พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,190 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1028/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขอาวุธปืนโดยไม่ประสงค์จะใช้ในทางผิดกฎหมาย ไม่ถือเป็นความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร
เจ้าของปืนผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืน ทำพานท้ายปืนใหม่เปลี่ยนของเก่าที่ชำรุดแล้ว ตอกเครื่องหมายลงที่พาน ท้ายปืนซึ่งทำใหม่ให้เหมือนอันเก่า โดยมิได้ประสงค์จะเอาปืนกระบอกนั้นไปใช้ในการผิดกฎหมายใด อันจะเกิด ความเสียหายขึ้นได้แต่ประการใดดังนี้ เจ้าของปืนยังไม่มีความผิดฐานปลอมหนังสือ./
(อ้างฎีกาที่ 1006/2481)
(อ้างฎีกาที่ 1006/2481)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1028/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขปืนโดยไม่ประสงค์เจตนาทุจริต ไม่ถือเป็นความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร
เจ้าของปืนผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืน ทำพานท้ายปืนใหม่เปลี่ยนของเก่าที่ชำรุดแล้ว ตอกเครื่องหมายลงที่พานท้ายปืนซึ่งทำใหม่ให้เหมือนอันเก่า โดยมิได้ประสงค์จะเอาปืนกระบอกนั้นไปใช้ในการผิดกฎหมายใด อันจะเกิดความเสียหายขึ้นได้แต่ประการใด ดังนี้ เจ้าของปืนยังไม่มีความผิดฐานปลอมหนังสือ (อ้างฎีกาที่ 1006/2481)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 982/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมฉบับซ้ำ & การขีดฆ่าแก้ไข: สิทธิในการรับมรดกยังคงมีอยู่หากแก้ไขไม่ถูกต้อง
พินัยกรรมที่ทำขึ้นพร้อมกันหลายฉบับ และมีข้อความเหมือนกันทุกฉบับนั้น ย่อมถือได้ว่าเป็นต้นฉบับพินัยกรรมทั้งหมด ผู้มีสิทธิได้ทรัพย์ตามพินัยกรรมนั้น จะอ้างสิทธิในพินัยกรรมฉบับใดขึ้นขอรับมรดกก็ได้
พินัยกรรมที่มีขีดฆ่าตกเติมหลายแห่ง ไม่มีพยานลงชื่อรับรองลายมือให้ถูกต้องทุกแห่งนั้น จะเสียก็เสียเฉพาะการขีดฆ่าตกเติมที่ทำไม่ถูกต้องเท่านั้น ไม่เสียหมดทั้งฉบับ
พินัยกรรมที่มีขีดฆ่าตกเติมหลายแห่ง ไม่มีพยานลงชื่อรับรองลายมือให้ถูกต้องทุกแห่งนั้น จะเสียก็เสียเฉพาะการขีดฆ่าตกเติมที่ทำไม่ถูกต้องเท่านั้น ไม่เสียหมดทั้งฉบับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 982/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมฉบับซ้ำ & การแก้ไขพินัยกรรม: สิทธิในการอ้างสิทธิ & ผลของการแก้ไข
พินัยกรรม์ที่ทำขึ้นพร้อมกันหลายฉบับ และมีข้อความเหมือนกันทุกฉบับนั้น ย่อมถือได้ว่าเป็นต้นฉบับพินัยกรรม ทั้งหมด ผู้มีสิทธิได้ทรัพย์ตามพินัยกรรมนั้น จะอ้างสิทธิในพินัยกรรมฉบับใดขึ้นขอรับมรดกก็ได้.
พินัยกรรมที่ขีดฆ่าตกเติมหลายแห่ง ไม่มีพยานลงชื่อรับรองลายมือให้ถูกต้องทุกแห่งนั้น จะเสียก็เสียเฉพาะการขีด ฆ่าตกเติมที่ทำไม่ถูกต้องเท่านั้น ไม่เสียหมดทั้งฉบับ./
พินัยกรรมที่ขีดฆ่าตกเติมหลายแห่ง ไม่มีพยานลงชื่อรับรองลายมือให้ถูกต้องทุกแห่งนั้น จะเสียก็เสียเฉพาะการขีด ฆ่าตกเติมที่ทำไม่ถูกต้องเท่านั้น ไม่เสียหมดทั้งฉบับ./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 976-977/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติกรรมอำพราง: การโอนทรัพย์สินโดยมีเจตนาซ่อนเร้น ศาลพิจารณาจากเจตนาที่แท้จริงของผู้โอน
จดทะเบียนโอนโฉนดขายให้เพราะเสียค่าธรรมเนียมถูกกว่ายกให้โดยความจริงเป็นการยกให้ดังนี้ ต้องบังคับตามนิติกรรมอำพราง การยกให้ไม่เป็นโมฆะ ผู้โอนจะเรียกที่ดินคืนมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 964/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการปิดกั้นทางน้ำเพื่อประโยชน์การงาน: การกระทำไม่ถือเป็นการละเมิดหากมีเหตุผลและความจำเป็น
ผักตบชะวาอยู่ในหนองแห่งหนึ่ง จำเลยปิดกั้นที่หนองอีกแห่งหนึ่งซึ่งเป็นหนองเอกชน เพื่อป้องกันมิให้ผักตบชะวาในหนองแห่งแรก ไหลเข้าหนองที่จำเลยปิดกั้น ถ้าจำเลยไม่ทำอย่างนี้ผักตบชะวาจะเป็นอุปสรรคไม่ให้การจับปลาในหนองที่จำเลยปิดกั้นลุล่วง ย่อมถือว่าจำเลยรักษาประโยชน์ในหนองที่ปิดกั้น จึงมีสิทธิจะปิดกั้น และการใช้สิทธิของจำเลยนี้เพื่อประโยชน์การงานของจำเลยโดยตรง การกระทำของจำเลยจึงไม่ใช่การใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่ผู้อื่น จึงไม่เป็นการละเมิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 964/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการป้องกันความเสียหายต่อทรัพย์สิน: การปิดกั้นผักตบชะวาเพื่อรักษาประโยชน์ในการจับปลา ไม่เป็นการละเมิด
ผักตบชะวาอยู่ในหนองแห่งหนึ่ง จำเลยปิดกั้นที่หนองอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นหนองเอกชน เพื่อป้องกันมิให้ผักตบชะวา ในหนองแห่งแรก ไหลเข้าหนองที่จำเลยปิดกั้น ถ้าจำเลยไม่ทำอย่างนี้ผักตกชะวาจะเป็นอุปสรรคไม่ให้การจับปลา ในหนองที่จำเลยปิดกั้นลุล่วง ย่อมถือว่าจำเลยรักษาประโยชน์ในหนองที่ปิดกั้น จึงมีสิทธิจะปิดกั้น และการใช้สิทธิ ของจำเลยนี้เพื่อประโยขน์การงานของจำเลยโดยตรงการกระทำของจำเลยจึงไม่ใช่การใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสีย หายแก่ผู้อื่น จึงไม่เป็นการละเมิด./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 957/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรื้อฟื้นคดีที่พิพากษาเด็ดขาดแล้ว และค่าเสียหายพิเศษจากการผิดสัญญาซื้อขาย
เจ้าของที่ดินได้ฟ้องโจทก์กับจำเลยขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลยโดยอ้างว่าที่ดินเป็นของ เขา จำเลยไม่มีอำนาจเอาไปขายให้แก่โจทก์ ถ้าหากโจทก์เห็นว่า เจ้าของที่ดินเชิดจำเลยเป็นตัวแทนขายที่ดินให้ โจทก์ ๆ ก็ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในคดีนั้นได้ แต่โจทก์มิได้ยกประเด็นข้อนี้เป็นข้อต่อสู้ เมื่อศาลพิพากษาให้เจ้าของที่ดิน ชนะคดีไปแล้ว โจทก์จะกลับมาฟ้องเจ้าของที่ดินขอให้รับผิดในการที่เชิดจำเลยเป็นตัวแทนมาขายที่ดินนั้นแก่โจทก์ และขอให้เพิกถอนคำพิพากษาในคดีก่อนนั้นเสีย ดังนี้ ได้ชื่อว่ารื้อฟื้นคดีที่ศาลพิพากษาเสร็จเด็ดขาดแล้วมาว่า กล่าวกันใหม่ เป็นการต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 148.
การที่ผู้ซื้อที่ดินจะได้กำไรจากการนำที่ดินนั้นไปขายต่อให้แก่ผู้อื่นนั้น มิใช่เป็นวิสัยธรรมดา อันพึงบังเกิดจากการ ผิดสัญญาซื้อขาย เป็นเหตุให้ผู้ซื้อไม่ได้กำไรจากการขายต่อไปนั้น ย่อมถือว่าเป็นค่าเสียหายอันเกิดจากพฤติการณ์ พิเศษตาม ป.พ.พ.มาตรา 222 วรรค 2 ซึ่งถ้าผู้ขายได้คาดเห็น หรือควรได้คาดเห็นพฤติการณ์เช่นนั้นล่วงหน้าแล้ว ผปู้ขายจึงต้องรับผิด ถ้าผู้ซื้อนำสืบไม่ได้ว่าผู้ขายได้รู้หรือควรจะได้คาดเห็นล่วงหน้าแล้ว ผู้ขายก็ไม่ต้องรับผิดในค่า เสียหายพิเศษนี้./
การที่ผู้ซื้อที่ดินจะได้กำไรจากการนำที่ดินนั้นไปขายต่อให้แก่ผู้อื่นนั้น มิใช่เป็นวิสัยธรรมดา อันพึงบังเกิดจากการ ผิดสัญญาซื้อขาย เป็นเหตุให้ผู้ซื้อไม่ได้กำไรจากการขายต่อไปนั้น ย่อมถือว่าเป็นค่าเสียหายอันเกิดจากพฤติการณ์ พิเศษตาม ป.พ.พ.มาตรา 222 วรรค 2 ซึ่งถ้าผู้ขายได้คาดเห็น หรือควรได้คาดเห็นพฤติการณ์เช่นนั้นล่วงหน้าแล้ว ผปู้ขายจึงต้องรับผิด ถ้าผู้ซื้อนำสืบไม่ได้ว่าผู้ขายได้รู้หรือควรจะได้คาดเห็นล่วงหน้าแล้ว ผู้ขายก็ไม่ต้องรับผิดในค่า เสียหายพิเศษนี้./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 957/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องรื้อคดีที่สิ้นสุดแล้ว และค่าเสียหายจากกรณีพิเศษหลังผิดสัญญาซื้อขาย
เจ้าของที่ดินได้ฟ้องโจทก์กับจำเลยขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายที่ดินระหว่างโจทก์กับจำเลย โดยอ้างว่าที่ดินเป็นของเขา จำเลยไม่มีอำนาจเอาไปขายให้แก่โจทก์ ถ้าหากโจทก์เห็นว่า เจ้าของที่ดินเชิดจำเลยเป็นตัวแทนขายที่ดินให้โจทก์ๆก็ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในคดีนั้นได้ แต่โจทก์มิได้ยกประเด็นข้อนี้เป็นข้อต่อสู้ เมื่อศาลพิพากษาให้เจ้าของที่ดินชนะคดีไปแล้ว โจทก์จะกลับมาฟ้องเจ้าของที่ดินขอให้รับผิดในการที่เชิดจำเลยเป็นตัวแทนมาขายที่ดินนั้นแก่โจทก์ และขอให้เพิกถอนคำพิพากษาในคดีก่อนนั้นเสียดังนี้ ได้ชื่อว่ารื้อฟื้นคดีที่ศาลพิพากษาเสร็จเด็ดขาดแล้วมาว่ากล่าวกันใหม่ เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
การที่ผู้ซื้อที่ดินจะได้กำไรจากการนำที่ดินนั้นไปขายต่อให้แก่ผู้อื่นนั้น มิใช่เป็นวิสัยธรรมดา อันพึงบังเกิดจากการผิดสัญญาซื้อขาย เป็นเหตุให้ผู้ซื้อไม่ได้กำไรจากการขายต่อไปนั้น ย่อมถือว่าเป็นค่าเสียหายอันเกิดจากพฤติการณ์พิเศษตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 222 วรรคสอง ซึ่งถ้าผู้ขายได้คาดเห็นหรือควรได้คาดเห็นพฤติการณ์เช่นนั้นล่วงหน้าแล้วผู้ขายจึงจะต้องรับผิด ถ้าผู้ซื้อนำสืบไม่ได้ว่าผู้ขายได้รู้หรือควรจะได้คาดเห็นล่วงหน้าแล้ว ผู้ขายก็ไม่ต้องรับผิดในค่าเสียหายพิเศษนี้
การที่ผู้ซื้อที่ดินจะได้กำไรจากการนำที่ดินนั้นไปขายต่อให้แก่ผู้อื่นนั้น มิใช่เป็นวิสัยธรรมดา อันพึงบังเกิดจากการผิดสัญญาซื้อขาย เป็นเหตุให้ผู้ซื้อไม่ได้กำไรจากการขายต่อไปนั้น ย่อมถือว่าเป็นค่าเสียหายอันเกิดจากพฤติการณ์พิเศษตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 222 วรรคสอง ซึ่งถ้าผู้ขายได้คาดเห็นหรือควรได้คาดเห็นพฤติการณ์เช่นนั้นล่วงหน้าแล้วผู้ขายจึงจะต้องรับผิด ถ้าผู้ซื้อนำสืบไม่ได้ว่าผู้ขายได้รู้หรือควรจะได้คาดเห็นล่วงหน้าแล้ว ผู้ขายก็ไม่ต้องรับผิดในค่าเสียหายพิเศษนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 930/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีอาญา: ยักยอกทรัพย์, การระบุรายละเอียดการกระทำ, วันเวลา, และเจตนา
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยยักยอกโดยระบุวันเวลาที่จำเลยได้รับมอบหมายทรัพย์จากเจ้าทุกข์ เพื่อนำไปขาย ถ้าขายได้ หรือขายไม่ได้ ก็จะนำทรัพย์เหล่านั้นและเงินค่าขายมาส่งคืนภายใน 10 วัน ได้ระบุวันที่จะคืนด้วย แล้วบรรยายต่อ ไปว่า จำเลยได้รับทรัพย์ไปแล้วไม่นำมาส่งให้เจ้าทุกข์ตามกำหนด จำเลยกลับบังอาจมีเจตนาทุจริต ยักยอกเอา ทรัพย์ดังกล่าวไว้ เจ้าทุกข์ทราบเหตุการณ์ในวันครบกำหนด จึงได้ร้องทุกข์ขอให้เจ้าพนักงานนำคดีขึ้นว่ากล่าว ไป นั้น ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นฟ้องที่กล่าวถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่า าจำเลยได้กระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่ เกี่ยวกับเวลา ฯลฯ พอสมควรให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี เป็นฟ้องอันถูกต้องตาม ป.ม.ว.อาญามาตรา 158 แล้ว./