พบผลลัพธ์ทั้งหมด 798 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1149/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาขายฝากไม่แปลงเป็นจำนอง แม้มีการครอบครองและเจรจาไถ่ถอน
ทำสัญญาขายฝากตามกฎหมาย แม้ผู้ขายฝากมอบที่ให้ผู้ซื้อฝากจะมอบที่ให้ผู้ขายฝากครอบครองอยู่ ก็ไม่ทำให้เป็นสัญญาจำนอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1149/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาขายฝากกับการครอบครองที่ดิน แม้มีพฤติการณ์คล้ายจำนอง ก็ไม่ทำให้สัญญาเปลี่ยนสภาพ
ทำสัญญาขายฝากตามกฎหมาย แม้ผู้ขายฝากมอบที่ให้ ผู้ซื้อฝากจะมอบที่ให้ผู้ขายฝากครอบครองอยู่ ก็ไม่ทำให้เป็นสัญญาจำนอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1093/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสวมหมวกตำรวจโดยประสงค์ให้เชื่อว่าเป็นเจ้าพนักงาน ไม่เข้าข่ายความผิดมาตรา 128 ที่เกี่ยวกับยศบรรดาศักดิ์
ความในมาตรา 128 แห่งกฎหมายลักษณะอาญาเป็นเรื่องแต่งกายด้วยเครื่องอาภรณ์ โดยประสงค์ให้เขาเชื่อถือว่า เป็นผู้มียศบรรดาศักดิ์
จำเลยสวมหมวกตำรวจโดยประสงค์จะให้เขาเชื่อถือว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ไม่เป็นผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 128
จำเลยสวมหมวกตำรวจโดยประสงค์จะให้เขาเชื่อถือว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ไม่เป็นผิดตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 128
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1093/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสวมหมวกตำรวจโดยไม่มีเจตนาแอบอ้างยศบรรดาศักดิ์ ไม่ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 128
ความในมาตรา 128 แห่ง ก.ม.ลักษณะอาญา เป็นเรื่องแต่งกายด้วยเครื่องอาภรณ์ โดยประสงค์ให้เขาเชื่อถือว่าเป็นผู้มียศบรรดาศักดิ์
จำลยสวมหมวกตำรวจโดยประสงค์จะให้เขาเชื่อถือว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ไม่เป็นผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา 128.
จำลยสวมหมวกตำรวจโดยประสงค์จะให้เขาเชื่อถือว่าเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ไม่เป็นผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา 128.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภาระจำยอมโดยนิติกรรมต้องจดทะเบียนเพื่อให้บริบูรณ์ แม้ได้สัญญาแบ่งมฤดกก็ไม่ผูกพันจำเลยในการรื้อถอนจนกว่าจะจดทะเบียน
โจทก์ฟ้องอ้างว่า ได้ภาระจำยอมทั้งโดยอายุความ 10 ปี และโดยนิติกรรมด้วย เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้โดยนิติกรรมก็ใช้ได้
โจทก์เป็นทายาท จำเลยเป็นทายาทและเป็นผู้จัดการมฤดก ทำสัญญาแบ่งปันมฤดกกัน ซึ่งตามสัญญานี้ผูกพันทางเดินรายพิพาทซึ่งอยู่ในโฉนดของจำเลยให้ตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ ดังนี้โจทก์ย่อมฟ้องจำเลยในฐานะที่เป็นเช้าของภารยะทรัพย์ และเป็นคู่สัญญา ในสัญญาแบ่งปันมฤดกให้ไปจดทะเบียนทางรายพิพาทเป็นภาระจำยอมได้
ภาระจำยอมซึ่งเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ซึ่งได้มาโดยทางนิติกรรมทำเป็นหนังสือ เมื่อไม่ได้จดทะเบียนก็ยังไม่บริบูรณ์ตาม ม.1299 โจทก์จะฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนปลูกสร้างจากทางเดินซึ่งตกอยู่ในภาระจำยอมนั้นยังไม่ได้
โจทก์เป็นทายาท จำเลยเป็นทายาทและเป็นผู้จัดการมฤดก ทำสัญญาแบ่งปันมฤดกกัน ซึ่งตามสัญญานี้ผูกพันทางเดินรายพิพาทซึ่งอยู่ในโฉนดของจำเลยให้ตกเป็นภาระจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ ดังนี้โจทก์ย่อมฟ้องจำเลยในฐานะที่เป็นเช้าของภารยะทรัพย์ และเป็นคู่สัญญา ในสัญญาแบ่งปันมฤดกให้ไปจดทะเบียนทางรายพิพาทเป็นภาระจำยอมได้
ภาระจำยอมซึ่งเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ซึ่งได้มาโดยทางนิติกรรมทำเป็นหนังสือ เมื่อไม่ได้จดทะเบียนก็ยังไม่บริบูรณ์ตาม ม.1299 โจทก์จะฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนปลูกสร้างจากทางเดินซึ่งตกอยู่ในภาระจำยอมนั้นยังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมจากการทำสัญญาแบ่งมรดกต้องจดทะเบียนจึงบริบูรณ์ การบังคับรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทำไม่ได้จนกว่าจะจดทะเบียน
โจทก์ฟ้องอ้างว่า ได้ภารจำยอมทั้งโดยอายุความ 10 ปีและโดยนิติกรรมด้วย เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้โดยนิติกรรมก็ใช้ได้
โจทก์เป็นทายาท จำเลยเป็นทายาทและเป็นผู้จัดการมรดก ทำสัญญาแบ่งปันมรดกกันซึ่งตามสัญญานี้ผูกพันทางเดินรายพิพาทซึ่งอยู่ในโฉนดของจำเลยให้ตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ดังนี้ โจทก์ย่อมฟ้องจำเลยในฐานะที่เป็นเจ้าของภารยทรัพย์และเป็นคู่สัญญา ในสัญญาแบ่งปันมรดกให้ไปจดทะเบียนทางรายพิพาทเป็นภารจำยอมได้
ภารจำยอมซึ่งเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ซึ่งได้มาโดยทางนิติกรรมทำเป็นหนังสือ เมื่อไม่ได้จดทะเบียนก็ยังไม่บริบูรณ์ตาม มาตรา 1299 โจทก์จะฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างจากทางเดินซึ่งตกอยู่ในภารจำยอมนั้นยังไม่ได้
โจทก์เป็นทายาท จำเลยเป็นทายาทและเป็นผู้จัดการมรดก ทำสัญญาแบ่งปันมรดกกันซึ่งตามสัญญานี้ผูกพันทางเดินรายพิพาทซึ่งอยู่ในโฉนดของจำเลยให้ตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ดังนี้ โจทก์ย่อมฟ้องจำเลยในฐานะที่เป็นเจ้าของภารยทรัพย์และเป็นคู่สัญญา ในสัญญาแบ่งปันมรดกให้ไปจดทะเบียนทางรายพิพาทเป็นภารจำยอมได้
ภารจำยอมซึ่งเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ซึ่งได้มาโดยทางนิติกรรมทำเป็นหนังสือ เมื่อไม่ได้จดทะเบียนก็ยังไม่บริบูรณ์ตาม มาตรา 1299 โจทก์จะฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างจากทางเดินซึ่งตกอยู่ในภารจำยอมนั้นยังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1056/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าสิ้นสุดก่อนกฎหมายควบคุมค่าเช่าใช้บังคับ การอยู่ต่อถือเป็นการละเมิด และการพิจารณาความเป็นเคหะเดียวกันเพื่อบังคับใช้กฎหมาย
เมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุดลงก่อนใช้ พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯพ.ศ.2489 และ 2490 แล้ว การที่อยู่ต่อมาย่อมเป็นการอยู่โดยละเมิดจะอ้าง พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯทั้ง 2 ฉบับมาคุ้มครอง หาได้ไม่
ตึก 2 เลขที่ซึ่งอยู่ติดต่อกันแต่ฟ้องของโจทก์และสัญญาท้ายฟ้องซึ่งระบุสิ่งของซึ่งมีอยู่ในตึกรายนี้แยกเป็นคนละตึก แสดงว่าตึก 2 เลขหมายเป็นเคหะไม่มีข้อความใดๆ ที่แสดงว่าเป็นเคหะเดียวกันแม้ตึกรายนี้ติดต่อกัน ทำสัญญาฉบับเดียวกัน และกำหนดค่าเช่ารวมกัน ก็มิใช่แสดงว่าตึกที่เช่าเป็นเคหะเดียวกันเสมอไป เมื่อโจทก์แสดงไม่ได้ว่าตึกที่เช่าเป็นเคหะเดียว และมีค่าเช่าเกิน 40 บาทแล้ว ก็ต้องตกอยู่ในความคุ้มครองแห่ง พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ 2486 มาตรา 5
ตึก 2 เลขที่ซึ่งอยู่ติดต่อกันแต่ฟ้องของโจทก์และสัญญาท้ายฟ้องซึ่งระบุสิ่งของซึ่งมีอยู่ในตึกรายนี้แยกเป็นคนละตึก แสดงว่าตึก 2 เลขหมายเป็นเคหะไม่มีข้อความใดๆ ที่แสดงว่าเป็นเคหะเดียวกันแม้ตึกรายนี้ติดต่อกัน ทำสัญญาฉบับเดียวกัน และกำหนดค่าเช่ารวมกัน ก็มิใช่แสดงว่าตึกที่เช่าเป็นเคหะเดียวกันเสมอไป เมื่อโจทก์แสดงไม่ได้ว่าตึกที่เช่าเป็นเคหะเดียว และมีค่าเช่าเกิน 40 บาทแล้ว ก็ต้องตกอยู่ในความคุ้มครองแห่ง พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ 2486 มาตรา 5
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1056/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าสิ้นสุดแล้วอยู่ต่อไม่ได้อ้าง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า และการพิจารณาความเป็น 'เคหะเดียวกัน' เพื่อคุ้มครองตามกฎหมาย
เมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุดลงก่อนใช้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ พ.ศ. 2489 และ 2490 แล้ว การที่อยู่ต่อมาย่อมเป็นการอยู่โดยละเมิด จะอ้าง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ ทั้ง 2 ฉบับมาคุ้มครองหาได้ไม่
ตึก 2 เลขที่ซึ่งอยู่ติดต่อกันแต่ฟ้องของโจทก์และสัญญาท้ายฟ้องซึ่งระบุสิ่งของซึ่งมีอยู่ในตึกรายนี้แยกเป็นคนละตึก แสดงว่าตึก 2 เลขหมายเป็นเคหะ ไม่มีข้อความใด ๆ ที่แสดงว่าเป็นเคหะเดียวกัน แม้ตึกรายนี้ติดต่อกัน ทำสัญญาฉบับเดียวกัน และกำหนดค่าเช่ารวมกัน ก็มิใช่แสดงว่าตึกที่เช่าเป็นเคหะเดียวกันเสมอไป เมื่อโจทก์แสดงไม่ได้ว่าตึกที่เช่าเป็นเคหะเดียว และมีค่าเช่าเกิน 40 บาทแล้ว ก็ต้องตกอยู่ในความคุ้มครองแห่ง พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ 2486 มาตรา 5.
ตึก 2 เลขที่ซึ่งอยู่ติดต่อกันแต่ฟ้องของโจทก์และสัญญาท้ายฟ้องซึ่งระบุสิ่งของซึ่งมีอยู่ในตึกรายนี้แยกเป็นคนละตึก แสดงว่าตึก 2 เลขหมายเป็นเคหะ ไม่มีข้อความใด ๆ ที่แสดงว่าเป็นเคหะเดียวกัน แม้ตึกรายนี้ติดต่อกัน ทำสัญญาฉบับเดียวกัน และกำหนดค่าเช่ารวมกัน ก็มิใช่แสดงว่าตึกที่เช่าเป็นเคหะเดียวกันเสมอไป เมื่อโจทก์แสดงไม่ได้ว่าตึกที่เช่าเป็นเคหะเดียว และมีค่าเช่าเกิน 40 บาทแล้ว ก็ต้องตกอยู่ในความคุ้มครองแห่ง พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ 2486 มาตรา 5.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1045/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาขนส่ง: เหตุการณ์เรือชนจากปัจจัยภายนอก ถือเป็นอุบัติเหตุตามสัญญา
ในสัญญาขนส่งข้าวสารระบุไว้ว่า ถ้าของที่บรรทุกขาดจำนวนหรือเปียกน้ำ ผู้รับจ้างจะใช้ค่าเสียหาย หากถูกพายุหรือเอกซิเด็นท์ใดๆ ต่างยกเลิกสัญญานี้ทั้งสิ้น ปรากฏว่าเรือบรรทุกข้าวสารขณะจอดอยู่ เรือกลไฟจูงเรือพ่วงตัดหน้าในระยะใกล้ ในขณะนั้นลมแรงและน้ำเชี่ยวเรือพ่วงลำสุดท้ายชนเรือบรรทุกข้าวสารหัวเรือแตกน้ำเข้าเรือเป็นเหตุให้ข้าวสารที่บรรทุกเสียหาย ดังนี้ นับว่าเป็นเรื่องอุบัติเหตุอันเกิดขึ้นแก่การขนส่งตามความมุ่งหมายแห่งสัญญาดังกล่าวนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1045/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุบัติเหตุในการขนส่งทางเรือ: ผู้รับจ้างไม่ต้องรับผิดชอบเมื่อเกิดจากเหตุสุดวิสัยที่ไม่ใช่ความผิดของตน
ในสัญญาขนส่งข้าวสารระบุไว้ว่า ถ้าของที่บันทุกขาดจำนวนหรือเปียกน้ำ ผู้รับจ้างจะใช้ค่าเสียหาย หากถูกพายุหรือเอกซิเด็นท์ใด ๆ ต่างยกเลิกสัญญานี้ทั้งสิน ปรากฏว่าเรือบันทุกข้าวสารขณะจอดอยู่ เรือกลไฟจูงเรือพ่วงตัดหน้าในระยะใกล้ ในขณะนั้นลมแรงและน้ำเชี่ยว เรือพ่วงลำสุดท้ายชนเรือบันทุกข้าวสารหัวเรือแตกน้ำเข้าเรือ เป็นเหตุให้ข้าวสารที่บันทุกเสียหายดังนี้ นับว่าเป็นเรื่องอุบัติเหตุอันเกิดขึ้นแก่การขนส่งตามความมุ่งหมายแห่งสัญญาดังกล่าวนี้