พบผลลัพธ์ทั้งหมด 798 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 648/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ฟ้องต้องมีเหตุอันควร: ฟ้องผิดวัน จำเลยเสียเปรียบ
พฤติการณ์ที่ถือว่า ไม่มีเหตุอันควรที่โจทก์จะขอแก้ฟ้องได้ ตามมาตรา 163 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 648/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอแก้ฟ้องต้องมีเหตุอันควร การฟ้องผิดวันไม่ใช่เหตุเข้าใจผิดเรื่องท้องที่
พฤตติการณ์ที่ถือว่า ไม่มีเหตุอันควรที่โจทก์จะขอแก้ฟ้องได้ ตามมาตรา 163 ป.ม.วิ.อาญา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 637/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขนย้ายข้าวภายในจังหวัดและการแจ้งประกาศทางกฎหมาย จำเลยไม่ต้องรับผิด
ฟ้องโจทก์หาว่า จำเลยตั้งใจขนย้ายข้าวภายในเขตจังหวัดเดียวกัน โดยขนย้ายไปทางทะเลนั้น ดังนี้การกระทำของจำเลย ไม่เป็นผิดตามมาตรา 10,13 พระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว ซึ่งเอาผิดแก่ผู้ขนย้ายข้าวออกนอกเขต ซึ่งคณะกรรมการประกาศกำหนดคดีก็ไม่มีทางลงโทษจำเลยได้
คดีหาว่า จำเลยขนย้ายข้าวทางทะเล อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศของคณะกรมการจังหวัด ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคนั้น เมื่อพยานหลักฐานฝ่ายโจทก์มิได้แสดงว่า จำเลยได้ทราบหรือควรได้ทราบประกาศของพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว คดีก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
คดีหาว่า จำเลยขนย้ายข้าวทางทะเล อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศของคณะกรมการจังหวัด ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคนั้น เมื่อพยานหลักฐานฝ่ายโจทก์มิได้แสดงว่า จำเลยได้ทราบหรือควรได้ทราบประกาศของพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว คดีก็ลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 637/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขนย้ายข้าวภายในจังหวัดเดียวกันไม่อยู่ภายใต้การบังคับใช้ พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว หากไม่มีการขนย้ายออกนอกเขต และการลงโทษต้องพิสูจน์ได้ว่าจำเลยทราบประกาศ
ฟ้องโจทก์หาว่า จำเลยตั้งใจขนย้ายข้าวภายในเขตต์จังหวัดเดียวกัน โดยขนย้ายไปทางทะเลนั้น ดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดตามมาตรา 10,13 พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว ซึ่งเอาผิดแก่ผู้ขนย้ายข้าวออกนอกเขตต์ ซึ่งคณะกรรมการประกาศกำหนดคดีก็ไม่มีทางลงโทษจำเลยได้
คดีหาว่า จำเลยขนย้ายข้าวทางทะเล อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศของคณะกรมการจังหวัด ซึ่งออกตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคนั้น เมื่อพะยานหลักฐานฝ่ายโจทก์มิได้แสดงว่าจำเลยได้ทราบหรือควรได้ทราบประกาศของพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว คดีก็ลงโทษจำเลยไม่ได้.
คดีหาว่า จำเลยขนย้ายข้าวทางทะเล อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศของคณะกรมการจังหวัด ซึ่งออกตามความใน พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคนั้น เมื่อพะยานหลักฐานฝ่ายโจทก์มิได้แสดงว่าจำเลยได้ทราบหรือควรได้ทราบประกาศของพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว คดีก็ลงโทษจำเลยไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 636/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความพินัยกรรม: เจตนาของผู้ทำพินัยกรรมสำคัญกว่ารูปแบบเอกสาร
พินัยกรรม์ต้องเป็นการแสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 1646 แม้เอกสารจะใช้คำว่า พินัยกรรม์และข้อความในตอนต้นอาจมีทางพอจะตีความว่าได้เป็นพินัยกรรม์ก็ดี แต่เมื่ออ่านข้อความตอนอื่นประกอบแล้ว เห็นว่าผู้ตายหาได้มีเจตนาจะทำพินัยกรรม์ไม่ หากเป็นหนังสือสัญญาซึ่งทำไว้แก่ฝ่ายสาว เวลาที่ผู้ตายจะได้จำเลยเป็นภริยาเท่านั้น การที่ผู้ตายเขียนคำว่า ขอทำพินัยกรรม์ ในตอนต้นจึงเป็นการใช้ถ้อยคำผิดดังนี้ เอกสารเช่นว่านั้น จึงไม่ใช่พินัยกรรม์
โจทก์มีคำขอท้ายฟ้องว่า ขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่า จำเลยไม่มีสิทธิเกี่ยวข้องในกองมฤดกของผู้ตาย และห้ามมิให้จำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องในการรับมฤดกของผู้ตาย คำขอไม่ให้เกี่ยวข้องนี้กว้างมาก หากศาลพิพากษาห้ามดังโจทก์ขอแล้ว อาจไปกระทบกระเทือนสิทธิของจำเลยซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ฟ้องร้องกันนี้ก็ได้ ฉะนั้นศาลจึงพิพากษาห้ามไม่ให้จำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องกับกองมฤดกของผู้ตาย ในฐานะเป็นผู้รับมฤดก ส่วนคำขอท้ายฟ้องที่โจทก์ขอให้ขับไล่จำเลยกับบริวารออกจากเรือนซึ่งเป็นกองมฤดกของผู้ตายก็เช่นเดียวกัน.
โจทก์มีคำขอท้ายฟ้องว่า ขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่า จำเลยไม่มีสิทธิเกี่ยวข้องในกองมฤดกของผู้ตาย และห้ามมิให้จำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องในการรับมฤดกของผู้ตาย คำขอไม่ให้เกี่ยวข้องนี้กว้างมาก หากศาลพิพากษาห้ามดังโจทก์ขอแล้ว อาจไปกระทบกระเทือนสิทธิของจำเลยซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ฟ้องร้องกันนี้ก็ได้ ฉะนั้นศาลจึงพิพากษาห้ามไม่ให้จำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องกับกองมฤดกของผู้ตาย ในฐานะเป็นผู้รับมฤดก ส่วนคำขอท้ายฟ้องที่โจทก์ขอให้ขับไล่จำเลยกับบริวารออกจากเรือนซึ่งเป็นกองมฤดกของผู้ตายก็เช่นเดียวกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 636/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทำพินัยกรรม: เอกสารที่ไม่ชัดเจนถึงเจตนาสั่งพินัยกรรม ไม่ถือเป็นพินัยกรรมที่สมบูรณ์
พินัยกรรมต้องเป็นการแสดงเจตนากำหนดการเผื่อตายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1646 แม้เอกสารจะใช้คำว่าพินัยกรรมและข้อความในตอนต้นอาจมีทางพอจะตีความว่าได้เป็นพินัยกรรมก็ดี แต่เมื่ออ่านข้อความตอนอื่นประกอบแล้ว เห็นว่าผู้ตายหาได้มีเจตนาจะทำพินัยกรรมไม่หากเป็นหนังสือสัญญาซึ่งทำไว้แก่ฝ่ายสาว เวลาที่ผู้ตายจะได้จำเลยเป็นภริยาเท่านั้น การที่ผู้ตายเขียนคำว่า ขอทำพินัยกรรม ในตอนต้นจึงเป็นการใช้ถ้อยคำผิด ดังนี้ เอกสารเช่นว่านั้น จึงไม่ใช่พินัยกรรม
โจทก์มีคำขอท้ายฟ้องว่า ขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าจำเลยไม่มีสิทธิเกี่ยวข้องในกองมรดกของผู้ตาย และห้ามมิให้จำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องในการรับมรดกของผู้ตายคำขอไม่ให้เกี่ยวข้องนี้กว้างมาก หากศาลพิพากษาห้ามดังโจทก์ขอแล้ว อาจไปกระทบกระเทือนสิทธิของจำเลยซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ฟ้องร้องกันนี้ก็ได้ ฉะนั้นศาลจึงพิพากษาห้ามไม่ให้จำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องกับกองมรดกของผู้ตาย ในฐานะเป็นผู้รับมรดก ส่วนคำขอท้ายฟ้องที่โจทก์ขอให้ขับไล่จำเลยกับบริวารออกจากเรือนซึ่งเป็นกองมรดกของผู้ตายก็เช่นเดียวกัน
โจทก์มีคำขอท้ายฟ้องว่า ขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่าจำเลยไม่มีสิทธิเกี่ยวข้องในกองมรดกของผู้ตาย และห้ามมิให้จำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องในการรับมรดกของผู้ตายคำขอไม่ให้เกี่ยวข้องนี้กว้างมาก หากศาลพิพากษาห้ามดังโจทก์ขอแล้ว อาจไปกระทบกระเทือนสิทธิของจำเลยซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ฟ้องร้องกันนี้ก็ได้ ฉะนั้นศาลจึงพิพากษาห้ามไม่ให้จำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องกับกองมรดกของผู้ตาย ในฐานะเป็นผู้รับมรดก ส่วนคำขอท้ายฟ้องที่โจทก์ขอให้ขับไล่จำเลยกับบริวารออกจากเรือนซึ่งเป็นกองมรดกของผู้ตายก็เช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 633/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเรื่องน้ำหนักทองตามสัญญาเงินกู้ การพิจารณาตามคำรับของจำเลยเมื่อไม่มีพยานสนับสนุน
คู่ความตกลงกันสืบพยานร่วมคนเดียว แล้วให้ศาลพิพากษาไปเมื่อสืบพยานร่วมเสร็จ คู่ความก็ขอให้ศาลนัดตัดสิน ดังนี้ เมื่อคำเบิกความของพยานฟังเป็นแน่นอนไม่ได้ ก็ไม่สมควรที่จะให้มีการพิจารณากันใหม่แต่ต้องกลับไปพิจารณาถึงประเด็นแห่งคดี คือ จำเลยให้การฟ้องแย้งว่าได้มอบทองไว้แก่โจทก์หนัก 4 บาท 2 สลึง โจทก์ให้การว่า ทองที่มอบไว้มีน้ำหนักเพียงบาทเดียว เมื่อจำเลยไม่มีพยานสนับสนุนคำกล่าวอ้าง ก็ต้องฟังตามคำรับ ของโจทก์ว่า มีน้ำหนักเพียงบาทเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 633/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีกู้ยืมเงินและทองรูปพรรณตามพยานหลักฐานและข้อตกลงร่วม
คู่ความตกลงกันสืบพะยานร่วมคนเดียว แล้วให้ศาลพิพากษาไป เมื่อสืบพะยานร่วมเสร็จ คู่ความก็ขอให้ศาลนัดตัดสิน ดังนี้ เมื่อคำเบิกความของพะยานฟังเป็นแน่นอนไม่ได้ ก็ไม่สมควรที่จะให้มีการพิจารณากันใหม่ แต่ต้องกลับไปพิจารณาถึงประเด็นแห่งคดี คือ จำเลยให้การฟ้องแย้งว่าได้มอบทองไว้แก่โจทก์หนัก 4 บาท 2 สลึง โจทก์ให้การว่า ทองที่มอบไว้มีน้ำหนักเพียงบาทเดียว เมื่อจำเลยไม่มีพะยานสนับสนุนคำกล่าวอ้าง ก็ต้องฟังตามคำรับของโจทก์ว่า มีน้ำหนักเพียงบาทเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 620/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการระบุสิทธิทายาทเพิ่มเติมหลังคำพิพากษา
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่า ที่ดินของนางชมตกทอดเป็นของนายกิม นายกิมตายตกทอดเป็นของผู้ร้อง คือภรรยาและบุตรอีก 3 คน ของนายกิม นายเพิ่มอ้างว่าเป็นทายาทของนางชม ยื่นคำคัดค้าน เมื่อศาลพิพากษายกคำร้องของผู้ร้อง ศาลย่อมมีอำนาจจะกล่าวไว้ในคำพิพากษาได้ว่า คำพิพากษาไม่ตัดสิทธิเด็กทั้งสามที่จะร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าตนเป็นบุตรของนายกิม และขอรับมฤดกของนายกิมต่อไปได้นั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 620/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการระบุสิทธิเรียกร้องมรดกเพิ่มเติมในคำพิพากษา
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่า ที่ดินของนางชมตกทอดเป็นของนายกิมนายกิมตายตกทอดเป็นของผู้ร้อง คือภรรยาและบุตรอีก 3 คน ของนายกิม นายเพิ่มอ้างว่าเป็นทายาทของนางชม ยื่นคำคัดค้าน เมื่อศาลพิพากษายกคำร้องของผู้ร้อง ศาลย่อมมีอำนาจจะกล่าวไว้ในคำพิพากษาได้ว่า คำพิพากษาไม่ตัดสิทธิเด็กทั้งสามที่จะร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าตนเป็นบุตรของนายกิมและขอรับมรดกของนายกิมต่อไปได้นั้น