คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 ม. 91

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 270 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3712/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหน้าที่ชำระภาษีบำรุงท้องที่ของทรัพย์สินที่อยู่ในความครอบครอง แม้เกิดหลังศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์
การที่เจ้าพนักงานประเมินแจ้งการประเมินไปยังจำเลย ซึ่งเป็น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพื่อให้ชำระภาษีบำรุงท้องที่ประจำปีพ.ศ. 2531 ของลูกหนี้ตามแบบแจ้งการประเมิน ภ.บ.ท.9 เป็นการปฏิบัติตามวิธีการ ที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ. ภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. 2508มาตรา 48 เพื่อให้จำเลยซึ่งมีอำนาจจัดการเกี่ยวกับกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้อุทธรณ์โต้แย้งการประเมินต่อผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ ตามมาตรา 49 หากเห็นว่าการประเมินไม่ถูกต้องมิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 91 นอกจากนี้พ.ร.บ. ล้มละลายฯ มาตรา 105 ก็บัญญัติให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ทำความเห็นส่งสำนวนเรื่องหนี้สินที่ขอรับชำระหนี้นั้นต่อศาลหาได้ให้แจ้งความเห็นไปยังผู้ขอรับชำระหนี้ไม่ ทั้งความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ไม่มีผลบังคับ เพราะศาลอาจวินิจฉัย เป็นอย่างอื่นได้ ความเห็นหรือคำวินิจฉัยของเจ้าพนักงาน พิทักษ์ทรัพย์จึงไม่ทำให้ผู้ขอรับชำระหนี้เสียหาย การที่จำเลยมีหนังสือไปยังผู้อำนวยการเขตแจ้งว่าหนี้ภาษีบำรุงท้องที่ประจำปี พ.ศ. 2531 เป็นหนี้ที่เกิดขึ้นภายหลัง พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดไม่อาจขอรับชำระได้ เท่ากับเป็นเพียงการ แจ้งความคิดเห็นของจำเลยไปยังผู้อำนวยการเขตเท่านั้น ไม่มีผล ผูกพันให้โจทก์จำต้องยื่นคำร้องคัดค้านคำวินิจฉัยของจำเลยต่อ ศาลในคดีล้มละลายตาม พ.ร.บ.ล้มละลายฯ มาตรา 146 การที่จำเลย ไม่ชำระค่าภาษีบำรุงท้องที่และเงินเพิ่มตามกฎหมายแก่โจทก์ เป็นการ โต้แย้งสิทธิโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าภาษีดังกล่าว จากจำเลยต่อศาลภาษีอากรกลางได้ ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลภาษีอากร และวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร พ.ศ. 2528 มาตรา 7 ที่ดินอันเป็นทรัพย์สินของลูกหนี้มีอยู่ในขณะที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดนั้น จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมมีหน้าที่เข้าไปจัดการ เมื่อจำเลยยังจัดการ ไม่เสร็จโดยมิได้จำหน่ายที่ดินดังกล่าวแล้วเกิดหนี้ค่าภาษีบำรุง ท้องที่ขึ้นตามกฎหมายเกี่ยวกับที่ดินที่จำเลยมีหน้าที่จัดการ จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องชำระค่าภาษีบำรุงท้องที่แทนลูกหนี้แก่โจทก์ และเมื่อการประเมินภาษีบำรุงท้องที่ของเจ้าพนักงานประเมินถูกต้อง และชอบด้วยกฎหมายแล้วดังนั้นจำเลยจึงต้องรับผิดชำระเงินค่าภาษีบำรุงท้องที่นั้นแก่โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2537/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายเวลาขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: ดุลพินิจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และความเป็นธรรมระหว่างเจ้าหนี้
เมื่อลูกหนี้ถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าหนี้ทั้งหลายที่ประสงค์จะขอรับชำระหนี้ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้ที่อยู่ในหรือนอกราชอาณาจักรต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายใน 2 เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด แต่ถ้าเจ้าหนี้อยู่นอกราชอาณาจักรก็ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ใช้ดุลพินิจขยายกำหนดเวลาให้อีกได้ไม่เกิน 2 เดือน มิใช่เป็นบทบังคับต้องขยายกำหนดเวลาให้เสมอไปจะขยายให้หรือไม่ต้องคำนึงถึงความเป็นธรรมและเหตุผลอันสมควรดังนี้ แม้ผู้ร้องจะเป็นเจ้าหนี้อยู่นอกราชอาณาจักร แต่ก็มีตัวแทนประกอบธุรกิจอยู่ในราชอาณาจักร หนี้ที่ขอรับชำระก็เป็นหนี้ที่ลูกหนี้ก่อขึ้นกับสำนักงานตัวแทนของผู้ร้องในราชอาณาจักร การที่ตัวแทนของผู้ร้องดำเนินการยื่นคำขอรับชำระหนี้นั้น ก็ได้อาศัยใบมอบอำนาจของผู้ร้องซึ่งมีอยู่แต่เดิมตัวแทนผู้ร้องก็สามารถรับรู้กำหนดเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้ได้เท่ากับเจ้าหนี้รายอื่น ๆที่อยู่ในราชอาณาจักร หากจะขยายกำหนดเวลาให้ผู้ร้อง และรับคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องย่อมไม่เป็นธรรมแก่เจ้าหนี้รายอื่น ๆ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1684/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภาระการพิสูจน์หนี้ในคดีล้มละลาย: เจ้าหนี้ต้องเสนอหลักฐาน, เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจสอบสวนแต่ไม่ผูกพัน
แม้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจสอบสวนในเรื่องหนี้สินเมื่อยื่นคำขอรับชำระหนี้โดยกล่าวอ้างว่าเป็นเจ้าหนี้ของลูกหนี้หน้าที่ในการพิสูจน์ตามข้ออ้างย่อมตกเป็นของเจ้าหนี้ที่จะต้องนำพยานหลักฐานมาให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนเพื่อแสดงถึงมูลหนี้ตามที่กล่าวอ้าง เมื่อเจ้าหนี้มิได้ส่งหลักฐานการซื้อขายที่ดินตามที่อ้างโดยแถลงอ้างพยานบุคคลเพียงผู้เดียว ดังนี้ เป็นเรื่องอยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าหนี้ในการเสนอพยานหลักฐานมิใช่หน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะต้องมีหมายเรียกพยานหลักฐานดังกล่าวมาด้วยตนเอง การขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย เจ้าหนี้ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ จะต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจสอบสวนในเรื่องหนี้สินที่ขอรับชำระ แล้วทำความเห็นเสนอศาลและศาลมีอำนาจพิจารณาสั่งตามกฎหมายต่อไป ดังนั้น แม้หนี้ที่เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้จะเป็นหนี้ตามคำพิพากษาหรือหนี้ที่เป็นมูลให้ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ก็ไม่ผูกพันเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือศาลให้จำต้องถือตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1047/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ชำระภาษีบำรุงท้องที่ของผู้จัดการทรัพย์สินลูกหนี้ในคดีล้มละลาย การแจ้งการประเมินภาษีและการโต้แย้งสิทธิ
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ ปรากฏว่าลูกหนี้เป็นหนี้ค่าภาษีบำรุงท้องที่ต่อโจทก์ เจ้าพนักงานประเมินของโจทก์จึงได้แจ้งการประเมินไปยังจำเลยเพื่อให้ชำระค่าภาษีดังกล่าว ดังนี้ การแจ้งการประเมินจึงเป็นการปฏิบัติตามวิธีการที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ.2508 มาตรา 48 ไม่ใช่เรื่องการขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา 91 การที่จำเลยมีหนังสือไปถึงผู้อำนวยการเขตลาดกระบังแจ้งว่าหนี้ค่าภาษีบำรุงท้องที่เป็นหนี้ไม่อาจขอรับชำระได้นั้น เป็นเรื่องที่นอกเหนืออำนาจตามกฎหมาย เท่ากับเป็นเพียงการแจ้งความคิดเห็นของจำเลยไปให้ผู้อำนวยการเขตลาดกระบังทราบเท่านั้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยมีคำวินิจฉัยในเรื่องคำขอรับชำระหนี้ จึงไม่มีผลผูกพันใด ๆ ต่อโจทก์ โจทก์จึงไม่ต้องร้องคัดค้านความเห็นของจำเลยตามพระราช-บัญญัติล้มละลาย มาตรา 146 ก่อน ฉะนั้น การที่จำเลยไม่ชำระค่าภาษีบำรุงท้องที่แก่โจทก์จึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
จำเลยเป็นผู้จัดการทรัพย์สินของลูกหนี้เนื่องจากลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และได้จัดให้เช่าที่ดินของลูกหนี้ จำเลยจึงมีหน้าที่ชำระภาษีบำรุงท้องที่ ตามมาตรา 35 วรรคสอง หนี้เงินภาษีดังกล่าวเป็นหนี้ที่กฎหมายบังคับให้ต้องชำระ แม้จะเกิดขึ้นภายหลังจากที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้วจำเลยก็ยังมีหน้าทื่ชำระหนี้แทนลูกหนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1047/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหน้าที่ชำระภาษีบำรุงท้องที่แทนลูกหนี้ แม้หลังศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ ปรากฏว่าลูกหนี้เป็นหนี้ค่าภาษีบำรุงท้องที่ต่อโจทก์ เจ้าพนักงานประเมินของโจทก์จึงได้แจ้งการประเมินไปยังจำเลยเพื่อให้ชำระค่าภาษีดังกล่าวดังนี้ การแจ้งการประเมินจึงเป็นการปฏิบัติตามวิธีการที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. 2508 มาตรา 48 ไม่ใช่เรื่องการขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา 91 การที่จำเลยมีหนังสือไปถึงผู้อำนวยการเขตลาดกระบังแจ้งว่าหนี้ค่าภาษีบำรุงท้องที่เป็นหนี้ไม่อาจขอรับชำระได้นั้นเป็นเรื่องที่นอกเหนืออำนาจตามกฎหมาย เท่ากับเป็นเพียงการแจ้งความคิดเห็นของจำเลยไปให้ผู้อำนวยการเขตลาดกระบังทราบเท่านั้นถือไม่ได้ว่าจำเลยมีคำวินิจฉัยในเรื่องคำขอรับชำระหนี้ จึงไม่มีผลผูกพันใด ๆ ต่อโจทก์ โจทก์จึงไม่ต้องร้องคัดค้านความเห็นของจำเลยตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 146 ก่อน ฉะนั้น การที่จำเลยไม่ชำระค่าภาษีบำรุงท้องที่แก่โจทก์จึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง จำเลยเป็นผู้จัดการทรัพย์สินของลูกหนี้เนื่องจากลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และได้จัดให้เช่าที่ดินของลูกหนี้ จำเลยจึงมีหน้าที่ชำระภาษีบำรุงท้องที่ ตามมาตรา 35 วรรคสอง หนี้เงินภาษีดังกล่าวเป็นหนี้ที่กฎหมายบังคับให้ต้องชำระ แม้จะเกิดขึ้นภายหลังจากที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว จำเลยก็ยังมีหน้าที่ชำระหนี้แทนลูกหนี้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 628/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: ผู้ค้ำประกันไม่มีสิทธิขอรับช่วงสิทธิหลังพ้นกำหนด
การที่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันหนี้ของจำเลยชำระหนี้ให้แก่ธนาคารกสิกรไทย เจ้าหนี้รายที่ 8 เมื่อพ้นระยะเวลาขอรับชำระหนี้ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ตามมาตรา 91 แห่ง พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483แล้ว ไม่ทำให้ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอรับช่วงสิทธิการขอรับชำระหนี้ของธนาคารกสิกรไทย ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่อย่างไร.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 628/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: ผู้ค้ำประกันไม่มีสิทธิรับช่วงสิทธิหลังพ้นกำหนด
การที่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันหนี้ของจำเลยชำระหนี้ให้แก่ธนาคารกสิกรไทย เจ้าหนี้รายที่ 8 เมื่อพ้นระยะเวลาขอชำระหนี้ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ตามมาตรา 91 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 แล้ว ไม่ทำให้ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอรับช่วงสิทธิการขอรับชำระหนี้ของธนาคารกสิกรไทยต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่อย่างไร.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 374/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่เสียภาษีบำรุงท้องที่หลังพิทักษ์ทรัพย์: เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจดำเนินการแทนลูกหนี้
การที่ลูกหนี้ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว แต่ยังคงเป็นเจ้าของที่ดินอยู่นั้น ย่อมมีหน้าที่เสียภาษีบำรุงท้องที่ แต่ไม่อาจจัดการทรัพย์สินโดยตนเองได้ จะต้องดำเนินการแทนโดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 22 หนี้ค่าภาษีที่เกิดขึ้นภายหลังลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์แล้วการที่โจทก์จะยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในเวลาที่พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 91 กำหนดไว้ย่อมทำไม่ได้ พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 94 มิได้บัญญัติห้ามฟ้องเกี่ยวกับหนี้ค่าภาษีบำรุงท้องที่และเงินเพิ่มซึ่งเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นโดยผลของกฎหมายหลังจากลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์แล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4942/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีเนื่องจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดของจำเลย ทำให้หนี้เกิดก่อนคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย
ขณะที่คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ศาลฎีกาได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด และได้ประกาศโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว เมื่อหนี้ตามฟ้องเป็นหนี้เงินที่มีอยู่ก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ด ขาด โจทก์จึงต้องไปดำเนินการขอรับชำระหนี้ตามวิธีการที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483คดีจึงไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาต่อไป ศาลฎีกาจึงสั่งให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3014/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำขอรับชำระหนี้ยังคงใช้ได้ แม้คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดถูกเพิกถอนและมีคำสั่งใหม่
กรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีใหม่ ซึ่งต้องนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 209 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 153 มาใช้บังคับโดยอนุโลมนั้น ต้องนำมาใช้เท่าที่ไม่ขัดกับกฎหมายล้มละลาย กล่าวคือคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดย่อมถูกเพิกถอนไปและต้องดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่เฉพาะในส่วนที่ผิดพลาดและถูกเพิกถอนเท่านั้น กระบวนพิจารณาในส่วนนี้ย่อมนำ ป.วิ.พ. มาใช้ได้ส่วนกระบวนพิจารณาที่กระทำโดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือเริ่มต้นที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว เป็นต้นว่ากรณีคำขอรับชำระหนี้ กรณีการรวบรวมและจำหน่ายทรัพย์สินโดยการมีหนังสือแจ้งความไปยังบุคคลที่เป็นหนี้ลูกหนี้ผู้ล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 119และกรณีอื่น ๆ อีกซึ่งกฎหมายกำหนดไว้ กระบวนพิจารณาเหล่านี้ย่อมดำเนินต่อไปได้ตามวิธีพิจารณาคดีล้มละลายในเรื่องนั้น ๆโดยไม่ต้องไปเริ่มต้นกระบวนพิจารณาเหล่านั้นใหม่ในกรณีที่คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเปลี่ยนแปลงไปโดยผลของคำพิพากษาศาลสูงเว้นแต่กรณีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดสิ้นผลโดยคำพิพากษาอันถึงที่สุดของศาลสูง กรณีคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องที่ยื่นไว้แต่เดิม ไม่มีส่วนใดที่ผิดกฎหมายจึงไม่ถูกเพิกถอนไปด้วยและยังคงใช้ได้อยู่ แม้ศาลอุทธรณ์จะยกคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดของศาลชั้นต้น และศาลชั้นต้นมีคำสั่งใหม่ก็ตาม เมื่อศาลชั้นต้นยังคงมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเช่นเดิมผู้ร้องไม่ต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ใหม่ ทั้งกำหนดระยะเวลาสำหรับการยื่นคำขอรับชำระหนี้ เป็นกำหนดระยะเวลาให้กระทำก่อนระยะเวลาที่กำหนดไว้สิ้นสุดลง แต่ผู้ร้องได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดครั้งแรกแล้ว แม้จะเป็นการยื่นก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดครั้งที่สองก็ถือว่าได้ยื่นไว้แล้วก่อนระยะเวลาที่กำหนดให้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามประกาศคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดครั้งที่สองสิ้นสุดลง
of 27