พบผลลัพธ์ทั้งหมด 279 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1491/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกกล่าวการผิดสัญญาและการเลิกสัญญาซื้อขายแร่: กำหนดเวลาชำระหนี้
จำเลยไม่เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิดให้โจทก์ส่งแร่ตามกำหนดในสัญญา แต่คู่กรณีไม่ถือกำหนดเวลาเคร่งครัดตามสัญญา เมื่อจำเลยไม่เปิดเครดิตสำหรับงวดต่อไปอีก โจทก์ต้องบอกกล่าวกำหนดเวลาให้ชำระหนี้ตาม มาตรา 387 ก่อน จึงจะเลิกสัญญาและเรียกค่าเสียหายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2589/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องและการยินยอมของจำเลย: ศาลใช้ดุลพินิจอนุญาตได้
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ขอถอนคำฟ้องเพื่อฟ้องบริษัทจำกัด จำเลยแถลงว่าถ้าไม่ฟ้องจำเลยอีกเป็นส่วนตัวก็ไม่ค้าน ศาลก็ใช้ดุลพินิจให้ถอนคำฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2490/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงอนุญาโตตุลาการและการฟ้องร้องต่อศาล
กรมธรรม์ประกันภัยระบุว่า ข้อพิพาทใดๆ จากกรมธรรม์นี้ต้องมอบให้อนุญาโตตุลาการซึ่งคู่กรณีแต่งตั้งเป็นผู้ตัดสินจะฟ้องต่อศาลเลยที่เดียวไม่ได้ หมายความว่าคู่กรณีตกลงกันตั้งอนุญาโตตุลาการ แต่กรณีนี้บริษัทปฏิเสธความรับผิด ไม่เสนอตั้งอนุญาโตตุลาการ ผู้เอาประกันภัยฟ้องคดีต่อศาลได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2179/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแลกเงินและมอบใบหุ้นไม่ถือเป็นการจำนำ หากไม่มีข้อตกลงหรือเจตนาที่ชัดเจน
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยเอาเช็คมาแลกเงินสดจากโจทก์ไปสองคราวและมอบใบหุ้นให้โจทก์ยึดถือไว้ ไม่มีข้อความว่าจำเลยมอบเช็คและใบหุ้นให้โจทก์ยึดถือไว้เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ ไม่บรรยายว่าโจทก์จำเลยตกลงกันจำนำเช็คหรือใบหุ้นต่อกันกรณีไม่เป็นการจำนำ
จำเลยเอาเช็คมาแลกเงินสดไปจากโจทก์และมอบใบหุ้นให้โจทก์ยึดถือไว้โจทก์ให้ทนายมีหนังสือทวงถามให้จำเลยเอาเงินมาคืน ดังนี้ ไม่เป็นการบังคับจำนำ
จำเลยเอาเช็คมาแลกเงินสดไปจากโจทก์และมอบใบหุ้นให้โจทก์ยึดถือไว้โจทก์ให้ทนายมีหนังสือทวงถามให้จำเลยเอาเงินมาคืน ดังนี้ ไม่เป็นการบังคับจำนำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2147/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์เจ้าหนี้ที่แท้จริงในสัญญากู้ยืม: ศาลอนุญาตให้จำเลยสืบพยานเพื่อโต้แย้ง
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินกู้แก่โจทก์ตามสำเนาสัญญากู้ยืมเงินท้ายฟ้องพร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยกู้เงินโจทก์ ไม่เคยได้รับเงินใดๆ จากโจทก์ จำเลยเคยกู้เงิน ผ.ต่อมาผ. ต้องการหลักฐานการกู้ยืม แต่ไม่ประสงค์จะมีชื่อในเอกสารจึงให้ลงชื่อโจทก์แทนไว้ สัญญากู้ท้ายฟ้องไม่สมบูรณ์ ไม่มีมูลหนี้ใดๆ ระหว่างโจทก์จำเลย ทำขึ้นเพื่อปกปิดชื่อเจ้าหนี้ที่แท้จริงในนิติกรรมระหว่างจำเลยกับ ผ. เท่านั้น ทั้งจำเลยได้ชำระหนี้ให้ ผ. เรียบร้อยแล้ว ดังนี้ เท่ากับจำเลยอ้างว่าโจทก์มีชื่อเป็นผู้ให้กู้ในฐานะตัวแทน ผ.เจ้าหนี้ที่แท้จริงคือผ.. และจำเลยได้ชำระหนี้รายนี้แก่ ผ.เจ้าหนี้ที่แท้จริงแล้วโดยมีเอกสารมาแสดง จำเลยมีสิทธินำสืบพยานประกอบข้ออ้างของจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2119/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอให้ตรวจสอบเอกสารหลังสืบพยาน: เหตุผลไม่สมควร
จำเลยขอให้ส่งเอกสารกู้ไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจว่าได้เขียนเพิ่มเติมขึ้นภายหลังลงลายมือชื่อ แต่ได้ขอเมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว โดยอ้างว่าเพราะได้ตรวจเอกสารนั้นอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ดังนี้ ไม่ใช่เหตุสมควรที่จะอ้างว่าตนไม่ทราบมาก่อน ศาลไม่อนุญาต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1859/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าทดแทนความเสียหายทางละเมิดเมื่อผู้เสียหายเสียชีวิตระหว่างดำเนินคดี
ค่าทนทุกข์ทรมานซึ่งได้ฟ้องคดีแล้วผู้เสียหายจึงตายลงนั้นผู้เข้าเป็นคู่ความแทนว่าคดีต่อไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1660/2518
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างในความเสียหายจากละเมิดที่เกิดจากการปฏิบัติงาน
ว. ลูกจ้างจำเลยทำการจำหน่ายน้ำมันเบนซินโดยสูบน้ำมันจากถังน้ำมันเอาใส่ถังน้ำมันรถยนต์เก๋งคันหนึ่งในบริเวณปั๊มน้ำมันเพื่อขายให้แก่ลูกค้า ขณะที่กำลังสูบน้ำมันอยู่นั้น ว. เห็นชายคนหนึ่งเดินผ่านมาและทิ้งก้นบุหรี่ซึ่งติดไฟอยู่ลงที่พื้นข้างทางห่างจากที่ ว.กำลังสูบน้ำมันอยู่ประมาณ 1 ศอก ว. ไม่หยุดสูบน้ำมันเสียก่อนแล้วจัดการดับก้นบุหรี่หรือเก็บก้นบุหรี่นั้นไปทิ้งให้ไกลออกไปเพื่อความปลอดภัย เพลิงได้ลุกไหม้จากก้นบุหรี่แล้วลุกลามอย่างรวดเร็วไหม้ถังน้ำมันที่ ว. สูบอยู่และบริเวณปั๊ม เป็นเหตุให้รถยนต์ซึ่งโจทก์รับประกันภัยไว้ถูกไฟไหม้หมดทั้งคัน ดังนี้ เหตุที่เกิดเพลิงไหม้เป็นเพราะ ว. ลูกจ้างจำเลยกระทำโดยประมาทเลินเล่ออันเป็นการละเมิดในทางการที่จ้าง จำเลยจะต้องร่วมรับผิดด้วย
เมื่อรถยนต์คันดังกล่าวโจทก์ได้ซ่อมให้แก่ผู้เอาประกันภัยเป็นการใช้ค่าสินไหมทดแทนและวินาศภัยได้เกิดขึ้นเพราะการกระทำของบุคคลภายนอกลูกจ้างจำเลย โจทก์ผู้รับประกันภัยย่อมรับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยซึ่งมีต่อบุคคลภายนอก จำเลยผู้ต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างจึงต้องชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
ปัญหาที่ว่า ค่าเสียหายของโจทก์มีเพียงใดยังมิได้รับการพิจารณาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เพราะศาลล่างทั้งสองเห็นว่าจำเลยไม่ต้องรับผิด เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยต้องรับผิดและคู่ความได้นำสืบมาสิ้นกระแสความแล้ว ก็เห็นสมควรพิจารณาพิพากษาไปทีเดียวโดยไม่ต้องส่งสำนวนคืนไปยังศาลล่างเพื่อให้พิพากษาใหม่
เมื่อรถยนต์คันดังกล่าวโจทก์ได้ซ่อมให้แก่ผู้เอาประกันภัยเป็นการใช้ค่าสินไหมทดแทนและวินาศภัยได้เกิดขึ้นเพราะการกระทำของบุคคลภายนอกลูกจ้างจำเลย โจทก์ผู้รับประกันภัยย่อมรับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยซึ่งมีต่อบุคคลภายนอก จำเลยผู้ต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างจึงต้องชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
ปัญหาที่ว่า ค่าเสียหายของโจทก์มีเพียงใดยังมิได้รับการพิจารณาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เพราะศาลล่างทั้งสองเห็นว่าจำเลยไม่ต้องรับผิด เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยต้องรับผิดและคู่ความได้นำสืบมาสิ้นกระแสความแล้ว ก็เห็นสมควรพิจารณาพิพากษาไปทีเดียวโดยไม่ต้องส่งสำนวนคืนไปยังศาลล่างเพื่อให้พิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1660/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างในความเสียหายจากละเมิดที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่
ว.ลูกจ้างจำเลยทำการจำหน่ายน้ำมันเบนซินโดยสูบน้ำมันจากถังน้ำมันเอาใส่ถังน้ำมันรถยนต์เก๋งคันหนึ่งในบริเวณปั๊มน้ำมันเพื่อขายให้แก่ลูกค้า ขณะที่กำลังสูบน้ำมันอยู่นั้น ว.เห็นชายคนหนึ่งเดินผ่านมาและทิ้งก้นบุหรี่ซึ่งติดไปอยู่ลงที่พื้นข้างทางห่างจากที่ ว.กำลังสูบน้ำมันอยู่ประมาณ 1 ศอก ว.ไม่หยุดสูบน้ำมันเสียก่อนแล้วจัดการดับก้นบุหรี่หรือเก็บก้นบุหรี่นั้นไปทิ้งให้ไกลออกไปเพื่อความปลอดภัย เพลิงได้ลุกไหม้จากก้นบุหรี่แล้วลุกลามอย่างรวดเร็วไหม้ถังน้ำมันที่ ว.สูบอยู่และบริเวณปั๊ม เป็นเหตุให้รถยนต์ซึ่งโจทก์รับประกันภัยไว้ถูกไฟไหม้หมดทั้งคัน ดังนี้ เหตุที่เกิดเพลิงไหม้เป็นเพราะ ว.ลูกจ้างจำเลยกระทำโดยประมาทเลินเล่ออันเป็นการละเมิดในทางการที่จ้าง จำเลยจะต้องร่วมรับผิดด้วย
เมื่อรถยนต์คันดังกล่าวโจทก์ได้ซ่อมให้แก่ผู้เอาประกันภัยเป็นการใช้ค่าสินไหมทดแทนและวินาศภัยได้เกิดขึ้นเพราะการกระทำของบุคคลภายนอกลูกจ้างจำเลย โจทก์ผู้รับประกันภัยย่อมรับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยซึ่งมีต่อบุคคลภายนอก จำเลยผู้ต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างจึงต้องชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
ปัญหาที่ว่า ค่าเสียหายของโจทก์มีเพียงใดยังมิได้รับการพิจารณาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เพราะศาลล่างทั้งสองเห็นว่าจำเลยไม่ต้องรับผิด เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยต้องรับผิดและคู่ความได้นำสืบมาสิ้นกระแสความแล้ว ก็เห็นสมควรพิจารณาพิพากษาไปทีเดียวโดยไม่ต้องส่งสำนวนคืนไปยังศาลล่างเพื่อให้พิพากษาใหม่
เมื่อรถยนต์คันดังกล่าวโจทก์ได้ซ่อมให้แก่ผู้เอาประกันภัยเป็นการใช้ค่าสินไหมทดแทนและวินาศภัยได้เกิดขึ้นเพราะการกระทำของบุคคลภายนอกลูกจ้างจำเลย โจทก์ผู้รับประกันภัยย่อมรับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยซึ่งมีต่อบุคคลภายนอก จำเลยผู้ต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างจึงต้องชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์
ปัญหาที่ว่า ค่าเสียหายของโจทก์มีเพียงใดยังมิได้รับการพิจารณาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เพราะศาลล่างทั้งสองเห็นว่าจำเลยไม่ต้องรับผิด เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยต้องรับผิดและคู่ความได้นำสืบมาสิ้นกระแสความแล้ว ก็เห็นสมควรพิจารณาพิพากษาไปทีเดียวโดยไม่ต้องส่งสำนวนคืนไปยังศาลล่างเพื่อให้พิพากษาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1507/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางแพ่งจากการยักยอกทรัพย์ แม้คดีอาญาจะระงับด้วยการยอมความ
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาและคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาว่า จำเลยยักยอกเงิน ขอให้ลงโทษและให้จำเลยใช้เงินคืนแก่โจทก์ ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยรับฝากข้าวเปลือกของโจทก์ไว้ ต่อมาจำเลยได้เบียดบังเอาข้าวเปลือกของโจทก์ไปขายเสีย แล้วเบียดบังเอาเงินค่าข้าวเปลือกที่ขายได้เป็นของจำเลย เป็นความผิดฐานยักยอก แต่โจทก์จำเลยได้แสดงเจตนาเลิกคดีอาญาต่อกัน ได้ชื่อว่ายอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมาย สิทธิฟ้องคดีอาญาจึงระงับไป พิพากษายกฟ้องโจทก์ในทางอาญา แต่ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินแก่โจทก์ โจทก์ไม่อุทธรณ์ จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องโจทก์ในคดีส่วนแพ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยฟังข้อเท็จจริงตามศาลชั้นต้น จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้อง ดังนี้เมื่อคดีอาญาเป็นอันถึงที่สุดแล้ว ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจึงต้องถือตามข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา (ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46) เมื่อข้อเท็จจริงในทางอาญาได้ความว่า จำเลยรับฝากข้าวเปลือกของโจทก์ไว้แล้วนำไปขายแก่บุคคลอื่น เบียดบังเอาเงินค่าข้าวเปลือกไว้ จำเลยจึงต้องรับผิดใช้เงินค่าข้าวเปลือกนั้นให้โจทก์