คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ปรีชาวินิจฉัย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 798 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 110/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำลายทรัพย์สิน: การพิสูจน์เจตนาโดยตรงในการกระทำความเสียหายต่อทรัพย์สิน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจลงไปสุ่มปลาในนาของนายมาแล้วเหยียบย่ำข้าวกล้าเสียหายขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 324 ดังนี้ ฟ้องของโจทก์ไม่พอจะเข้าใจได้ว่าจำเลยมีเจตนาโดยตรงที่จะเหยียบย่ำต้นข้าวให้เสียหาย รูปคดียังไม่เป็นความผิดตามมาตรา 324 กฎหมายลักษณะอาญา./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 110/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำลายทรัพย์สิน - การขาดเจตนาโดยตรงเป็นเหตุให้ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 324
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจลงไปสุ่มปลาในนาของนายมาแล้วเหยียบย่ำข้าวกล้าเสียหายขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 324 ดังนี้ฟ้องของโจทก์ไม่พอจะเข้าใจได้ว่าจำเลยมีเจตนาโดยตรงที่จะเหยียบย่ำต้นข้าวให้เสียหาย รูปคดียังไม่เป็นความผิดตามมาตรา 324 กฎหมายลักษณะอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมไม่สมบูรณ์เนื่องจากขาดพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือ แม้มีพยานลงชื่อครบตาม กม.ลักษณะมฤดก
พินัยกรรม์ทำเมื่อก่อนใช้พระราชบัญญัติว่าด้วยการทำพินัยกรรม์ 2475 และก่อนใช้ ป.ม.แพ่ง ฯ บรรพ 6 ต้องใช้ ก.ม.ลักษณะมฤดก บทที่ 49 บังคับ.
ผู้ตายทำพินัยกรรม์เมื่อใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 1 แล้ว ในพินัยกรรม์มีพะยานลงลายมือชื่อเพียง 2 คน และมีผู้พิมพ์ลายมืออีก 2 คน แต่ไม่มีพะยานลงลายมือชื่อรับรองลายพิมพ์นิ้วมือ ดังนี้ ตาม ป.ม.แพ่งฯ บรรพ 1 มาตรา 9 บังคับให้มีพะยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือพินัยกรรม์ดั่งกล่าวจึงมีผู้ลุกนั่งเพียง 2 คน ไม่ครบ 3 คนตาม ก.ม.ลักษณะมฤดก บทที่ 49 จึงไม่สมบูรณ์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 109/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของพินัยกรรม: การบังคับใช้กฎหมายลักษณะมรดก vs. ประมวลกฎหมายแพ่งฯ และการรับรองลายพิมพ์นิ้วมือ
พินัยกรรมทำเมื่อก่อนใช้พระราชบัญญัติว่าด้วยการทำพินัยกรรมพ.ศ.2475 และก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 6 ต้องใช้กฎหมายลักษณะมรดก บทที่ 49 บังคับ
ผู้ตายทำพินัยกรรมเมื่อใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพ 1แล้ว ในพินัยกรรมมีพยานลงลายมือชื่อเพียง 2 คน และมีผู้พิมพ์ลายมืออีก 2 คน แต่ไม่มีพยานลงลายมือชื่อรับรองลายพิมพ์นิ้วมือ ดังนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 1 มาตรา 9 บังคับให้มีพยานรับรองลายพิมพ์นิ้วมือพินัยกรรมดังกล่าวจึงมีผู้ลุกนั่งเพียง 2 คน ไม่ครบ 3 คนตามกฎหมายลักษณะมรดก บทที่ 49 จึงไม่สมบูรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 100/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อจากการขับรถจักรโดยไม่มีไฟ: พิจารณาจากสภาพปฏิบัติและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยขับรถจักรโดยไม่จุดไฟในเวลากลางคืนเป็นเหตุให้รถจักรชนรถโยกทำให้คนตาย ซึ่งเป็นการผิดระเบียบข้อบังคับของกรมรถไฟ ทางพิจารณาปรากฏว่าในทางปฏิบัติหาได้ปฏิบัติโดยเคร่งครัดไม่เนื่องจากทางการไม่มีโคมพอจะจ่ายให้ ตามที่เคยปฏิบัติเสมอมาเป็นปกติ คือเมื่อเบิกโคมไฟไม่ได้ พนักงานขับรถก็ต้องขับรถทำงานตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา แม้จะมืดก็ทำงานได้โดยอาศัยความเคยชินและทั้งเป็นเขตจำกัดห้ามมิให้คนและรถอื่นเข้ามาด้วย ดังนี้ จะถือว่าการขับรถจักรโดยไม่มีโคมไฟมาเป็นการแสดงความประมาทเลินเล่อของจำเลยไม่ถนัด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 100/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อจากการขับรถจักรโดยไม่มีไฟ: เหตุสุดวิสัยและปฏิบัติขัดแย้ง
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยขับรถจักรโดยไม่จุดไฟในเวลากลางคืน เป็นเหตุให้รถจักรชนรถโยกทำให้คนตาย ซึ่งเป็นการผิดระเบียบข้อบังคับของกรมรถไฟทางพิจารณาปรากฎว่าในทางปฏิบัติหาได้ปฏิบัติโดยเคร่งครัดไม่ เนื่องจากทางการไม่มีโคมพอจะจ่ายให้ ตามที่เคยปฏิบัติเสมอมาเป็นปรกติ คือ เมื่อเบิกโคมไฟไม่ได้ พนักงานขับรถก็ต้องขับรถทำงานตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา แม้จะมืดก็ทำงานได้โดยอาศัยความเคยชินและทั้งเป็นเขตต์จำกัดห้ามมิให้คนและรถอื่นเข้ามาด้วย ดังนี้ จะถือว่าการขับรถจักรโดยไม่มีโคมไฟมาเป็นการแสดงความประมาทเลินเล่อของจำเลยไม่ถนัด./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 94/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวและการใช้สิทธิป้องกันเกินสมควรแก่เหตุในคดีทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย
ผู้ตายมีอายุ 30 ปี จำเลยมีอายุ 19 ปีรูปร่างเล็กกว่าผู้ตาย ผู้ตายได้เกิดโต้เถียงกับจำเลย มีคนห้าม ผู้ตายก็เดินเลยไป แล้วก็กลับมาหาจำเลยอีก ตรงเข้าพูดกับจำเลยว่าไม่ต้องพูดมาก แล้วผลักจำเลยเซไปกระทบกระถางต้นไม้ พอจำเลยทรงตัวได้ ผู้ตายเข้าต่อยจำเลย พอต่อยได้ทีเดียวจำเลยใช้มีดแทงสวนแล้วจำเลยก็วิ่งหนีไป ผู้ตายวิ่งไปทางเดียวกับจำเลย แล้วล้มลงขาดใจตาย ดังนี้ การที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายนั้น เป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ ไม่มีโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 92/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบธรรม: การใช้มีดเพื่อป้องกันการถูกทำร้ายจากผู้มีรูปร่างใหญ่กว่า
ผู้ตายมีอายุ 30 ปี จำเลยมีอายุ 19 ปีรูปร่างเล็กกว่า ผู้ตาย ผู้ตายได้เกิดโต้เถียง-กับจำเลย มีคนห้าม ผู้ตายก็เดินเลยไป แล้วก็กลับมาหาจำเลยอีก ตรงเข้าพูดกับจำเลยว่าไม่ต้องพูดมาก แล้วผลักจำเลยเซไปกระทบกระถางต้นไม้ พอจำเลยทรงตัวได้ ผู้ตายเข้าต่อยจำเลย พอต่อยได้ทีเดียวจำเลยใช้มีดแทงสวนแล้วจำเลยก็วิ่งหนีไป ผู้ตายวิ่งไปทางเดียวกับจำเลย แล้วล้มลงขาดใจตาย ดังนี้ การที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายนั้น เป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุไม่มีโทษ./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 81/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินและบ้านเรือนเป็นเวลากว่า 10 ปีมีผลต่อกรรมสิทธิ์ตามคำท้า
คู่ความท้าอ้างนายกอนพยานปากเดียว คำท้ามีดังนี้'ถ้านายกอนให้การว่าโจทก์ปกครองที่ดินและเรือนรายพิพาทมากว่า 10 ปีแล้ว จำเลยยอมให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินและเรือนรายพิพาททั้งหมด ถ้านายกอนให้การว่าโจทก์ปกครองเรือนและที่ดินมาไม่กว่า 10 ปีแล้ว โจทก์ยอมยกที่ดินและเรือนให้จำเลยทั้งหมด' และนายกอนให้การได้ความว่าเดิมที่ดินบ้านเรือนเป็นของบิดามารดาโจทก์ เมื่อบิดามารดาโจทก์ตายแล้ว โจทก์จำเลยอยู่ในที่รายนี้ จำเลยเพิ่งออกจากบ้านไป 6 ปี ดังนี้ แสดงว่าตอนแรกโจทก์ปกครอง จึงสมข้างจำเลยจำเลยย่อมชนะคดีตามคำท้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 78/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกขายสินค้าเกินราคาไม่เป็นความผิด หากไม่มีการขายจริง และประกาศควบคุมราคาห้ามเฉพาะการขาย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยบอกขายข้าวสารเกินราคา เป็นการฝ่าฝืนประกาศข้าหลวงประจำจังหวัด แต่ประกาศที่โจทก์อ้างเป็นแต่ห้ามการขายเกินราคา มิได้ห้ามการบอกขาย และการบอกขายยังไม่เป็นการกระทำถึงขั้นพยายามขาย คดีไม่มีทางลงโทษจำเลย
of 80