พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,190 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1238-1240/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานบุกรุกต้องไม่ใช่เคหะของตนเอง
ความผิดฐานบุกรุก ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 329 นั้นเคหะที่บุกรุกนั้นจะต้องไม่ใช่เป็นของจำเลย
จำเลยบุกรุกเข้าไปในห้องของจำเลย ซึ่งได้ให้โจทก์เช่าอยู่อาศัย ดังนี้ ยังไม่เป็นความผิดในทางอาญาฐานบุกรุก (อ้างฎีกาที่ 816-817/2493)
จำเลยบุกรุกเข้าไปในห้องของจำเลย ซึ่งได้ให้โจทก์เช่าอยู่อาศัย ดังนี้ ยังไม่เป็นความผิดในทางอาญาฐานบุกรุก (อ้างฎีกาที่ 816-817/2493)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1238-1240/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกเคหะสถานของผู้ให้เช่า ไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก
ความผิดฐานบุกรุก ตามก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 329 นั้น เคหะที่บุกรุกนั้นจะต้องไม่ใช่เป็นของจำเลย
จำเลยบุกรุกเข้าไปในห้องของจำเลย ซึ่งได้ให้โจทก์เช่าอยู่อาศัย ดังนี้
ยังไม่เป็นความผิดในทางอาญาฐานบุกรุก
(อ้างฎีกาที่ 816 - 817 /2493
จำเลยบุกรุกเข้าไปในห้องของจำเลย ซึ่งได้ให้โจทก์เช่าอยู่อาศัย ดังนี้
ยังไม่เป็นความผิดในทางอาญาฐานบุกรุก
(อ้างฎีกาที่ 816 - 817 /2493
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำลายโบราณสถานโดยผู้ไม่เป็นเจ้าของ ไม่ผิดตามมาตรา 10 พ.ร.บ.โบราณสถานฯ
เจดีย์ซึ่งทางราชการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานอยู่ในอารักขาของทางราชการนั้น ถ้ามีผู้อื่นซึ่งไม่ใช่เจ้าของพระเจดีย์องค์นั้นไปขุดทำลายหรือทำให้เสียหายแก่พระเจดีย์นั้น ผู้นั้นยังไม่ผิดตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยโบราณสถาน ศิลปวัตถุ โบราณวัตถุฯลฯ พ.ศ.2477ฉะนั้นจึงจะลงโทษตามมาตรา 30 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำลายโบราณสถานโดยผู้ไม่เป็นเจ้าของ: ไม่มีผิดตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน
เจดีย์ ซึ่งทางราชการขึ้นทะเบียนเป็นโบรารสถานอยู่ในอารักขาของทางราชการนั้น ถ้ามีผู้อื่นซึ่งไม่ใช่เจ้าของพระเจดีย์องค์นั้นไปขุดทำลายหรือทำให้เสียหายแก่พระเจดีย์นั้น ผู้นั้นยังไม่ผิดตามมาตรา 10 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยโบราณสถาน ศิลปวัตถุ โบราณสถานวัตถุ ฯลฯ พ.ศ.2477 ฉะนั้นจึงจะลงโทษตามมาตรา 30 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1220/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำด้วยพยานหลักฐานเดิมที่เคยถูกห้ามไม่รับฟัง
ในคดีก่อนศาลชี้ขาดแล้วว่า เอกสารกู้ที่ฟ้อง ไม่ปิดอากรแสตมป์ให้ถูกต้อง ไม่รับฟังเป็นพยานหลักฐาน จึงพิพากษายกฟ้อง โจทก์ได้เอาเอกสารสัญญากู้นั้นไปจัดการปิดอากรแสตมป์ถูกต้องแล้วมาฟ้องเรียกเงินกู้นี้จากจำเลยใหม่ โดยอ้างว่าเอกสารสัญญากู้ซึ่งมีแสตมป์ครบนั้นเป็นหลักฐานในการฟ้องใหม่ เช่นนี้ เป็นการที่โจทก์เอาพยานหลักฐานซึ่งครั้งหนึ่ง ต้องห้ามไม่รับฟังแล้วนั้นกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ขอให้รับฟังและขอให้กลับใช้พยานหลักฐานนั้นชี้ขาดว่า มีการกู้ จึงเป็นการฟ้องซ้ำ(ประชุมใหญ่)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1220/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: การนำพยานหลักฐานที่ศาลเคยถือว่าไม่สมบูรณ์กลับมาใช้ในการฟ้องคดีใหม่
ในคดีก่อนศาลชี้ขาดแล้วว่า เอกสารกู้ที่ฟ้อง ไม่ปิดอากรแสตมป์ให้ถูกต้อง ไม่รับฟังเป็นพยานหลักฐาน จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ได้เอาอากรแสตมป์ถูกต้องแล้วมาฟ้องเรียกเงินกู้นี้จากจำเลยใหม่ โดยอ้างว่าเอกสารสัญญากู้ซึ่งมีแสตมป์ครบนั้น เป็นหลักฐานในการฟ้องใหม่ เช่นนี้ เป็นการที่โจทก์เอาพยานหลักฐานซึ่งครั้งหนึ่ง ต้องห้ามไม่รับฟังแล้วนั้นกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ขอให้รับฟังอละขอให้กลับใช้พยานหลักฐานนั้นชี้ขาดว่า มีการกู้ จึงเป็นการฟ้องนำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1184/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งในฐานะดำเนินการแทนศาลอุทธรณ์
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของคู่ความแล้วกระบวนพิจารณาต่อจากนั้นมาย่อมถือได้ว่าเป็นกระบวนพิจารณาของศาลอุทธรณ์โดยศาลชั้นต้นเป็นผู้ดำเนินแทน ฉะนั้น เมื่อคู่ความไม่พอใจคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งในฐานะดำเนินการแทนศาลอุทธรณ์นี้อย่างใดแล้ว ก็จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อศาลอุทธรณ์ไม่ได้ แต่ชอบที่จะรอจนกว่าศาลชั้นต้นจะได้ส่งสำนวนขึ้นไปยังศาลอุทธรณ์ แล้วไปร้องต่อศาลอุทธรณ์ซึ่งถ้าศาลอุทธรณ์ไม่พอใจในคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวนั้น ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะสั่งใหม่ได้ตามอำนาจของศาลอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1184/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลเมื่อรับอุทธรณ์: การดำเนินการแทนศาลอุทธรณ์และการร้องต่อศาลอุทธรณ์
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของคู่ความแล้ว กระบวนพิจารณาต่อจากนั้นมาย่อมถือได้ว่า เป็นกระบวนพิจารณาของศาลอุทธรณ์โดยศาลชั้นต้นเป็นผู้ดำเนินแทน ฉะนั้นเมื่อคู่ความไม่พอใจคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งในฐานะดำเนินการแทนศาลอุทธรณ์นี้อย่างใดแล้ว ก้จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อศาลอุทธรณ์ไม่ได้ แต่ชอบที่จะรอจนกว่าศาลชั้นต้นาจะได้ส่งสำนวนขึ้นไปยังศาลอุทธรณ์ แล้งไปร้องต่อศาลอุทธรณ์ซึ่งถ้าศาลอุทธรณ์ไม่พิใจในคำสั่งของศาลชั้นต้นก็ชอบที่าจะสั่งใหม่ได้ตามอำนาจของศาลอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1147/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทำร้ายร่างกายภริยา: การพิจารณาบาดแผลและโทษทางอาญา
สามีใช้ไม้และมือทำร้ายภริยา มีบาดแผลช้ำบวมที่อก, ที่ชายโครง และที่อวัยวะส่วนอื่นหลายแห่ง ต้องรักษาตัว 1 เดือนเศษ ดังนี้ ย่อมเป็นบาดแผลถึงบาดเจ็บ มีผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 254.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1147/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทำร้ายร่างกายภริยา: บาดแผลถึงบาดเจ็บตามประมวลกฎหมายอาญา
สามีใช้ไม้และมือทำร้ายภริยา มีบาดแผลช้ำบวมที่อกที่ชายโครง และที่อวัยวะส่วนอื่นหลายแห่ง ต้องรักษาตัว 1 เดือนเศษ ดังนี้ ย่อมเป็นบาดแผลถึงบาดเจ็บ มีผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254