พบผลลัพธ์ทั้งหมด 798 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 418/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบเรือมาดจากการขนย้ายข้าวผิดกฎหมาย แม้เช่ามาก็ต้องริบหากไม่มีหลักฐาน
พระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าวบัญญัติไว้ชัดว่าการขนย้ายข้าวออกนอกเขต ฯลฯ ให้ริบข้าวรวมทั้งสิ่งบรรจุและพาหนะใดๆที่ใช้บรรทุกข้าวนั้นเสียเป็นการบังคับไว้ให้ริบ
จำเลยใช้เรือมาดซึ่งฟังได้ว่าเป็นเรือของจำเลยบรรทุกข้าวออกนอกเขตฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าว ศาลต้องริบเรือมาดที่ใช้เป็นพาหนะนั้นเสียด้วยโดยไม่ต้องคำนึงว่า การบรรทุกข้าวเป็นปัจจัยสำคัญหรือไม่
จำเลยใช้เรือมาดซึ่งฟังได้ว่าเป็นเรือของจำเลยบรรทุกข้าวออกนอกเขตฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าว ศาลต้องริบเรือมาดที่ใช้เป็นพาหนะนั้นเสียด้วยโดยไม่ต้องคำนึงว่า การบรรทุกข้าวเป็นปัจจัยสำคัญหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 418/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบเรือมาดที่ใช้บรรทุกข้าวผิดกฎหมาย พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว แม้จะเช่ามาก็ต้องริบหากพิสูจน์ไม่ได้
พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว บัญญัติไว้ชัดว่า การขนข้าวย้ายออกนอกเขตต์ ฯลฯ ให้ริบข้าวรวมทั้งสิ่งบรรจุและพาหนะใด ๆ ที่ใช้บรรทุกข้าวนั้นเสีย เป็นการบังคับไว้ให้ริบ +จำเลยใช้เรือมาดซึ่งฟังได้ว่าเป็น+ของจำเลยบรรทุกข้าวออกนอกเขตต์ ฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าว ศาลต้องริบเรือมาดที่ใช้เป็นพาหนะนั้นเสียด้วย โดยไม่ต้องคำนึงว่า การบรรทุกข้าวเป็นปัจจับสำคัญหรือไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 407/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับเงินค่าเสียหายแทนเจ้าของทรัพย์สิน ทำให้เกิดหน้าที่ต้องส่งมอบเงินให้เจ้าของทรัพย์สินเดิม
เจ้าของรถม้ารับเงินค่าเสียหายจากฝ่ายเจ้าของรถยนตร์ที่ขับชนรถม้า และเครื่องเรือนของผู้อื่นที่ตนรับจ้างบรรทุกเสียหาย โดยรู้ดีว่าเงินทดแทนค่าเสียหายนั้นเป็นส่วนของเจ้าของเครื่องเรือนด้วย ส่วนหนี่งดังนี้ ถือว่าเจ้าของรถม้ารับแทนเจ้าของเครื่องเรือนด้วยจึงก่อให้เกิดหน้าที่ที่จะต้องนำเงินนั้นส่งแก่เจ้าของเครื่องเรือน เมื่อไม่ส่งหรือไม่ยอมให้ก็เป็นการโต้แย้งสิทธิตาม ป.วิ.แพ่งมาตรา 55 โจทก์ฟ้องร้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 407/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับเงินทดแทนแทนเจ้าของทรัพย์เสียหาย ก่อให้เกิดหน้าที่ส่งมอบเงินให้เจ้าของทรัพย์ โต้แย้งสิทธิฟ้องร้องได้
เจ้าของรถม้ารับเงินค่าเสียหายจากฝ่ายเจ้าของรถยนต์ที่ขับชนรถม้าและเครื่องเรือนของผู้อื่นที่ตนรับจ้างบรรทุกเสียหาย โดยรู้ดีว่าเงินทดแทนค่าเสียหายนั้นเป็นส่วนของเจ้าของเครื่องเรือนด้วยส่วนหนึ่งดังนี้ถือว่าเจ้าของรถม้ารับแทนเจ้าของเครื่องเรือนด้วย จึงก่อให้เกิดหน้าที่ที่จะต้องนำเงินนั้นส่งแก่เจ้าของเครื่องเรือน เมื่อไม่ส่งหรือไม่ยอมให้ก็เป็นการโต้แย้งสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55โจทก์ฟ้องร้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 402-405/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งปริมาณข้าวเปลือก: เจตนาฝ่าฝืนและความแตกต่างของกฎหมาย
คณะกรรมการจังหวัดได้ออกประกาศให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองข้าวเปลือก ไปแจ้งปริมาณสถานที่เก็บ ตามอำนาจในพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคนั้น แม้เรื่องการแจ้งปริมาณและสถานที่เก็บข้าวจะมีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัติสำรวจห้ามกักกันข้าวซึ่งออกใช้ภายหลังก็ดีศาลก็จะใช้ พระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าวแทนพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ ไม่ได้ เพราะกฎหมายทั้งสองนี้มีความมุ่งหมายต่างกัน
ผู้ที่ไม่แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บตามประกาศของคณะกรรมการจังหวัดซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความในพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคฯลฯ นั้น ถ้าไม่ทราบประกาศดังกล่าวแล้วนั้นก็ถือว่าไม่มีเจตนาฝ่าฝืน ยังไม่ผิด
คดีที่จำเลยรับสารภาพตามฟ้อง หากโจทก์ต้องสืบพยานประกอบคำรับ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 เมื่อพยานที่นำสืบกลับฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดเช่นนี้ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องได้
ผู้ที่ไม่แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บตามประกาศของคณะกรรมการจังหวัดซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความในพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคฯลฯ นั้น ถ้าไม่ทราบประกาศดังกล่าวแล้วนั้นก็ถือว่าไม่มีเจตนาฝ่าฝืน ยังไม่ผิด
คดีที่จำเลยรับสารภาพตามฟ้อง หากโจทก์ต้องสืบพยานประกอบคำรับ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 เมื่อพยานที่นำสืบกลับฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดเช่นนี้ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 356/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจศาลในการส่งตัวผู้ต้องโทษไปกักกัน พิจารณาจากระยะห่างของโทษและความร้ายแรงของโทษปัจจุบัน
ในคดีที่โจทก์ขอให้ส่งตัวจำเลยไปกักกัน ตาม พ.ร.บ.กักกัน ฯลฯ มาตรา 8-9 นั้น เมื่อปรากฏต้องโทษครั้งที่หนึ่งจำเลยต้องจำคุก 3 เดือน พ้นโทษ พ.ศ.2466 โทษครั้งที่ 2 ต้องจำคุก 8 ปี พ้นโทษ พ.ศ.2475 โทษครั้งที่ 3 ต้องจำคุก 8 เดือน พ้นโทษ พ.ศ.2479 ดังนี้เป็นการต้องโทษระยะห่าง ๆ กัน และเมื่อต้องโทษครั้งที่ฟ้องนี้เพียง 6 เดือนเท่านั้น ศาลย่อมใช้ดุลยพินิจไม่ส่งตัวจำเลยไปกักกันได้
ศาลชั้นต้นให้จำคุก 6 เดือน+ไปกักกัน 3 ปี ศาลอุทธรณ์ให้+โทษกักกัน โจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงในเรื่องกักกันได้
ศาลชั้นต้นให้จำคุก 6 เดือน+ไปกักกัน 3 ปี ศาลอุทธรณ์ให้+โทษกักกัน โจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงในเรื่องกักกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 356/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจศาลในการส่งตัวผู้ต้องโทษไปกักกัน พิจารณาจากระยะห่างของการต้องโทษและความร้ายแรงของโทษ
ในคดีนี้ที่โจทก์ขอให้ส่งตัวจำเลยไปกักกันตาม พระราชบัญญัติกักกันฯลฯ มาตรา 8-9 นั้น เมื่อปรากฏว่าโทษครั้งที่หนึ่งจำเลยต้องจำคุก 3 เดือนพ้นโทษ พ.ศ.2466 โทษครั้งที่ 2 ต้องจำคุก 8 ปี พ้นโทษ พ.ศ.2475 โทษครั้งที่ 3 ต้องจำคุก 8 เดือนพ้นโทษ พ.ศ.2479 ดังนี้ เป็นการต้องโทษระยะห่างๆ กันและเมื่อต้องโทษครั้งที่ฟ้องนี้เพียง 6 เดือนเท่านั้น ศาลย่อมใช้ดุลพินิจไม่ส่งตัวจำเลยไปกักกันได้
ศาลชั้นต้นให้จำคุก 6 เดือนส่งไปกักกัน 3 ปีศาลอุทธรณ์ให้ยกโทษกักกัน โจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงในเรื่องกักกันได้
ศาลชั้นต้นให้จำคุก 6 เดือนส่งไปกักกัน 3 ปีศาลอุทธรณ์ให้ยกโทษกักกัน โจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงในเรื่องกักกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 315/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญายืมใช้สิ้นเปลือง - หลักฐานการกู้ยืม - การบังคับคดี
จำเลยนำสายพานมามอบไว้กับโจทก์เพื่อขายแต่ยังขายไม่ได้จำเลยจึงขอให้โจทก์จ่ายเงินค่าสายพานให้จำเลยไปก่อนถ้ามีผู้ซื้อสายพานได้ตามที่นัดไว้ จำเลยก็ไม่ต้องชำระเงินคืน ถ้าผู้ซื้อไม่มาซื้อ จำเลยจะต้องชำระเงินคืน ข้อตกลงเช่นนี้เป็นสัญญายืมใช้สิ้นเปลืองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 650 ถ้าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือแล้วจะฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 315/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญายืมใช้สิ้นเปลืองไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ฟ้องบังคับคดีไม่ได้
จำเลยนำสายพานมามอบไว้กับโจทก์เพื่อขาย แต่ยังขายไม่ได้ จำเลยจึงขอให้โจทก์จ่ายเงินค่าสายพานให้จำเลยไปก่อน ถ้ามีผู้ซื้อสายพานได้ตามที่นัดไว้ จำเลยก็ไม่ต้องชำระเงินคืน ถ้าผู้ซื้อไม่มาซื้อ จำเลยจะต้องชำระเงินคืน ข้อตกลงเช่นนี้เป็นสัญญายืมใช้สิ้นเปลืองตาม ป.พ.พ.มาตรา 650 ถ้าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือแล้วจะฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 295/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาโอนที่ดินเพื่อการสมรส: พิจารณาจากสิ่งตอบแทนและประเภทสัญญา
สัญญาให้ตามมาตรา 521 นั้น เป็นสัญญาที่ไม่มีสิ่งตอบแทน.
สัญญาที่ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงทำไว้กับผู้ใหญ่ฝ่ายชายว่า จะยกที่ดินให้แก่คู่สมรสภายใน 5 ปี นับแต่วันสมรส แต่ถ้าคู่สมรสทอดทิ้งไม่อุปการะผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงซึ่งเป็นผู้ให้แล้ว ผู้ให้จะยังไม่โอนที่ดินให้ดั่งนี้ เป็นสัญญาที่มีการตอบแทน จึงไม่เป็นสัญญาให้ตาม ม.521 แต่เป็นสัญญาซึ่งสมัยก่อนเรียกว่าสัญญากองทุนในการสมรส คู่สมรสฟ้องให้บังคับตามสัญญาได้
ในกรณีที่ศาลฎีกาให้ย้อนสำนวนไปพิจารณาพิพากษาใหม่นั้น ศาลสูงสั่งให้รวมสั่งค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ตอนพิพากษาใหม่ได้
สัญญาที่ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงทำไว้กับผู้ใหญ่ฝ่ายชายว่า จะยกที่ดินให้แก่คู่สมรสภายใน 5 ปี นับแต่วันสมรส แต่ถ้าคู่สมรสทอดทิ้งไม่อุปการะผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงซึ่งเป็นผู้ให้แล้ว ผู้ให้จะยังไม่โอนที่ดินให้ดั่งนี้ เป็นสัญญาที่มีการตอบแทน จึงไม่เป็นสัญญาให้ตาม ม.521 แต่เป็นสัญญาซึ่งสมัยก่อนเรียกว่าสัญญากองทุนในการสมรส คู่สมรสฟ้องให้บังคับตามสัญญาได้
ในกรณีที่ศาลฎีกาให้ย้อนสำนวนไปพิจารณาพิพากษาใหม่นั้น ศาลสูงสั่งให้รวมสั่งค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ตอนพิพากษาใหม่ได้