คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
นาถปริญญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,190 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1295/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บาดแผลถึงรูปหน้าเสียโฉมติดตัว จำเลยมีความผิดตามกฎหมายอาญา
เอามีดโกนเชือดหน้าหญิง เมื่อหายแล้วเป็นแผลเป็นยาวจากดั้งจมูกผ่านใต้ตาซ้ายถึงโหนกแก้มยาว 9 ก.ม. ปลายทางดั้งจมูกกว้าง 2 ม.ม.แล้วกว้างออกเป็นระยะมาจนถึงทางปลายโหนกแก้มกว้างครึ่ง ซ.ม.อยู่ห่าง 6 วา มองเห็นแผลเป็นได้ถนัด ดังนี้วินิจฉัยเป็นบาดแผลถึงรูปหน้าเสียโฉมติดตัว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1292/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจากความขัดแย้งเรื่องชู้ ไม่เข้าเหตุป้องกัน แต่เป็นการกระทำโดยโทสะ ศาลลดโทษ
จำเลยพบผู้ตายกำลังทำชู้กับภริยาจำเลย ผู้ตายวิ่งหนีจำเลยไล่ฟันผู้ตายตาย ไม่เป็นการป้องกัน แต่เป็นการยั่วโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1288/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาของผู้เยาว์และการฎีกาเฉพาะประเด็นข้อเท็จจริง
ในคดีที่ผู้เยาว์เป็นโจทก์ฟ้องคดีเอง ฟ้องหาว่าจำเลยบังอาจฉุดคร่าห์อนาจาร ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 276 นั้น แม้จำเลยจะให้การตัดฟ้องไว้ว่าโจทก์มีอายุไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์แม้บิดาจะให้ความยินยอมแล้วก็ยังใช้ไม่ได้ บิดาจะต้องเป็นผู้ฟ้องแทนโจทก์จึงจะสมบูรณ์ก็ดีแต่เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยไม่เชื่อข้อเท็จจริง จำเลยจึงไม่ได้อุทธรณ์ คงมีแต่โจทก์อุทธรณ์ฝ่ายเดียว และเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ลงโทษจำเลย จำเลยก็ฎีกาเพียงข้อเท็จจริงไม่ได้ยกข้อตัดฟ้องขึ้นฎีกาด้วย ดังนี้ศาลฎีกาไม่จำต้องวินิจฉัยข้อตัดฟ้องนั้นก็ได้คงวินิจฉัยเฉพาะข้อเท็จจริงที่ฎีกาขึ้นมาเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1288/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาของผู้เยาว์และการวินิจฉัยเฉพาะประเด็นที่ฎีกา
ในคดีที่ผู้เยาว์เป็นโจทก์ฟ้องคดีเอง ฟ้องหาว่าจำเลยบังอาจฉุดคร่าห์อนาจาร ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 276 นั้น แม้จำเลยจะให้การตัดฟ้องไว้ว่า โจทก์มีอายุไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์แม้บิดาจะให้ความยินยอมแล้วก็ยังใช้ไม่ได้ บิดาจะต้องเป็นผู้ฟ้องแทนโจทก์จึงจะสมบูรณ์ก็ดี แต่เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยไม่เชื่อข้อเท็จจริง จำเลยจึงไม่ได้อุทธรณ์ คงมีแต่โจทก์อุทธรณ์ฝ่ายเดียว และเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ลงโทษจำเลย จำเลยก็ฎีกาเพียงข้อเท็จจริงไม่ได้ยกข้อตัดฟ้องขึ้นฎีกาด้วย ดังนี้ศาลฎีกาไม่จำต้องวินิจฉัยข้อตัดฟ้องนั้นก็ได้ คงวินิจฉัยเฉพาะข้อเท็จจริงที่ฎีกาขึ้นมาเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1282/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของคณะกรมการจังหวัดหลังพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2495 คณะกรมการจังหวัดหมดสภาพเป็นนิติบุคคลจึงไม่มีอำนาจฟ้อง
คณะกรมการจังหวัดเป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีภายหลังวันประกาศใช้พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2495 ซึ่งตามพระราชบัญญัติดังกล่าวคณะกรมการจังหวัดไม่เป็นนิติบุคคลแล้ว ดังนี้คณะกรมการจังหวัดจึงไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1255/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ที่ดินมือเปล่า การซื้อขายที่ดิน และสิทธิการครอบครอง
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นที่ไม่มีหนังสือสำคัญ ซึ่งโจทก์ได้สิทธิครอบครองโดยซื้อมาจากผู้มีชื่อ และโจทก์ได้เข้าครอบครองในที่นั้นแล้ว จำเลยให้การว่าจำเลยได้เข้าไปบุกร้างถางป่า ตรงที่พิพาททำมรรคผล กับปลูกเรือนอยู่ และทำการล้อมรั้วเป็นเขตต์คันทั้ง 4 ด้าน มาจนบัดนี้เป็นเวลาประมาณ 30 ปีแล้วนั้นจะถือว่าคำให้การจำเลยเช่นนี้เป็นคำให้การที่ต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นที่บ้านที่สวนหาได้ไม่ เพราะมิได้แสดงไว้โดยชัดแจ้งในคำให้การจำเลย ตามนัยแห่ง ป.วิ.แพ่ง มาตรา 177 ฉะนั้นจึงต้องถือว่าที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า
ขายที่ดินมือเปล่าให้แก่เขาไปโดยรับเงินค่าที่ดินครบถ้วนแล้วและมอบที่ดินให้เขาครอบครองแล้วก็ย่อมถือได้ว่าผู้ขายเจตนาสละการครอบครอง และไม่ยึดถือที่ดินต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1255/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ที่ดินมือเปล่าและการสละเจตนาครอบครอง
โจทก์ฟ้องว่าที่พิพาทเป็นที่ไม่มีหนังสือสำคัญ ซึ่งโจทก์ได้สิทธิครอบครองโดยซื้อมาจากผู้มีชื่อ และโจทก์ได้เข้าครอบครองในที่นั้นแล้ว จำเลยให้การว่าจำเลยได้เข้าไปบุกร้างถางป่าตรงที่พิพาททำมรรคผล กับปลูกเรือนอยู่ และทำการล้อมรั้วเป็นเขตคันทั้ง 4 ด้าน มาจนบัดนี้เป็นเวลาประมาณ 30 ปีแล้วนั้น จะถือว่าคำให้การจำเลยเช่นนี้เป็นคำให้การที่ต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นที่บ้านที่สวนหาได้ไม่ เพราะมิได้แสดงไว้โดยชัดแจ้งในคำให้การจำเลยตามนัยแห่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 ฉะนั้นจึงต้องถือว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า
ขายที่ดินมือเปล่าให้แก่เขาไปโดยรับเงินค่าที่ดินครบถ้วนแล้วและมอบที่ดินให้เขาครอบครองแล้วก็ย่อมถือได้ว่าผู้ขายเจตนาสละการครอบครอง และไม่ยึดถือที่ดินต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1253/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมการรักษาเงินต้องรับผิดเมื่อมีเจตนาหรือประมาทเลินเล่อเท่านั้น การเป็นกรรมการอย่างเดียวไม่เพียงพอ
เทศมนตรีและปลัดเทศบาลเป็นกรรมการรักษาเงินร่วมกับสมุหบัญชีเพียงเท่านี้ยังไม่ต้องรับผิดในการที่เงินขาดจำนวนไปเพราะสมุหบัญชียักยอก
สมุหบัญชีไม่ลงบัญชีเงิน ยักยอกไว้เสีย แม้กรรมการรักษาเงินจะดูบัญชีก็ไม่เห็นอะไร การที่กรรมการไม่ดูบัญชี ไม่เป็นเหตุให้ต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1252/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการประทับฟ้องและการลงโทษตามบทแจ้งความเท็จ: มาตรา 118 และ 158
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานแจ้งความเท็จและทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 118,158,268,270 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งให้รับฟ้องเฉพาะข้อหาฐานแจ้งความเท็จ ส่วนข้อหาฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพให้ยกเสีย ดังนี้ย่อมรวมถึงให้รับฟ้องตามมาตรา 158 ที่โจทก์ขอมาในฟ้องด้วย เพราะมาตรา 158 ก็เป็นบทเรื่องแจ้งความเท็จหากพิเศษกว่ามาตรา 118 ขึ้นไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1252/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการรับฟ้องและลงโทษอาญา: การรับฟ้องตามมาตรา 118 รวมถึงมาตรา 158 และการลงโทษตามบทที่มีอัตราโทษหนัก
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานแจ้งความเท็จและทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 118,158,268, 270 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งให้รับฟ้องเฉพาะข้อหาฐานแจ้งความเท็จ ส่วนข้อหาฐานทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพให้ยกเสีย ดังนี้ย่อมรวมถึงให้รับฟ้องตามมาตรา 158 ที่โจทก์ขอมาในฟ้องด้วย เพราะมาตรา 158 ก็เป็นบทเรื่องแจ้งความเท็จหากพิเศษกว่ามาตรา118 ขึ้นไป
of 119