พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,190 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 556/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 เนื่องจากเป็นการแก้ไขเล็กน้อย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยร่นเขยิบเสาเรือนต้นสุดท้ายริมน้ำเข้าไปในที่ดินของจำเลย 2 ศอก และห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้องขัดขวางโจทก์ที่จะใช้สิทธิบนเส้นทางเดินต่อไป ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยรื้อถอนเสาเรือนและสิ่งกีดขวางเปิดทางให้ได้ความกว้าง 1 วา 22 นิ้ว ให้จำเลยทำทางทำสะพานให้เป็นไปตามสภาพเดิม ดังนี้ เป็นการแก้ไขเล็กน้อยฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 556/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยศาลอุทธรณ์: ขอบเขตการแก้ไขเล็กน้อยตาม ป.วิ.แพ่ง 248
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยร่นเขยิบเสาเรือนต้นสุดท้ายริมน้ำเข้าไปในที่ดินของจำเลย 2 ศอก และห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้องขัดขวางโจทก์ที่จะใช้สิทธิบนเส้นทางเดินต่อไป ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยรื้อถอนเสาเรือนและสิ่งกีดขวางเปิดทางให้ได้ความกว้าง 1 วา 22 นิ้ว ให้จำเลยทำทางทำสะพานให้เป็นไปตามสภาพเดิม ดังนี้ เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 248.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 505/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ กรณีภารโรงผู้ดูแลทรัพย์สินของราชการนำไปใช้ส่วนตัว
จำเลยรับราชการเป็นภารโรงในกองหนังสือสำคัญกรมที่ดินมีหน้าที่ดูแลรักษาความสะอาด ปิดเปิดประตูหน้าต่างดูแลรักษาทรัพย์สมบัติของทางราชการโดยทั่วไปในกองหนังสือสำคัญ จำเลยเลื่อนขึ้นรับเงินเดือนตำแหน่งเสมียน แต่ยังคงทำงานในหน้าที่ภารโรงตามเดิม จำเลยเป็นผู้ถือลูกกุญแจตู้ที่เก็บของ และถือลูกกุญแจห้องที่ไขตู้ด้วย เสมียนในกองหนังสือสำคัญเป็นผู้มอบทรัพย์ให้จำเลยดูแลรักษาตามคำสั่งหัวหน้ากอง จำเลยได้เอาทรัพย์สิ่งของต่างๆ อันเป็นของใช้ในราชการกองหนังสือสำคัญ ซึ่งเก็บไว้ในตู้เก็บของไป ดังนี้ จำเลยย่อมมีผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 505/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานทุจจริตต่อหน้าที่ แม้ตำแหน่งไม่ใช่เจ้าหน้าที่โดยตรง แต่มีหน้าที่ดูแลทรัพย์สินของราชการ
จำเลยรับราชการเป็นภารโรงในกองหนังสือสำคัญกรมที่ดิน มีหน้าที่ดูแลรักษาความสะอาด ปิดเปิดประตูหน้าต่าง ดูแลรักษาทรัพย์สมบัติของทางราชการโดยทั่วไปกองหนังสือสำคัญ จำเลยเลื่อนขึ้นรับเงินเดือนตำแหน่งเสมียน แต่ยังคงทำงานในหน้าที่ภารโรงตามเดิม จำเลยเป็นผู้ถือลูกกุญแจตู้ที่เก็บของ และถือลูกกุญแจห้องที่ไขตู้ด้วย เสมียนในกองหนังสือสำคัญเป็นผู้มอบทรัพย์ให้จำเลยดูแลรักษาตามคำสั่งหัวหน้ากอง จำเลยได้เอาทรัพย์สิ่งของต่าง ๆ อันเป็นของใช้ในราชการกองหนังสือสำคัญไป ดังนี้ จำเลยย่อมมีผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานทุจจริตต่อหน้าที่ตาม ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา 131.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 503/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบข้าวสารลักลอบออกนอกราชอาณาจักร แม้จำเลยจะขายไปแล้ว ศาลยังสามารถพิพากษาให้ริบราคาแทนได้
จำเลยมีผิดฐานลักลอบนำข้าวสาร 14 กระสอบ ราคา 1,680 บาทออกไปนอกราชอาณาจักร และข้าวรายนี้กำลังอยู่ในความรักษาของเจ้าหน้าที่ในเมืองต่างประเทศ ดังนี้ ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 29ศาลย่อมพิพากษาให้ริบข้าวสาร 14 กระสอบได้ ถ้าจำเลยส่งข้าวสารไม่ได้ ก็ต้องใช้ราคาข้าวแทน
(ดูฎีกาที่ 742/2491)
(ดูฎีกาที่ 742/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 503/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบข้าวสารลักลอบนำออกนอกราชอาณาจักร แม้จำเลยจะขายไปแล้ว ก็ยังสามารถบังคับตามกฎหมายได้
จำเลยมีผิดฐานลักลอบนำข้าวสาร 14 กระสอบ ราคา 1680 บาทออกไปนอกราชอาณาจักร และข้าวรายนี้กำลังอยู่ในความรักษาของเจ้าหน้าที่ในเมืองต่างประเทศ ดังนี้ ตาม ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา 29 ศาลย่อมพิพากษาให้ริบข้าวสาร 14 กระสอบได้ ถ้าจำเลยส่งข้าวสารไม่ได้ ก็ต้องใช้ราคาข้าวแทน
(ดูฎีกาที่ 742/2491)
(ดูฎีกาที่ 742/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวในการทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาเหตุผลและความสมควรในการกระทำ
ฟ้องโจทก์กล่าวว่า จำเลยที่ 1 มีมีดซุยฝ่ายหนึ่ง จำเลย ที่ 2,3,4 อีกฝ่ายหนึ่ง ต่างสมัครใจเข้าวิวาททำร้ายซึ่งกันและกัน โดยจำเลยที่ 1 ใช้มีดซุยแทงจำเลยที่2,3,4ใช้ขวานและไม้ตะบองตีจำเลยที่ 1ถึงบาดเจ็บ จำเลยที่ 3 มีแผลถูกแทงที่หน้าอก 1 แห่งบาดเจ็บสาหัส ดังนี้ ฟ้องของโจทก์พอเข้าใจได้ว่าจำเลยที่ 1 ใช้มีดซุยแทงถูกจำเลยที่ 3 ที่หน้าอก 1 แห่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวและการทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาเหตุแห่งการกระทำและความเหมาะสมของโทษ
ฟ้องโจทก์กล่าวว่า จำเลยที่ 1 มีมีดซุยฝ่ายหนึ่ง จำเลยที่ 2, 3, 4 อีกฝ่ายหนึ่ง ต่างสมัครใจเข้าวิวาททำร้ายซึ่งกันและกัน โดยจำเลยที่ 1 ใช้มีดซุยแทง จำเลยที่ 2,3,4 ใช้ขวานและไม้ตะบองตีจำเลยที่ 1 ถึงบาดเจ็บ จำเลยที่ 3 มีแผลถูกแทงที่หน้าอก 1 แห่ง บาดเจ็บสาหัส ดังนี้ ฟ้องของโจทก์ พอเข้าใจได้ว่าจำเลยที่ 1 ใช้มีดซุยแทงถูกจำเลยที่ 3 ที่หน้าอก 1 แห่ง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 491/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินโดยมิสุจริต: ความรับผิดของตัวการต่อบุคคลภายนอก และการเพิกถอนสัญญา
โจทก์ได้เซ็นชื่อลงในใบมอบฉันทะ โดยไม่ได้กรอกข้อความอะไรเลย มอบให้จำเลยที่ 2 ไว้เพื่อว่าเมื่อจำเลยที่ 2 ชำระหนี้เงินให้โจทก์แล้ว จำเลยที่ 2 จะได้โอนที่ดินเป็นของจำเลยที่ 2 ตามที่ตกลงกันไว้ แล้วจำเลยที่ 1,2 และ 4 คบคิดกันกรอกข้อความลงในใบมอบฉันทะนั้นว่า โจทก์มอบให้จำเลยที่ 1 ไปขายที่ดินนี้แก่จำเลยที่ 5,6 ซึ่งผิดจากที่ได้รับมอบหมายไว้ เป็นเรื่องยักยอกตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 315 ถ้าจำเลยที่ 5,6 ได้รับซื้อโดยสุจริต รูปคดีเข้าลักษณะความรับผิดของตัวการต่อบุคคลภายนอกตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 822 โจทก์ซึ่งเป็นตัวการต้องรับผิดต่อจำเลยที่ 5,6 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก
ฟ้องโจทก์มิได้กล่าวเลยว่าจำเลยผู้รับซื้อที่พิพาท ได้สมคบกับจำเลยซึ่งเป็นผู้กรอกลงในใบมอบฉันทะของโจทก์ ซึ่งมีแต่ลายมือชื่อหรือกระทำการโดยไม่สุจริตประการใด ทั้งมิได้นำสืบถึงความไม่สุจริตของจำเลยผู้ซื้อนี้อย่างใดเลย จึงไม่มีทางเพิกถอนสัญญาซื้อขายนั้นได้.
ฟ้องโจทก์มิได้กล่าวเลยว่าจำเลยผู้รับซื้อที่พิพาท ได้สมคบกับจำเลยซึ่งเป็นผู้กรอกลงในใบมอบฉันทะของโจทก์ ซึ่งมีแต่ลายมือชื่อหรือกระทำการโดยไม่สุจริตประการใด ทั้งมิได้นำสืบถึงความไม่สุจริตของจำเลยผู้ซื้อนี้อย่างใดเลย จึงไม่มีทางเพิกถอนสัญญาซื้อขายนั้นได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 491/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินโดยใบมอบฉันทะที่ถูกแก้ไข และความสุจริตของผู้ซื้อ
โจทก์ได้เซ็นชื่อลงในใบมอบฉันทะโดยไม่ได้กรอกข้อความอะไรเลย มอบให้จำเลยที่ 2 ไว้ เพื่อว่าเมื่อจำเลยที่ 2 ชำระหนี้เงินให้โจทก์แล้ว จำเลยที่ 2 จะได้โอนที่ดินเป็นของจำเลยที่ 2 ตามที่ตกลงกันไว้ แล้วจำเลยที่ 1,2 และ 4 คบคิดกันกรอกข้อความลงในใบมอบฉันทะนั้นว่า โจทก์มอบให้จำเลยที่ 1 ไปขายที่ดินนี้แก่จำเลยที่ 5,6 ซึ่งผิดจากที่ได้รับมอบหมายไว้เป็นเรื่องยักยอกตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 315 ถ้าจำเลยที่ 5,6 ได้รับซื้อโดยสุจริต รูปคดีเข้าลักษณะความรับผิดของตัวการต่อบุคคลภายนอกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 822 โจทก์ซึ่งเป็นตัวการต้องรับผิดต่อจำเลยที่ 5,6 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก
ฟ้องโจทก์มิได้กล่าวเลยว่าจำเลยผู้รับซื้อที่พิพาทได้สมคบกับจำเลยซึ่งเป็นผู้กรอกลงในใบมอบฉันทะของโจทก์ ซึ่งมีแต่ลายมือชื่อหรือกระทำการโดยไม่สุจริตประการใด ทั้งมิได้นำสืบถึงความไม่สุจริตของจำเลยผู้ซื้อนี้อย่างใดเลย จึงไม่มีทางเพิกถอนสัญญาซื้อขายนั้นได้
ฟ้องโจทก์มิได้กล่าวเลยว่าจำเลยผู้รับซื้อที่พิพาทได้สมคบกับจำเลยซึ่งเป็นผู้กรอกลงในใบมอบฉันทะของโจทก์ ซึ่งมีแต่ลายมือชื่อหรือกระทำการโดยไม่สุจริตประการใด ทั้งมิได้นำสืบถึงความไม่สุจริตของจำเลยผู้ซื้อนี้อย่างใดเลย จึงไม่มีทางเพิกถอนสัญญาซื้อขายนั้นได้