตายพูดขอไถ่รถจักรยานยนต์ที่จำนำไว้กับ ด. จำเลยไม่ยอมให้ไถ่ หลังจากนั้นจำเลยกับพวกก็เข้ากลุ้มรุมทำร้ายผู้ตายโดยจำเลยใช้ขวดสุราตีศีรษะผู้ตาย เมื่อผู้ตายและ ร. วิ่งหนี จำเลยก็ถือขวานวิ่งไล่ตามฟันผู้ตายถูกที่ไหล่ซ้ายและท้ายทอยล้มคว่ำลงเป็นแผลฉกรรจ์เมื่อ ร. ช่วยเหลือนำผู้ตายกลับที่พัก จำเลยได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ให้ ล. นั่งซ้อนท้ายพร้อมมีปืนลูกซองยาวซึ่ง ด. มอบให้ตามไปยิงผู้ตาย ณ ที่พักของผู้ตาย จนถึงแก่ความตายในที่สุด การกระทำของจำเลยส่อแสดงให้เห็นถึงเจตนาของจำเลยกับพวกที่มุ่งมั่นจะเอาชีวิตผู้ตายให้จงได้เป็นพฤติการณ์ที่เข้าลักษณะไตร่ตรองไว้ก่อน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 670/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยวัตถุจนถึงแก่ความตาย
จำเลยใช้ วัตถุซึ่ง ห่อด้วย กระดาษ ขนาดโต เท่าหัวแม่เท้ายาวประมาณ 1 แขน ตี ผู้ตายที่ศีรษะบริเวณหูขวาซึ่ง เป็นอวัยวะสำคัญแม้จำเลยตี เพียงครั้งเดียว แต่ จำเลยก็ตี โดย แรงเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลา 1 หรือ 2 ชั่วโมง ต่อมาเพราะระบบหายใจล้มเหลวเนื่องจากมีเลือดออกในสมอง ฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 95/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันทำร้ายจนถึงแก่ความตาย: การพิพากษาตัวการร่วม และการพิจารณาเจตนา
จำเลยทั้งสองทราบดีว่า ส. กับผู้ตายมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนวันเกิดเหตุ จำเลยทั้งสองกับ ส. เดินไปพบผู้ตายกับพวกส. ชักมีดปลายแหลมไล่แทงทำร้ายผู้ตาย จำเลยทั้งสองได้วิ่งตามส.เข้าไปด้วยเมื่อส. แทงผู้ตายแล้ว จำเลยทั้งสองได้ช่วยกันกระทืบผู้ตายซ้ำ แล้วจำเลยทั้งสองกับ ส. ก็ได้หลบหนีไปด้วยกันแสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยกับพวกที่จะร่วมกันแทงทำร้ายผู้ตายมาแต่ต้น แม้จำเลยทั้งสองจะไม่ได้แทงผู้ตาย เพียงแต่กระทืบผู้ตายอันเป็นการทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจก็ตาม เมื่อการตายของผู้ตายเกิดจากการแทงทำร้ายของพวกจำเลยก็ย่อมถือว่าจำเลยทั้งสองเป็นตัวการในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาด้วย จำเลยทั้งสองกับพวกมาพบผู้ตายโดยบังเอิญ แล้วได้ร่วมกันทำร้ายผู้ตายทันที ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองกับพวกมีแผนการหรือไตร่ตรองไว้ก่อนในการที่จะฆ่าผู้ตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 95/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ร่วมกันทำร้ายจนถึงแก่ความตาย: การพิเคราะห์เจตนาและตัวการในความผิดฐานฆ่าผู้อื่น
จำเลยทั้งสองทราบดีว่า ส. กับผู้ตายมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน วันเกิดเหตุจำเลยทั้งสองกับ ส.เดินไปพบผู้ตายกับพวก ส. ชักมีดปลายแหลมไล่แทงทำร้ายผู้ตาย จำเลยทั้งสองได้วิ่งตาม ส.เข้าไปด้วยเมื่อส.แทงผู้ตายแล้ว จำเลยทั้งสองได้ช่วยกันกระทืบผู้ตายซ้ำแล้วจำเลยทั้งสองกับ ส. ก็ได้หลบหนีไปด้วยกัน แสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยกับพวกที่จะร่วมกันแทงทำร้ายผู้ตายมาแต่ต้น แม้จำเลยทั้งสองจะไม่ได้แทงผู้ตาย เพียงแต่กระทืบผู้ตาย อันเป็นการทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจก็ตาม เมื่อการตายของผู้ตายเกิดจากการแทงทำร้ายของพวกจำเลยก็ย่อมถือว่าจำเลยทั้งสองเป็นตัวการในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาด้วย.
จำเลยทั้งสองกับพวกมาพบผู้ตายโดยบังเอิญ แล้วได้ร่วมกันทำร้ายผู้ตายทันทียังฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองกับพวกมีแผนการหรือไตร่ตรองไว้ก่อนในการที่จะฆ่าผู้ตาย.
จำเลยทั้งสองกับพวกมาพบผู้ตายโดยบังเอิญ แล้วได้ร่วมกันทำร้ายผู้ตายทันทียังฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองกับพวกมีแผนการหรือไตร่ตรองไว้ก่อนในการที่จะฆ่าผู้ตาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 95/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แม้ไม่ได้ลงมือแทงโดยตรง แต่มีส่วนร่วมทำร้ายและหลบหนี
จำเลยทั้งสองทราบดีว่า ส. กับผู้ตายมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนวันเกิดเหตุ จำเลยทั้งสองกับ ส. เดินไปพบผู้ตายกับพวก ส. ชักมีดปลายแหลมไล่แทงทำร้ายผู้ตาย จำเลยทั้งสองได้วิ่งตาม ส. เข้าไปด้วยเมื่อ ส. แทงผู้ตายแล้ว จำเลยทั้งสองได้ช่วยกันกระทืบผู้ตายซ้ำ แล้วจำเลยทั้งสองกับ ส. ก็ได้หลบหนีไปด้วยกันแสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยกับพวกที่จะร่วมกันแทงทำร้ายผู้ตายมาแต่ต้น แม้จำเลยทั้งสองจะไม่ได้แทงผู้ตาย เพียงแต่กระทืบผู้ตาย อันเป็นการทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจก็ตาม เมื่อการตายของผู้ตายเกิดจากการแทงทำร้ายของพวกจำเลยก็ย่อมถือว่าจำเลยทั้งสองเป็นตัวการในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาด้วย จำเลยทั้งสองกับพวกมาพบผู้ตายโดยบังเอิญ แล้วได้ร่วมกันทำร้ายผู้ตายทันที ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองกับพวกมีแผนการหรือไตร่ตรองไว้ก่อนในการที่จะฆ่าผู้ตาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6675/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน: พิจารณาจากพฤติการณ์ การเตรียมการ และระยะเวลา
จำเลยมีอาวุธปืนติดตัวไป แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้วางแผนตระเตรียมการไว้ล่วงหน้าที่จะฆ่าผู้ตาย แม้จำเลยพูดกับผู้ตายและ ป. ในคืนก่อนเกิดเหตุว่า พรุ่งนี้ให้ไปทำบุญงานศพของพวกเจ้า ก็อาจะเป็นการพูดต่อว่าผู้ตายเพื่อระบายความน้อยใจที่ถูกมารดาผู้ตายกีดกันความรัก ในวันเกิดเหตุจำเลยเลี้ยงวัวอยู่กับผู้ตายตั้งแต่เช้า แต่จำเลยเพิ่งใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายเมื่อเวลาประมาณ 15 นาฬิกา จำเลยอาจมีเจตนาฆ่าผู้ตายขึ้นมาในขณะที่พูดคุยอยู่กับผู้ตายซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทันใดก็ได้ พฤติการณ์ยังถือไม่ได้ว่า การกระทำของจำเลยเป็นการฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6479/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานขัดแย้ง: คำให้การชั้นสอบสวนมีน้ำหนักกว่าคำเบิกความในศาล และการพิสูจน์เจตนาฆ่าเพื่อแก้แค้น
เหตุเกิดในเวลากลางวันต่อหน้าประจักษ์พยานโจทก์ทั้งสอง คำให้การชั้นสอบสวนของประจักษ์พยานโจทก์ทั้งสองสอดคล้องตรงกันและให้การหลังเกิดเหตุไม่กี่วันก็ยืนยันว่า จำเลยเป็นคนร้ายที่ยิงผู้ตาย จึงเชื่อว่าได้ให้การไปตามความจริงที่ได้รู้ได้เห็นโดยไม่มีเหตุจูงใจหรือถูกบังคับ การที่ประจักษ์พยานโจทก์ทั้งสองมาเบิกความในชั้นพิจารณาของศาลว่าจำเลยไม่ใช่คนร้ายก็ดี จำคนร้ายไม่ได้เลยก็ดี เป็นการเบิกความบ่ายเบี่ยงไปอย่างขัดต่อเหตุผล คำให้การชั้นสอบสวนของประจักษ์พยานโจทก์ทั้งสองเชื่อได้ว่าเป็นความจริงยิ่งกว่าคำเบิกความในชั้นพิจารณาของศาล เมื่อรับฟังประกอบพยานหลักบานอื่นแล้วย่อมมีน้ำหนักรับฟังลงโทษจำเลยได้
ขณะเกิดเหตุ พวกของจำเลยถามผู้ตายว่า มึงยิงพ่อกูใช่หรือไม่ ผู้ตายตอบว่าไม่ พวกของจำเลยก็ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายแล้วจำเลยใช้อาวุธปืนยิงซ้ำ เช่นนี้ การที่จำเลยกับพวกไปยิงผู้ตายก็เพื่อแก้แค้น จึงเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ขณะเกิดเหตุ พวกของจำเลยถามผู้ตายว่า มึงยิงพ่อกูใช่หรือไม่ ผู้ตายตอบว่าไม่ พวกของจำเลยก็ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายแล้วจำเลยใช้อาวุธปืนยิงซ้ำ เช่นนี้ การที่จำเลยกับพวกไปยิงผู้ตายก็เพื่อแก้แค้น จึงเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน