คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุเมธ ทิพยมนตรี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 279 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1121/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปล้นทรัพย์ต่อเนื่องและการฆ่าเพื่อปกปิดความผิดฐานปล้นทรัพย์ ถือเป็นกรรมเดียวกัน
คนร้าย 5-6 คน ใช้ปืนขู่คนขับรถไม่ให้สู้ เอาผ้ามัดมือไพล่หลังทั้งสองคน แล้วพาขึ้นไปนั่งที่กะบะท้ายรถ คนร้ายเอาปืนจี้คุมไว้ และขับรถแล่นออกจากหมู่บ้าน ค. ไปถึงถนนเป็นระยะทาง 5 กิโลเมตร แล้วขับไปตามถนนนั้นและทางอีกสายหนึ่งเป็นระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตรหรือประมาณ 20 นาที แล้วจึงหยุดรถและถอยรถเข้า ไปในป่าข้างทาง ต่อจากนั้นก็พาคนขับรถลงเดินไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร จึงยิงและเชือดคนขับรถคันหนึ่งถึงแก่ความตาย แล้วคนร้ายก็เอารถไป แม้การปล้นนี้จะได้เริ่มขึ้นที่หมู่บ้าน ค. แต่การที่คนร้ายพาคนขับรถทั้งสองไปนั่งที่กะบะท้ายรถทั้งๆ ที่ยังถูกมัด และคนร้ายใช้ปืนจี้คุมตัวให้นั่งไปในรถเช่นนั้น เป็นการขู่เข็ญว่าจะกระทำร้ายเพื่อความปลอดภัยของคนร้ายในการปล้นทรัพย์อยู่ตลอดเวลาที่คนขับรถนั่งไปกับคนร้าย จึงมีการกระทำในการปล้นทรัพย์อยู่เรื่อย เมื่อคนร้ายหยุดรถพาคนขับรถเดินเข้าป่าไปฆ่าในทันทีนั้นก็เพื่อจะปกปิดการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ การฆ่าจึงเป็นส่วนหนึ่งของการปล้นทรัพย์จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1121/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปล้นทรัพย์ที่เชื่อมโยงกับการฆ่าเพื่อปกปิดความผิด การกระทำต่อเนื่องถือเป็นเหตุฉกรรจ์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340
คนร้าย 5 - 6 คน ใช้ปืนขู่คนขับรถไม่ให้สู้ เอาผ้ามัดมือไพล่หลังทั้งสองคน แล้วพาขึ้นไปนั่งที่กะบะท้ายรถ คนร้ายเอาปืนจี้คุมไว้และขับรถแล่นออกจากหมู่บ้าน ค. ไปถึงถนนเป็นระยะทาง 5 กิโลเมตรแล้วขับไปตามถนนนั้นและทางอีกสายหนึ่งเป็นระยะทางประมาณ10 กิโลเมตรหรือประมาณ 20 นาที แล้วจึงหยุดรถและถอยรถเข้าไปในป่าข้างทาง ต่อจากนั้นก็พาคนขับรถลงเดินไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร จึงยิงและเชือดคนขับรถคันหนึ่งถึงแก่ความตาย แล้วคนร้ายก็เอารถไป แม้การปล้นนี้จะได้เริ่มขึ้นที่หมู่บ้าน ค. แต่การที่คนร้ายพาคนขับรถทั้งสองไปนั่งที่กะบะท้ายรถทั้งๆ ที่ยังถูกมัด และคนร้ายใช้ปืนจี้คุมตัวให้นั่งไปในรถเช่นนั้น เป็นการขู่เข็ญว่าจะกระทำร้ายเพื่อความปลอดภัยของคนร้ายในการปล้นทรัพย์อยู่ตลอดเวลาที่คนขับรถนั่งไปกับคนร้าย จึงมีการกระทำในการปล้นทรัพย์อยู่เรื่อย เมื่อคนร้ายหยุดรถพาคนขับรถเดินเข้าป่าไปฆ่าในทันทีนั้นก็เพื่อจะปกปิดการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ การฆ่าจึงเป็นส่วนหนึ่งของการปล้นทรัพย์จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคท้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1113/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำลายทรัพย์สินของราชการ (สถานีตำรวจ) ไม่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 360 แต่ยังคงมีความผิดฐานทำร้ายทรัพย์สินและประพฤติตัววุ่นวาย
สถานีตำรวจเป็นสำนักราชการบ้านเมือง ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(3) แต่เป็นทรัพย์สินประเภทที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ มิใช่ทรัพย์สินที่มีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 จำเลยทำให้สถานีตำรวจเสียหาย ย่อมไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 360
จำเลยเสพสุราเมา แล้วประพฤติวุ่นวายขึ้นบนสถานีตำรวจ และใช้ปืนยิงขึ้นโดยใช่เหตุ กระสุนปืนถูกกระจกกรอบรูปแตก และถูกคานพื้นสถานีตำรวจเสียหาย เช่นนี้ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 378 กระทงหนึ่ง และตามมาตรา 376 กับมาตรา 358 อีกกระทงหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1113/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดต่อทรัพย์สินของราชการ: สถานีตำรวจเป็นทรัพย์สินเพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน ไม่ใช่สาธารณประโยชน์
สถานีตำรวจเป็นสำนักราชการบ้านเมือง ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(3) แต่เป็นทรัพย์สินประเภทที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ มิใช่ทรัพย์สินที่มีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 จำเลยทำให้สถานีตำรวจเสียหาย ย่อมไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 360
จำเลยเสพสุราเมา แล้วประพฤติวุ่นวายขึ้นบนสถานีตำรวจ และใช้ปืนยิงขึ้นโดยใช่เหตุ กระสุนปืนถูกกระจกกรอบรูปแตก และถูกคานพื้นสถานีตำรวจเสียหาย เช่นนี้ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 378 กระทงหนึ่ง และตามมาตรา 376 กับมาตรา 358 อีกกระทงหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1042-1044/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกันตัวจำเลยและเปลี่ยนตัวบุคคลมาฟังคำพิพากษาถือเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อย ละเมิดอำนาจศาล
ในคดีอาญาที่ผู้ร้องได้เข้าประกันตัวจำเลยในระหว่างพิจารณานั้น วันนัดอ่านคำพิพากษามีผู้มาฟังคำพิพากษาในฐานะจำเลยครั้นศาลได้อ่านคำพิพากษาแล้วปรากฏว่าผู้มาฟังคำพิพากษานั้นเป็นบุคคลอื่นไม่ใช่ตัวจำเลยจริง การที่มีการเปลี่ยนตัวจำเลยเช่นนี้ เมื่อฟังว่านายประกันผู้ร้องรู้เห็นด้วย ถือได้ว่านายประกันผู้ร้องประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล ย่อมเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตาม มาตรา31(1) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1042-1044/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกันตัวจำเลยแล้วมีบุคคลอื่นมาแทนที่ศาลถือว่านายประกันประพฤติตนไม่เรียบร้อย ละเมิดอำนาจศาล
ในคดีอาญาที่ผู้ร้องได้เข้าประกันตัวจำเลยในระหว่างพิจารณานั้นวันนัดอ่านคำพิพากษามีผู้มาฟังคำพิพากษาในฐานะจำเลยครั้นศาลได้อ่านคำพิพากษาแล้วปรากฏว่าผู้มาฟังคำพิพากษานั้นเป็นบุคคลอื่นไม่ใช่ตัวจำเลยจริง การที่มีการเปลี่ยนตัวจำเลยเช่นนี้เมื่อฟังว่านายประกันผู้ร้องรู้เห็นด้วย ถือได้ว่านายประกันผู้ร้องประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล ย่อมเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามมาตรา31(1) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 879/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความสะดุดหยุดเมื่อจำเลยลงชื่อใบเบิกเงิน แม้โจทก์จะยังไม่ได้รับเงินในทันที
จำเลยลงชื่อในใบเบิกเงินสำรองล่วงหน้าให้โจทก์ไปรับเงินค่าโฆษณาภาพยนตร์ในเดือนมีนาคม 2510 โดยมิได้ลงวันที่หมายความว่าโจทก์จะนำใบเบิกดังกล่าวไปเบิกเงินในวันใดภายในเดือนมีนาคม 2510. แม้จะเป็นวันสุดท้ายของเดือนก็ได้ ดังนี้กำหนดเวลาสิ้นสุดที่จะเบิกเงินจึงถือเอาวันสุดท้ายของเดือนมีนาคม 2510
การที่จำเลยลงชื่อในใบเบิกเงินสำรองมอบให้โจทก์ไปรับเงินค่าโฆษณาเท่ากับจำเลยยอมชำระค่าจ้างตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์ ถือได้ว่าอายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172,181 และเริ่มนับอายุความ 2 ปี ตาม มาตรา 165(7) ใหม่ตั้งแต่วันสุดท้ายของเดือนมีนาคม 2510 ซึ่งเป็นกำหนดเวลาสิ้นสุดที่จะเบิกเงินตามใบเบิกเงินสำรองนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 876/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่ทำโดยผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์โดยไม่ได้รับอนุญาตศาล มีผลบังคับหรือไม่ และการให้สัตยาบัน
สัญญาให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ของผู้เยาว์เกินกว่าสามปีที่บิดาผู้แทนโดยชอบธรรมเป็นผู้ทำแทนผู้เยาว์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล สัญญานั้นไม่มีผลบังคับผูกพันผู้เยาว์ตั้งแต่การเช่าครบ 3 ปีแล้วตลอดมา และไม่เป็นโมฆียะอันจะพึงบอกล้างได้จึงไม่เป็นกรณีที่ผู้เยาว์เมื่อบรรลุนิติภาวะแล้วจะให้สัตยาบันได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1550

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 876/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์โดยผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์เกิน 3 ปี ไม่ผูกพันผู้เยาว์ แม้ต่อมาจะให้สัตยาบัน
สัญญาให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ของผู้เยาว์เกินกว่าสามปี ที่บิดาผู้แทนโดยชอบธรรมเป็นผู้ทำแทนผู้เยาว์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล สัญญานั้นไม่มีผลบังคับผูกพันผู้เยาว์ตั้งแต่การเช่าครบ 3 ปีแล้วตลอดมา และไม่เป็นโมฆียะอันจะพึงบอกล้างได้ จึงไม่เป็นกรณีที่ผู้เยาว์เมื่อบรรลุนิติภาวะแล้วจะให้สัตยาบันได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1550

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 782/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อจะขายผูกพันบริษัท แม้ไม่มีการลงชื่อกรรมการครบถ้วน หากผู้จัดการลงนามในนามบริษัท
แม้สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินจะมิได้ลงชื่อกรรมการ 2 นาย และประทับตราบริษัทช้อบังคับ แต่มีข้อความระบุคู่สัญญาไว้ชัดเจนว่าเป็นที่ทำขึ้นระหว่าง ล.ผู้ขายฝ่ายหนึ่ง กับบริษัทโจทก์โดย ส.เป็นผู้จัดการ ผู้ซื้อฝ่ายหนึ่ง ดังนี้ แสดงว่า ส.ทำสัญญาในนามบริษัทโจทก์นั่นเอง หาได้ทำเป็นส่วนตัวไม่ ถือได้ว่าโจทก์เป็นคู่สัญญา สัญญาจะซื้อจะขายผูกพันบริษัทโจทก์ (อ้างฎีกาที่ 362/2512)
of 28