พบผลลัพธ์ทั้งหมด 798 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1220/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขนข้าวผ่านเขตห้าม การตีความ พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว 2489
พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว 2489 มาตรา 10 ห้ามมิให้ขนข้าวออกจากเขตต์ ซึ่งคณะกรรมการประกาศกำหนดมิได้ห้ามการขนผ่านเขตต์
(อ้างฎีกาที่ 506 - 507/2491)
(อ้างฎีกาที่ 506 - 507/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1220/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขนข้าวผ่านเขตห้ามตาม พรบ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว 2489 ไม่ถือเป็นความผิด
พระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว 2489 มาตรา 10 ห้ามมิให้ขนข้าวออกจากเขตซึ่งคณะกรรมการประกาศกำหนดมิได้ห้ามการขนผ่านเขต (อ้างฎีกาที่ 506-507/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1216/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเช่าที่ดินระงับเมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุด ผู้เช่าช่วงไม่มีสิทธิในที่ดิน แม้ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เมื่อศาลพิพากษาว่าสัญญาเช่าที่ดินระหว่างเจ้าของที่ดินกับผู้เช่าระงับไปแล้ว เมื่อผู้เช่าสามารถรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างไปได้เมื่อใด ก็ให้จัดการรื้อไป ย่อมแสดงว่า ผู้เช่าไม่มีสิทธิที่จะใช้ที่ดินของโจทก์เป็นที่สำหรับปลูกสร้างต่อไปแล้ว ส่วนการที่ผู้เช่าจะรื้อถอนไปเมื่อใดนั้น เป็นเรื่องของการบังคับคดี
เมื่อผู้เช่าที่ดินจากเจ้าของที่ดิน แล้วมาปลูกบ้านให้คนเช่าหมดสิทธิในที่ดินแล้ว ผู้เช่าที่ดินก็ย่อมไม่มีสิทธิจะให้ผู้ใดเข้าไปเกี่ยวข้องในที่ดินที่เช่านั้นต่อไป
จำเลยเป็นผู้เช่าเรือนโรงไปจากผู้เช่าที่ดินของโจทก์นั้นไม่ใช่เป็นผู้เช่า หรือผู้เช่าช่วงที่ดินจากโจทก์ ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน
เมื่อผู้เช่าที่ดินจากเจ้าของที่ดิน แล้วมาปลูกบ้านให้คนเช่าหมดสิทธิในที่ดินแล้ว ผู้เช่าที่ดินก็ย่อมไม่มีสิทธิจะให้ผู้ใดเข้าไปเกี่ยวข้องในที่ดินที่เช่านั้นต่อไป
จำเลยเป็นผู้เช่าเรือนโรงไปจากผู้เช่าที่ดินของโจทก์นั้นไม่ใช่เป็นผู้เช่า หรือผู้เช่าช่วงที่ดินจากโจทก์ ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1216/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการครอบครองที่ดินหลังเลิกสัญญาเช่า: ผู้เช่าช่วงไม่มีสิทธิอ้าง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ยันต่อเจ้าของที่ดิน
เมื่อศาลพิพากษาว่าสัญญาเช่าที่ดินระหว่างเจ้าของที่ดินกับผู้เช่าระงับไปแล้ว เมื่อผู้เช่าสามารถรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างไปได้เมื่อใด ก็ให้จัดการรื้อไปย่อมแสดงว่า ผู้เช่าไม่มีสิทธิที่จะใช้ที่ดินของโจทก์เป็นที่สำหรับปลูกสร้างต่อไปแล้ว ส่วนการที่ผู้เช่าจะรื้อถอนไปเมื่อใดนั้น เป็นเรื่องของการบังคับคดี
เมื่อผู้เช่าที่ดินจากเจ้าของที่ดิน แล้วมาปลูกบ้านให้คนเช่าหมดสิทธิในที่ดินแล้ว ผู้เช่าที่ดินก็ย่อมไม่มีสิทธิจะให้ผู้ใดเข้าไปเกี่ยวข้องในที่ดินที่เช่านั้นต่อไป
จำเลยเป็นผู้เช่าเรือนโรงไปจากผู้เช่าที่ดินของโจทก์นั้น ไม่ใช่เป็นผู้เช่าหรือผู้เช่าช่วงที่ดินจากโจทก์ ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน
เมื่อผู้เช่าที่ดินจากเจ้าของที่ดิน แล้วมาปลูกบ้านให้คนเช่าหมดสิทธิในที่ดินแล้ว ผู้เช่าที่ดินก็ย่อมไม่มีสิทธิจะให้ผู้ใดเข้าไปเกี่ยวข้องในที่ดินที่เช่านั้นต่อไป
จำเลยเป็นผู้เช่าเรือนโรงไปจากผู้เช่าที่ดินของโจทก์นั้น ไม่ใช่เป็นผู้เช่าหรือผู้เช่าช่วงที่ดินจากโจทก์ ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1215/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายที่ดินทำเองได้ตามกฎหมาย หากมีข้อเท็จจริงสมฟ้อง ผู้ขายมีสิทธิบังคับให้ผู้ซื้อโอนกรรมสิทธิ์
สัญญามีข้อความว่า "ข้าพเจ้านายเลื่อน จ้อยสกุล....ได้มีที่ดิน 1 แปลง... โฉนดที่ 4233......ที่ดินรายนี้มีชื่อนายเลื่อนนายโก้จ้อยสกุลจะขอมอบกรรมสิทธิ์ที่ดินรายนี้ให้นางปิ่นจ้อยสกุลซึ่งเป็นภรรยานายโก้ และนายเลื่อน จ้อยสกุลได้เอาเงินของนางปิ่นไป320บาท ที่ดินรายนี้ให้นางปิ่นเก็บกินได้ตั้งแต่วันทำสัญญา..." นั้น เป็นสัญญาจะซื้อขายที่ดินแก่กัน เพียงแต่ทำหนังสือกันเอง ก็ใช้ได้ตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1215/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายที่ดินทำได้โดยไม่จำเป็นต้องจดทะเบียน แต่มีผลผูกพันตามกฎหมายหากมีข้อเท็จจริงสมฟ้อง
สัญญามีข้อความว่า "ข้าพเจ้านายเลื่อน จ้อยสกุล....ได้มีที่ดิน 1 แปลง...โฉนดที่ 4233.....ที่ดินรายนี้มีชื่อนายเลื่อนนายโก้ จ้อยสกุล จะขอมอบกรรมสิทธิที่ดินรายนี้ให้นางปิ่น จ้อยสกุล ซึ่งเป็นภรรยานายโก้ นายเลื่อน จ้อยสกุลได้เอาเงินของนางปิ่นไป 320 บาท ที่ดินรายนี้ให้นางปิ่นเก็บกินได้ตั้งแต่วันทำสัญญา..." นั้น เป็นสัญญาจะซื้อขายที่ดินแก่กัน เพียงแต่ทำหนังสือกันเอง ก็ใช้ได้ตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วัตถุพยานในคดีอาญา: ศาลมีอำนาจวินิจฉัยแม้ไม่มีผู้ระบุอ้าง
ในคดีหาว่าจำเลยมีและจำหน่ายธนบัตรปลอม ธนบัตรปลอมของกลางที่โจทก์ขอให้ศาลริบและนำส่งเป็นของกลาง และจำเลยได้ตรวจดูแล้วไม่คัดค้านอย่างใด ธนบัตรของกลางจึงเป็นวัตถุของกลางซึ่งเป็นตัวพิพาทในคดีเป็นหน้าที่ของศาลจะต้องวินิจฉัยชี้ขาดอยู่แล้วว่าเป็นของดีหรือปลอม ถึงจะไม่มีใครระบุอ้างเป็นพยาน ศาลก็ยกขึ้นวินิจฉัยเป็นหลักฐานพยานในคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วัตถุพยานในคดีอาญา: ศาลมีอำนาจวินิจฉัยแม้ไม่มีผู้ระบุอ้างเป็นพยาน
ในคดีหาว่า จำเลยมีและจำหน่ายธนบัตรปลอม ธนบัตรปลอมของกลางที่โจทก์ขอให้ศาลริบและนำส่งเป็นของกลาง และจำเลยได้ตรวจดูแล้วไม่คัดค้านอย่างใด ธนบัตรของกลางจึงเป็นวัตถุของกลางซึ่งเป็นตัวพิพาทในคดี เป็นหน้าที่ของศาลจะต้องวินิจฉัยชี้ขาดอยู่แล้วว่าเป็นของดีหรือปลอม ถึงจะไม่มีใครระบุอ้างเป็นพยาน ศาลก็ยกขึ้นวินิจฉัยเป็นหลักฐานพยานในคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1166/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานไม่เพียงพอต่อการพิสูจน์ความผิดฐานฆ่า เนื่องจากเหตุการณ์เกิดในที่มืด
เพียงแต่คำให้การรับชั้นสอบสวนประกอบกับคำผู้ถูกทำร้ายก่อนจะตายระบุว่าจำเลยฟัน แต่ปรากฏว่าที่เกิดเหตุมืดไม่อาจแลเห็นตัวกันได้ดังนี้ ยังหาพอฟังลงโทษจำเลยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1166/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานไม่เพียงพอในการพิสูจน์ความผิดฐานฆ่า ต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานที่ชัดเจน ไม่ใช่เพียงคำให้การที่ไม่น่าเชื่อถือ
เพียงแต่คำให้การรับชั้นสอบสวนประกอบกับคำผู้ถูกทำร้ายก่อนจะตายระบุว่า จำเลยฟัน แต่ปรากฏว่าที่เกิดเหตุมืดไม่อาจแลเห็นตัวกันได้ ดังนี้ ยังหาพอฟังลงโทษจำเลยไม่