พบผลลัพธ์ทั้งหมด 279 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฝากเงินและใช้เงินส่วนตัวโดยไม่มีเจตนาทุจริต ถือเป็นผิดสัญญา ไม่ใช่ยักยอกทรัพย์
ผู้เสียหายฝากเงินไว้กับจำเลย ต่อมาขอคืน จำเลยคืนให้ไม่ได้อ้างว่าเอาไปใช้หมดแล้ว หลังจากนั้นผู้เสียหายไปทวงอีกหลายครั้งจำเลยขอผัดผ่อน และไม่เคยปฏิเสธ ว่าไม่ได้รับฝากเงิน จนกระทั่งผู้เสียหายไปแจ้งความ พนักงานสอบสวน เรียกไปสอบถาม จำเลยจึงปฏิเสธว่าไม่เคยรับฝากเงินจากผู้เสียหาย ดังนี้ แสดงว่าขณะที่จำเลยเอาเงินไปใช้หมด. จำเลยไม่มีเจตนาทุจริตยักยอกเงินนั้น จึงเป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่ง การที่จำเลยปฏิเสธต่อพนักงานสอบสวนในตอนหลัง ไม่ทำให้จำเลยมีความผิดฐานทุจริตยักยอกเงินที่รับฝาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 211/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต และการใช้ยานพาหนะในการกระทำความผิด ทำให้ต้องริบยานพาหนะ
ไม้ของกลางเป็นไม้หวงห้ามที่ยังไม่ได้แปรรูปและไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงประทับไว้ จำเลยรู้อยู่แล้วว่ามีผู้ตัดฟันโดยไม่ชอบ ยังนำมาไว้ในความครอบครองของจำเลยอันเป็นความผิดฐานเป็นตัวการในการกระทำความผิดตามมาตรา11,69,70,73 แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 เมื่อจำเลยมีไม้หวงห้ามดังกล่าวไว้โดยมิได้รับอนุญาต ด้วยการใช้รถยนต์ของกลางบรรทุกไม้ดังกล่าวมา อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 69 ย่อมเป็นการใช้รถยนต์ของกลางเป็นอุปกรณ์เพื่อให้ได้รับผลในการกระทำความผิดตามมาตรา 69 และมาตรา 74 ทวิ โดยตรงอยู่แล้ว จึงต้องริบรถยนต์ของกลาง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 211/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต และการใช้ยานพาหนะเป็นอุปกรณ์ในการกระทำผิด ทำให้ต้องริบรถยนต์
ไม้ของกลางเป็นไม้หวงห้ามที่ยังไม่ได้แปรรูปและไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงประทับไว้ จำเลยรู้อยู่แล้วว่ามีผู้ตัดฟันโดยไม่ชอบ ยังนำมาไว้ในความครอบครองของจำเลย อันเป็นความผิดฐานเป็นตัวการในการกระทำความผิดตามมาตรา11, 69, 70, 73แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 เมื่อจำเลยมีไม้หวงห้ามดังกล่าวไว้โดยมิได้รับอนุญาต ด้วยการใช้รถยนต์ของกลางบรรทุกไม้ดังกล่าวมา อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 69ย่อมเป็นการใช้รถยนต์ของกลางเป็นอุปกรณ์เพื่อให้ได้รับผลในการกระทำความผิดตามมาตรา 69 และมาตรา 74 ทวิ โดยตรงอยู่แล้ว จึงต้องริบรถยนต์ของกลาง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 144/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์บังคับคดีเกินความจำเป็น: พิจารณาเจตนาจำเลยและโอกาสคัดค้าน
ทรัพย์ที่โจทก์ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดมี 4 รายการแต่ละรายการราคา 80,000 บาท (หนี้จำเลยจะต้องชำระ 21,779.80 บาท)แต่โจทก์นำยึดบ้านเพียงรายการเดียว ซึ่งเป็นทรัพย์ที่จะนำยึดบางส่วนไม่ได้ทั้งเป็นบ้านที่จำเลยนำไปประกันสัญญาเงินยืมที่จำเลยทำไว้กับโจทก์จำเลยตีราคา 100,000 บาท อันเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยที่จะให้โจทก์บังคับเอากับทรัพย์ของจำเลยดังกล่าว หากจำเลยผิดสัญญาและขณะเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดบ้านหลังนี้จำเลยก็อยู่และได้ลงชื่อรับทราบการยึด แต่จำเลยก็มิได้คัดค้านหรือชี้แจง ให้โจทก์หรือเจ้าพนักงานบังคับคดีทราบว่าจำเลยยังมีทรัพย์สินอื่นๆ อะไรบ้างที่มีราคาพอแก่จำนวนหนี้ตามคำพิพากษา ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ยึดทรัพย์สินของจำเลยเกินกว่าที่จำเป็นแก่การบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 284
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 144/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์บังคับคดีเกินจำเป็น: พิจารณาเจตนาจำเลยและการไม่คัดค้านการยึด
ทรัพย์ที่โจทก์ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดมี 4 รายการแต่ละรายการราคา 80,000 บาท (หนี้จำเลยจะต้องชำระ 21,779.80 บาท) แต่โจทก์นำยึดบ้านเพียงรายการเดียว ซึ่งเป็นทรัพย์ที่จะนำยึดบางส่วนไม่ได้ทั้งเป็นบ้านที่จำเลยนำไปประกันสัญญาเงินยืมที่จำเลยทำไว้กับโจทก์จำเลยตีราคา 100,000 บาท อันเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยที่จะให้โจทก์บังคับเอากับทรัพย์ของจำเลยดังกล่าว หากจำเลยผิดสัญญาและขณะเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดบ้านหลังนี้จำเลยก็อยู่และได้ลงชื่อรับทราบการยึด แต่จำเลยก็มิได้คัดค้านหรือชี้แจง ให้โจทก์หรือเจ้าพนักงานบังคับคดีทราบว่าจำเลยยังมีทรัพย์สินอื่นๆ อะไรบ้างที่มีราคาพอแก่จำนวนหนี้ตามคำพิพากษา ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ยึดทรัพย์สินของจำเลยเกินกว่าที่จำเป็นแก่การบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 284
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2665/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิแก้คำให้การในคดีอาญา: เหตุผลอันควรเมื่อจำเลยปรึกษาทนายความและเข้าใจสิทธิในการต่อสู้คดี
จำเลยถูกฟ้องว่าพยายามฆ่าผู้อื่น ตอนแรกจำเลยให้การรับสารภาพ และไม่ต้องการทนาย ครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยได้แต่งทนาย และยื่นคำร้องขอถอนคำให้การเดิม ขอให้การใหม่ว่ามิได้กระทำผิด อ้างเหตุผลว่ารับสารภาพเพราะเข้าใจผิด และไม่ตรงต่อความจริงดังนี้ เป็นเหตุผลที่อาจเป็นไปได้ เพราะขณะจำเลยให้การรับสารภาพ จำเลยไม่มีทนายความต่อเมื่อได้ปรึกษาทนายความแล้ว จึงเกิดความเข้าใจถูกต้องในการต่อสู้คดี นับว่าเป็นเหตุอันควรเมื่อประกอบกับในคดีอาญา จำเลยย่อมมีสิทธิต่อสู้คดีได้เต็มที่ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165วรรคหนึ่ง ตามรูปคดีจึงสมควรที่จะอนุญาตให้จำเลยแก้คำให้การได้ เมื่อศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยแก้คำให้การ และสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว แล้วพิพากษาลงโทษจำเลย จึงไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2658/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวละเมิดหลายบท: การยิงพลาดทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ศาลต้องลงโทษตามบทที่มีโทษหนักที่สุด
จำเลยใช้ปืนยิง ว. สามนัด ด้วยเจตนาฆ่า กระสุนนัดแรกไม่ถูกผู้ใด กระสุนนัดที่สองพลาดไปถูก ร. ถึงแก่ความตาย และกระสุนนัดที่สามไม่ถูกผู้ใด ดังนี้เป็นการกระทำผิดกรรมเดียวละเมิดกฎหมายหลายบท คือประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80 บทหนึ่ง และมาตรา 288,60 อีกบทหนึ่ง มิใช่เป็นการกระทำผิดหลายกระทง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2658/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวละเมิดหลายบท: การลงโทษจำเลยในคดีพยายามฆ่าและทำให้ถึงแก่ความตาย
จำเลยใช้ปืนยิง ว. สามนัด ด้วยเจตนาฆ่ากระสุนนัดแรกไม่ถูกผู้ใด กระสุนนัดที่สองพลาดไปถูก ร.ถึงแก่ความตาย และกระสุนนัดที่สามไม่ถูกผู้ใด ดังนี้เป็นการกระทำผิดกรรมเดียวละเมิดกฎหมายหลายบท คือประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80 บทหนึ่ง และมาตรา 288,60 อีกบทหนึ่ง มิใช่เป็นการกระทำผิดหลายกระทง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2651/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมความในคดีแพ่งไม่กระทบสิทธิการดำเนินคดีอาญาหากสัญญาชัดเจนว่าไม่ครอบคลุมคดีอาญา
โจทก์ฟ้องคดีอาญาขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คไว้แล้ว ไปฟ้องเป็นคดีแพ่งเรียกให้จำเลยชำระเงินตามเช็คฉบับพิพาทนั้นอีกสำนวนหนึ่ง และต่อมาได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยจำเลยยอมใช้เงินตามเช็คฉบับพิพาทให้แก่โจทก์ ศาลได้มี คำพิพากษาตามยอมแล้ว เมื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความได้ระบุไว้ชัดว่า โจทก์ยอมตามจำเลยยอมเลิกคดีเฉพาะส่วนแพ่ง แสดงชัดว่าโจทก์จำเลยมิได้ประสงค์ที่จะยอมเลิกคดีอาญาต่อกัน จึงไม่เป็นผลให้สิทธิของโจทก์ที่จะดำเนินคดีอาญาระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2651/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมความในคดีแพ่งไม่กระทบสิทธิโจทก์ในการดำเนินคดีอาญาคดีความผิดต่อส่วนตัว
โจทก์ฟ้องคดีอาญาขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ ไว้แล้ว ต่อมาได้ไปฟ้องคดีแพ่งเรียกให้จำเลยชำระเงินตามเช็คฉบับพิพาทนั้นอีกสำนวนหนึ่ง แล้วได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในคดีแพ่งโดยจำเลยยอมใช้เงินตามเช็คฉบับพิพาทให้แก่โจทก์ ศาลได้มี คำพิพากษาตามยอมแล้ว เมื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความ ได้ระบุไว้ชัดว่า โจทก์ยอมตามที่จำเลยยอมเลิกคดีเฉพาะส่วนแพ่งแสดงชัดว่าโจทก์จำเลยมิได้ประสงค์ที่จะยอมเลิกคดีอาญาต่อกัน จึงไม่เป็นผลให้สิทธิของโจทก์ที่จะดำเนินคดีอาญาระงับไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(2)