พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,190 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 415/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพและการพิสูจน์ราคาฝิ่นในคดีอาญา การรับสารภาพเพียงพอต่อการคำนวณค่าปรับ
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยนำฝิ่นผิดกฎหมายเข้ามาในราชอาณาจักร โดยได้ระบุถึงจำนวนฝิ่นและราคาฝิ่น ทั้งยังบรรยายถึงราคาฝิ่นรัฐบาลในท้องที่ตามวันเวลาเกิดเหตุ เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ทุกประการเรื่องราคาฝิ่นตามฟ้องก็มิได้คัดค้านแต่ประการใด ดังนี้ถือได้ว่าจำเลยได้รับตลอดถึงราคาฝิ่นแล้ว แม้คดีมีอัตรโทษจำคุกถึง 10 ปี โจทก์ต้องสืบพยานให้เป็นที่พอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงก็ตามเมื่อโจทก์นำพยานมาสืบว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิดจริงตามฟ้องแล้วแม้จะไม่ได้สืบเรื่องราคาฝิ่นอีกก็ตาม และโดยเหตุที่ราคาฝิ่นเป็นเพียงคำนวณค่าปรับ หาใช่เป็นธาตุฐานแห่งความผิด เมื่อจำเลยให้การรับอยู่แล้วตามฟ้องจึงเป็นการเพียงพอฟังได้ว่าฝิ่นมีราคาจริงดังฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 414/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิที่ดินจากการขายทอดตลาดvs.การครอบครอง สิทธิที่ยังไม่ได้จดทะเบียนยกขึ้นต่อสู้ผู้ซื้อสุจริตไม่ได้
ซื้อที่ดินมีโฉนดจากการขายทอดตลาดของศาล ได้ทำสัญญาซื้อขายจดทะเบียนการโอนลงชื่อผู้ซื้อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิโดยสุจริตแล้ว แม้จะได้ความว่ามีคนอื่นได้กรรมสิทธิในที่แปลงนั้นโดยการครอบครองอยู่ก่อน ผู้นั้นก็จะยกขึ้นต่อสู้ผู้ซื้อไม่ได้เพราะสิทธิของตนยันไม่ได้จดทะเบียนไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 414/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดินจากการซื้อขายทอดตลาด: สิทธิสุจริตของผู้ซื้อเหนือกว่าสิทธิครอบครองที่ไม่จดทะเบียน
ซื้อที่ดินมีโฉนดจากการขายทอดตลาดของศาล ได้ทำสัญญาซื้อขายจดทะเบียนการโอนลงชื่อผู้ซื้อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โดยสุจริตแล้ว แม้จะได้ความว่ามีคนอื่นได้กรรมสิทธิ์ในที่แปลงนั้นโดยการครอบครองอยู่ก่อนผู้นั้นก็จะยกขึ้นต่อสู้ผู้ซื้อไม่ได้เพราะสิทธิของตนยังไม่ได้จดทะเบียนไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 411/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำในที่สาธารณะ (ทางหลวง) ไม่ถือเป็นการทอดทิ้งหรือปลูกสร้างสิ่งกีดขวาง
การหว่านกล้าก็ดี ปลูกต้นข้าวก็ดี รุกล้ำเข้าไปในทางหลวงนั้นจะให้ถือว่าเป็นการเอาไปทอดทิ้งยังไม่ได้ จึงไม่เป็นผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 336 ข้อ 1 และจะถือว่าเป็นการปลูกสร้างสิ่งใดๆยังไม่ได้ จึงไม่เป็นผิดตามมาตรา 336 ข้อ 2 ดุจกัน (อ้างฎีกาที่78,79,80/2483 และที่ 148/2483)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 411/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหว่านกล้าปลูกข้าวรุกล้ำทางหลวง ไม่ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 336
การหว่านกล้าก็ดี ปลูกต้นข้าวก็ดี รุกล้ำเข้าไปในทางหลวงนั้น จะให้ถือว่าเป็นการเอาไปทอดทิ้งยังไม่ได้ จึงไม่เป็นผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 336 ข้อ 1 และจะถือว่าเป็นการปลูกสร้างสิ่งใด ๆ ยังไม่ได้ จึงไม่เป็นผิดตามมาตรา 336 ข้อ 2 ดุจกัน (อ้างฎีกาที่ 78,79,80/2843 และที่ 148/2483 )
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 409/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินที่เป็นสินสมรส เมื่อไม่ใช่สินบริคณห์ทั้งแปลง
สามีฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดิน โดยอ้างว่าเป็นที่สินบริคณห์ของโจทก์และภรรยาทั้งแปลงแม่ยายและภรรยาเอาไปชายโดยไม่ได้รับความยินยอมจากสามี เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าที่พิพาทเป็นของภรรยาและแม่ยายร่วมกัน จึงไม่ใช่บริคณห์ทั้งแปลงและไม่ปรากฎว่าส่วนของภรรยามีเท่าไร สามีก็บอกล้างนิติกรรมทั้งฉะบับตามที่ฟ้องไม่ได้ จึงต้องพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 409/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินสินบริคณห์: การร่วมกันเป็นเจ้าของและผลกระทบต่อการบอกล้างนิติกรรม
สามีฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดิน โดยอ้างว่าเป็นที่สินบริคณห์ของโจทก์และภรรยาทั้งแปลงแม่ยายและภรรยาเอาไปขายโดยไม่ได้รับความยินยอมจากสามี เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าที่พิพาทเป็นของภรรยาและแม่ยายร่วมกัน จึงไม่ใช่บริคณห์ทั้งแปลงและไม่ปรากฏว่าส่วนของภรรยามีเท่าไรสามีก็บอกล้างนิติกรรมทั้งฉบับตามที่ฟ้องไม่ได้ จึงต้องพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 401-402/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงซื้อขายด้วยวาจาไม่มีผลบังคับใช้หากไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือหรือเงินมัดจำ
โจทก์ตกลงให้จำเลยใส่ชื่อเป็นผู้ซื้อ หากโจทก์มีเงินมาชำระให้จำเลยเมื่อไรจำเลยยอมโอนคืนที่ 2 แปลงที่จำเลยซื้อไว้ให้โจทก์ ดังนี้ เมื่อไม่ได้ทำเป็นหนังสือ หรือวางเงินมัดจำไว้ ข้อตกลงดังกล่าวด้วยปากเปล่าโจทก์จะฟ้องขอให้ศาลบังคับคดีหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 346/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์สำเร็จบางส่วน แม้จะเอาทรัพย์ไปไม่ทั้งหมด ก็ถือเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ได้
จำเลยเจตนาจะลักตะเกียงท้ายรถยนต์ของผู้เสียหาย จึงไขตะปูควงตะเกียงท้ายรถยนต์ จนตะเกียงหลุดจากท้ายรถแล้วดวงหนึ่ง อีกดวงหนึ่งยังไม่หลุด ดังนี้ถือว่าจำเลยกระทำการจนตะเกียงหลุดเคลื่อนออกไปจากท้ายรถแล้วเรียกได้ว่าเป็นการเอาทรัพย์ไปเป็นความผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จแล้วส่วนหนึ่ง แม้ทรัพย์สิ่งอื่นจะยังเอาไปไม่สำเร็จก็ตาม (อ้างฎีกาที่ 999/2485)
โจทก์ยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์(ในข้อเท็จจริง) ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอ้างว่า ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 220 โจทก์จึงทำฎีกามายื่นในวันรุ่งขึ้นใหม่อีกครั้งเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ดังนี้เมื่อมายื่นภายในอายุความฎีกา ศาลชั้นต้นสั้งรับไว้ได้
โจทก์ยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์(ในข้อเท็จจริง) ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอ้างว่า ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 220 โจทก์จึงทำฎีกามายื่นในวันรุ่งขึ้นใหม่อีกครั้งเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ดังนี้เมื่อมายื่นภายในอายุความฎีกา ศาลชั้นต้นสั้งรับไว้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 346/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลักทรัพย์สำเร็จบางส่วน: การกระทำที่ทำให้ทรัพย์หลุดเคลื่อนที่ถือเป็นเอาทรัพย์ไป
จำเลยเจตนาจะลักตะเกียงท้ายรถยนต์ของผู้เสียหาย จึงไขตะปูควงตะเกียงท้ายรถยนต์ จนตะเกียงหลุดจากท้ายรถแล้วดวงหนึ่ง อีกดวงหนึ่งยังไม่หลุดดังนี้ถือว่าจำเลยกระทำการจนตะเกียงหลุดเคลื่อนออกไปจากท้ายรถแล้วเรียกได้ว่าเป็นการเอาทรัพย์ไป เป็นความผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จแล้วส่วนหนึ่ง แม้ทรัพย์สิ่งอื่นจะยังเอาไปไม่สำเร็จก็ตาม(อ้างฎีกาที่ 999/2485)
โจทก์ยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ (ในข้อเท็จจริง) ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอ้างว่า ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220โจทก์จึงทำฎีกามายื่นในวันรุ่งขึ้นใหม่อีกครั้งเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายดังนี้เมื่อมายื่นภายในอายุความฎีกา, ศาลชั้นต้นสั่งรับไว้ได้
โจทก์ยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ (ในข้อเท็จจริง) ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอ้างว่า ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220โจทก์จึงทำฎีกามายื่นในวันรุ่งขึ้นใหม่อีกครั้งเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายดังนี้เมื่อมายื่นภายในอายุความฎีกา, ศาลชั้นต้นสั่งรับไว้ได้