คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
นาถปริญญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,190 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 801/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเรียกค่าเสียหายซ้ำจากข้อพิพาทเดิมที่ศาลตัดสินแล้ว ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
โจทก์เคยฟ้องจำเลยขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ศาลก็พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์และห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาทต่อไปแล้วโจทก์มาฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายในระหว่างที่เป็นความกันในคดีก่อนว่า จำเลยได้ครอบครองและเก็บผลประโยชน์จากที่ดินพิพาท ซึ่งเป็นของโจทก์ไปอีกได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 801/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองและเก็บผลประโยชน์ที่ดินพิพาทช่วงระหว่างเป็นความคดีก่อน ผู้ครอบครองต้องชดใช้ค่าเสียหาย
โจทก์เคยฟ้องจำเลยขอให่ศาลแสดงว่าที่ดินที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิของโจทก์และห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาทต่อไปแล้วโจทก์มาฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายในระหว่างที่เป็นความกันในคดีก่อนว่า จำเลยได้ครอบครองและเก็บผลประโยชน์จากที่ดินพิพาท ซึ่งเป็นของโจทก์ไปอีก ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 789/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุหย่า: สามีทำร้ายร่างกาย-ทอดทิ้งภริยา-มีชู้
เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย เกิดบุตรหญิงด้วยกันคนหนึ่งยังมีชีวิตอยู่ อยู่มาภริยาสังเกตเห็นว่าสามีรักหญิงอื่น นอกใจภริยาเกิดต่อว่ากันขึ้น สามีด่าว่าภริยา และด่าว่ากันเนืองๆ บางคราวก็ใช้เท้าถีบภริยาใช้พร้าขว้างภริยาไปร้องต่อผู้ใหญ่บ้านแสดงความประสงค์จะไม่เลี้ยงดูภริยา และยังขับไล่ภริยาออกจากบ้าน ภริยาต้องไปอยู่กับยาย,สามียังห้ามไม่ให้ภริยากลับบ้านสำทับว่าถ้าขืนกลับจะทำร้ายเอา,ระหว่างนั้นสามีไม่สนใจต่อภริยาทำเหมือนภริยาเป็นคนอื่น เหล่านี้เป็นเหตุเพียงพอแล้วที่จะให้หย่าได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 789/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุหย่า: การนอกใจ, ทำร้ายร่างกาย, และการไม่เลี้ยงดูภริยา
เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย เกิดบุตรหญิงด้วยกันคนหนึ่งยังมีชีวิตอยู่ อยู่มาภริยาสังเกตเห็นว่าสามีรักหญิงอื่น นอกใจภริยา เกิดต่อว่ากันขึ้น สามีด่าภริยา และด่าว่ากันเนือง ๆ บางคราวก็ใช้เท้าถีบภริยาใช้พร้าขว้างภริยา ไปร้องต่อผู้ใหญ่บ้านแสดงความประสงค์ไม่เลี้ยงดูภริยา และยังขับไล่ภริยาออกจากบ้าน ภริยาต้องไปอยู่กับยาย, สามียังห้ามไม่ให้ภริยากลับบ้าน สำทับว่าถ้าขืนกลับจะทำร้ายเอาระหว่างนั้น สามีไม่สนใจต่อภริยา ทำเหมือนภริยาเป็นคนอื่น เหล่านี้เป็นเหตุเพียงพอแล้วที่จะให้หย่าได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 669/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับคำโต้แย้งเรื่องฟ้องเคลือบคลุมหลังศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้ว และการระบุพยานไม่ทันตามกำหนด
ศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ ดังนี้ จำเลยชอบที่จะฎีกาต่อไปว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมถ้าจำเลยมิได้ฎีกาปล่อยให้ขาดอายุความฎีกาแล้ว เมื่อศาลชั้นต้น พิจารณาพิพากษาใหม่ ให้จำเลยแพ้คดี และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา แล้วยกข้อฟ้องเคลือบคลุมขึ้นโต้แย้งอีกไม่ได้ เพราะปัญหาข้อนี้ถึงที่สุดไปแล้ว
ยื่นระบุพยานวันที่ 1 ซึ่งนัดพิจารณาสืบพยานไว้ในวันที่ 4 ดังนี้ ถือว่า ระบุพยานไม่ก่อนวันสืบพยาน 3 วันเต็ม ศาลไม่รับระบุพยานดังกล่าว ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 669/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกเว้นข้อฟ้องเคลือบคลุมหลังศาลอุทธรณ์ให้พิจารณาใหม่ และการระบุพยานหลังกำหนด
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยวินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุมพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ ดังนี้ จำเลยชอบที่จะฎีกาต่อไปว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม ถ้าจำเลยมิได้ฎีกาปล่อยให้ขาดอายุความฎีกาแล้ว เมื่อศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ ให้จำเลยแพ้คดีและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยฎีกา แล้วจะยกข้อฟ้องเคลือบคลุมขึ้นโต้แย้งอีกไม่ได้ เพราะปัญหาข้อนี้ถึงที่สุดไปแล้ว
ยื่นระบุพยานวันที่ 1 ซึ่งนัดพิจารณาสืบพยานไว้ในวันที่ 4 ดังนี้ ถือว่าระบุพยานไม่ก่อนวันสืบพยาน 3 วันเต็ม ศาลไม่รับระบุพยานดังกล่าวแล้ว ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 624-628/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าเพื่ออยู่อาศัยเปลี่ยนเป็นค้า ย่อมไม่คุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เช่าห้องที่ตั้งอยู่ในทำเลการค้าแม้ในชั้นแรกเช่าโดยใช้เป็นที่อยู่อาศัยก็ดี แต่การเช่ามิได้ทำสัญญากันเป็นหนังสือ และมิได้กำหนดระยะเวลาการเช่าไว้เป็นที่แน่นอนคงมีแต่การเก็บและชำระค่าเช่ากันเป็นรายเดือนตลอดมาเป็นเวลาช้านาน ห้องเช่าบางห้องเปลี่ยนมือจากเจ้าของกันถึง3 เจ้าของก็มี ดังนี้ ย่อมเห็นได้ว่าวัตถุประสงค์แห่งการเช่าอาจเปลี่ยนแปลงไปเพื่อประกอบธุรกิจหรือการค้าก็ได้ ฉะนั้นในชั้นหลังนี้ เมื่อผู้เช่าใช้ห้องเช่าเป็นที่ประกอบธุรกิจหรือประกอบการค้า แล้วผู้เช่าก็ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 624-628/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การเช่าจากที่อยู่อาศัยเป็นเชิงพาณิชย์ ทำให้ไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เช่าห้องที่ตั้งอยู่ในทำเลการค้า แม้ในชั้นแรกเช่าโดยใช้เป็นที่อยู่อาศัยก็ดี แต่การเช่ามิได้ทำสัญญากันเป็นหนังสือ และมิได้กำหนดระยะเวลาการเช่าไว้เป็นที่แน่นอน คงมีแต่การเก็บและชำระค่าเช่ากันเป็นรายเดือนตลอดมาเป็นเวลาช้านาน ฟ้องเช่าบางห้องเปลี่ยนมือจากเจ้าของกันถึง 3 เจ้าของก็มี ดังนี้ย่อมเห็นได้ว่าวัตถุประสงค์แห่งการเช่าอาจเปลี่ยนแปลงไปเพื่อประกอบธุระกิจหรือการค้าก็ได้ ฉะนั้นในชั้นหลังนี้ เมื่อผู้เช่าใช้ห้องเช่าเป็นที่ประกอบธุระกิจหรือประกอบการค้า แล้ว ผู้เช่าก็ย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 619/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องแบ่งมรดก: สัญญาประนีประนอมไม่สะดุดอายุความ
เจ้ามรดกตายลง ทายาท 2 คนเป็นความกัน ในที่สุด ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า ทายาทผู้ครอบครองที่ดินแปลงหนึ่ง จะจัดการแบ่งที่ดินแปลงนั้นให้แก่ทายาทคนอื่นดังนี้ เมื่อไม่ได้ระบุตัวบุคคลว่า เป็นใครที่จะแบ่งมรดกให้ไว้ชัดแจ้ง แล้วก็ไม่ทำให้อายุความฟ้องร้องภายใน 1 ปีสะดุดหยุดลง ฉะนั้นผู้ที่เป็นทายาทอื่นจะฟ้องทายาทผู้ครอบครองที่ดิน ให้แบ่งที่ดินให้แก่ตนจะต้องฟ้องภายในอายุความ 1 ปีนับแต่วันเจ้ามรดกถึงแก่กรรมมิฉะนั้นคดีย่อมขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 619/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องแบ่งมรดก: สัญญาประนีประนอมยอมความไม่ชัดเจน ทำให้ต้องฟ้องภายใน 1 ปีนับจากเจ้ามรดกเสียชีวิต
เจ้ามรดกตายลง ทายาท 2 คน เป็นความกัน ในที่สุดทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า ทายาทผู้ครอบครองที่ดินแปลงหนึ่ง จะจัดการแบ่งที่ดินแปลงนั้นให้แก่ทายาทคนอื่น ดังนี้ เมื่อไม่ได้ระบุตัวบุคคลว่า เป็นใครที่จะแบ่งมรดกให้ไว้ชัดแจ้ง แล้วก็ไม่ทำให้อายุความฟ้องร้องภายใน 1 ปี สดุดหยุดลง ฉะนั้นผู้ที่เป็นทายาทอื่นจะฟ้องทายาทผู้ครอบครองที่ดิน ให้แบ่งที่ดินให้แก่ตนจะต้องฟ้องภายในอายุความ 1 ปี นับแต่วันเจ้ามรดกถึงแก่กรรม มิฉะนั้นคดีย่อมขาอดอายุความ
of 119