พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,190 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 194/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงโทษจากลักทรัพย์เป็นรับของโจรในชั้นอุทธรณ์ ทำให้จำกัดสิทธิในการฎีกาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปีฐานลักทรัพย์ศาลอุทธรณ์แก้ให้ลงโทษ 1 เดือนฐานรับของโจร แม้จะเป็นการแก้มาก ก็จะฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 220
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 182/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายสุราและการไม่ปฏิบัติตามสัญญาของผู้ขายส่ง
จำเลยทำสัญญากับโจทก์รับจะจัดการนำสุราไปขายยัง 4 จังหวัดซึ่งเป็นเขตที่โจทก์ได้รับอนุญาตมาให้เป็นผู้ขายส่งสุรา แต่โจทก์ไม่จัดการออกใบขนสุราให้จำเลย และไม่จัดการขออนุญาตตั้งร้านค้าช่วงและผู้รับช่วงจำหน่ายในจังหวัดนั้นๆ ให้จำเลย ซึ่งโจทก์เท่านั้นเป็นผู้มีอำนาจขออนุญาต จำเลยจะเป็นผู้ขออนุญาตไม่ได้ จำเลยจึงไม่ได้นำสุราไปขายยังจังหวัดนั้นๆ เป็นเหตุให้โจทก์ถูกโรงงานปรับดังนี้ เป็นเรื่องโจทก์มิได้จัดการในกรณีที่อยู่ในอำนาจของตัวเพื่อให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาโดยชอบ โจทก์ย่อมไม่มีสิทธิฟ้องหาว่าจำเลยทำผิดสัญญาและเรียกให้จำเลยชดใช้ค่าปรับที่โจทก์เสียไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 182/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายสุรา: โจทก์มีหน้าที่จัดการขออนุญาตก่อน หากไม่จัดการ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าปรับจากจำเลย
จำเลยทำสัญญากับโจทก์รับจะจัดการนำสุราไปขายยัง 4 จังหวัด ซึ่งเป็นเขตต์ที่โจทก์ได้รับอนุญาตมาให้เป็นผู้ขายส่งสุรา แต่โจทก์ไม่จัดการออกใบขนสุราให้จำเลยและไม่จัดการขออนุญาตตั้งร้านค้าช่วงและผู้รับช่วงจำหน่ายในจังหวัดนั้น ๆให้จำเลย ซึ่งโจทก์เท่านั้นเป็นผู้มีอำนาจขออนุญาต จำเลยจะเป็นผู้ขออนุญาตไม่ได้ จำเลยจึงไม่ได้นำสุราไปขายยังจังหวัดนั้น ๆ เป็นเหตุให้โจทก์ถูกโรงงานปรับดังนี้ เป็นเรื่องโจทก์มิได้จัดการในกรณีที่อยู่ในอำนาจของตัวเพื่อให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาโดยชอบโจทก์ย่อมไม่มีสิทธิฟ้องหาว่าจำเลยทำผิดสัญญาและเรียกให้จำเลยชดใช้ค่าปรับที่โจทก์เสียไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 179/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งส่วนทรัพย์สินในคดีเรียกร้องทรัพย์สิน: ศาลต้องมีข้อเท็จจริงชัดเจนก่อนแบ่ง
มาตรา 142(2) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่บัญญัติว่า ในคดีที่โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์ใดใดเป็นของตนทั้งหมด แต่พิจารณาได้ความว่า โจทก์ควรได้แต่ส่วนแบ่ง เมื่อศาลเห็นสมควร ศาลจะพิพากษาให้โจทก์ได้รับแต่ส่วนแบ่งนั้นก็ได้ นั้นถ้าข้อเท็จจริงในคดีนั้นยังไม่ชัดเจนพอที่จะให้แบ่งส่วนกันออกไปอย่างไรแล้วศาลก็ไม่อาจแบ่งให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 179/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งมรดก: ศาลไม่อาจแบ่งทรัพย์สินหากข้อเท็จจริงยังไม่ชัดเจนเพียงพอ
มาตรา 142(2) แห่ง ป.ม.วิ.แพ่งที่บัญญัติว่า ในคดีที่โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์ใดใดเป็นของตนทั้งหมด แต่พิจารณาได้ความว่า โจทก์ควรได้แต่ส่วนแบ่ง เมื่อศาลเห็นสมควร ศาลจะพิพากษาให้โจทก์ได้รับแต่ส่วนแบ่งนั้นก็ได้ นั้น ถ้าข้อเท็จจริงในคดีนั้นยังไม่ชัดเจนพอที่จะให้แบ่งส่วนกันออกไปอย่างไรแล้วศาลก็ไม่อาจแบ่งให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสั่งจ่ายสินบลนำจับจากค่าปรับคดีฆ่าสัตว์โดยผิดกฎหมาย
ในกรณีที่จำเลยฆ่ากระบือโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นผิดตาม พ.ร.บ.อากรฆ่าสัตว์ นั้นอัยการมีอำนาจขอให้ศาลสั่งจ่ายสินบลแก่ผู้แจ้งความรับสินบลนำจับมาในฟ้องได้ และเป็นหน้าที่ของศาลจะต้องสั่งแบ่งค่าปรับให้เป็นส่วนค่าสินบลนำจับไว้ตามมาตรา 3 ตอนท้าย แห่ง พ.ร.บ.อากรฆ่าสัตว์ ( ฉบับที่3 ) พ.ศ. 2490
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการรับสินบนนำจับในคดีความผิดพ.ร.บ.อากรฆ่าสัตว์: ศาลมีหน้าที่สั่งแบ่งค่าปรับเป็นสินบน
ในกรณีที่จำเลยฆ่ากระบือโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นผิดตามพ.ร.บ.อากรฆ่าสัตว์ นั้นอัยการมีอำนาจขอให้ศาลสั่งจ่ายสินบนแก่ผู้แจ้งความรับสินบนนำจับมาในฟ้องได้และเป็นหน้าที่ของศาลจะต้องสั่งแบ่งค่าปรับให้เป็นส่วนค่าสินบนนำจับไว้ตามมาตรา 3 ตอนท้าย แห่งพ.ร.บ.อากรฆ่าสัตว์(ฉบับที่ 3) พ.ศ.2490
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 112/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจการริบของกลางในคดี พ.ร.บ.ยาสูบ ศาลอุทธรณ์แก้ไขคำพิพากษา
ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับจำเลยตาม พ.ร.บ.ยาสูบเป็นเงินไม่เกินพันบาทและให้ริบของกลางจำเลยอุทธรณ์ขอให้คืนของกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้คืนของกลาง ดังนี้ โจทก์จะฎีกาขอให้ริบของกลางไม่ได้ เพราะข้อที่จะควรริบยาสูบของกลางหรือไม่เป็นดุลพินิจซึ่งเป็นข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 112/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนของกลางในคดีพ.ร.บ.ยาสูบ: ศาลอุทธรณ์มีอำนาจแก้คำพิพากษาให้คืนของกลางได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาปรับจำเลยตาม พ.ร.บ.ยาสูบเป็นเงินไม่เกินพันบาท และให้ริบของกลาง จำเลยอุทธรณ์ขอให้คืนของกลางศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้คืนของกลาง ดังนี้ โจทก์จะฎีกาขอให้ริบของกลางไม่ได้เพราะข้อที่จะควรริบยาสูบของกลางหรือไม่เป็นดุลยพินิจซึ่งเป็นข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 78/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระหนี้ค่าเสียหายจากการละเมิดด้วยการมอบกระบือ และการละเมิดสิทธิยึดถือครอบครอง
กระบือของจำเลยขวิดกระบือโจทก์ขาหักพิการ ใช้งานไม่ได้
โจทก์จำเลยตกลงกันโดยจำเลยเอากระบือเมียให้แก่โจทก์ 1 ตัวเป็นค่าเสียหาย การที่จำเลยมอบกระบือเมีย 1 ตัวแก่โจทก์นี้ ถือได้ว่าจำเลยได้ชำระหนี้อันเกิดจากการละเมิดให้โจทก์เป็นการปฏิบัติต่อกันเลยขั้นที่จะถือว่าทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อกันไปแล้วจึงไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือก็ใช้ได้ ฉะนั้นเมื่อจำเลยกลับไปเอากระบือนั้นมาเสียจากการยึดถือครอบครองของโจทก์ ก็นับว่าจำเลยได้ทำละเมิดสิทธิยึดถือครอบครองของโจทก์ขึ้นอีกโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยให้คืนกระบือนั้นหรือใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ได้
โจทก์จำเลยตกลงกันโดยจำเลยเอากระบือเมียให้แก่โจทก์ 1 ตัวเป็นค่าเสียหาย การที่จำเลยมอบกระบือเมีย 1 ตัวแก่โจทก์นี้ ถือได้ว่าจำเลยได้ชำระหนี้อันเกิดจากการละเมิดให้โจทก์เป็นการปฏิบัติต่อกันเลยขั้นที่จะถือว่าทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อกันไปแล้วจึงไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือก็ใช้ได้ ฉะนั้นเมื่อจำเลยกลับไปเอากระบือนั้นมาเสียจากการยึดถือครอบครองของโจทก์ ก็นับว่าจำเลยได้ทำละเมิดสิทธิยึดถือครอบครองของโจทก์ขึ้นอีกโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยให้คืนกระบือนั้นหรือใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ได้