คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
นาถปริญญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,190 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1679/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนลักษณะการครอบครองจากทำกินต่างดอกเบี้ยเป็นครอบครองเพื่อตน ต้องบอกกล่าวเจ้าของที่ดิน
ผู้ครอบครองยึดถือที่ดินทำกินต่างดอกเบี้ยเงินกู้นั้นถือว่าอยู่ในฐานะเป็นผู้แทนเจ้าของที่ดิน เมื่อจะเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองเป็นการยึดถือเพื่อตน ก็จะต้องบอกกล่าวไปยังเจ้าของที่ดินก่อน
ผู้ครอบครองที่ดินทำกินต่างดอกเบี้ยเงินกู้ ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าตนเป็นเจ้าของที่ดินนั้น โดยอ้างว่าภายหลังตนได้ปกครองที่ดินอย่างเปิดเผยโดยเจตนาเป็นเจ้าของมาเกิน11 ปีแล้ว แต่ไม่ได้บรรยายในฟ้องว่า ตนได้บอกกล่าวให้ฝ่ายเจ้าของที่ดินทราบถึงการเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือแล้ว ดังนี้ ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องเสียได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1673-1674/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสอบสวนที่ชอบด้วยกฎหมาย แม้พยานและจำเลยต่างอยู่ในจังหวัดที่แตกต่างกัน
พยานโจทก์ซึ่งเป็นตำรวจจับผู้เล่นการพะนันแล้วต่างก็เขียนคำให้การของตนส่งให้กรมการอำเภอเจ้าของที่ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้ทำการสอบสวนแล้วพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบสวนต่อไป มีถามจดคำให้การของผู้ต้องหาเสร็จแล้วส่งเรื่องให้อัยการดังนี้ ถือได้ว่ามีการสอบสวนชอบด้วยกฎหมายแล้ว
(อ้างฎีกาที่ 516/2481)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1673-1674/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสอบสวนที่ชอบด้วยกฎหมาย: ตำรวจจับกุมและส่งคำให้การให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี
พยานโจทก์ซึ่งเป็นตำรวจจับผู้เล่นการพนันแล้ว ต่างก็เขียนคำให้การของตนส่งให้กรมการอำเภอเจ้าของที่ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้ทำการสอบสวน แล้วพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการสอบสวนต่อไป มีถาม จดคำให้การของผู้ต้องหาเสร็จแล้วส่งเรื่องให้อัยการ ดังนี้ ถือได้ว่ามีการสอบสวนชอบด้วยกฎหมายแล้ว (อ้างฎีกาที่ 516/2481)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1635/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉุดคร่าห์อนาจาร แม้มีเจตนาแต่งงานก็ผิด, สมรู้ร่วมคิดช่วยกระทำความผิด และการกระทำอนาจารในที่สาธารณะ
ชายฉุดคร่าห์หญิงไปแม้จะมีเจตนาเอาไปเป็นภริยาก็หาเป็นเหตุให้พ้นผิดฐานฉุดคร่าห์อนาจารตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 276 ไม่
ชายฉุดคร่าห์หญิงขึ้นเรือนแล้วจะเอาเข้าห้อง หญิงดิ้นไม่ยอมเข้าห้องจำเลยไปช่วยเขาผลักดันให้หญิงเข้าไปในห้องดังนี้ศาลอุทธรณ์ลงโทษฐานสมรู้ช่วยเหลือ อุปการะแก่ผู้ชายผู้กระทำผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 246, 65 จำเลยฝ่ายเดียวฎีกา ศาลฎีกาพิพากษายืน
ชายจับมือถือแขนหญิงในที่สาธารณะสถานแม้จะจับด้วยความรักใคร่ ก็มีผิดฐานกระทำอนาจารตามมาตรา 246
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 276 จำคุก 3 เดือน ศาลอุทธรณ์แก้ว่าจำเลยผิดตามมาตรา 276 ด้วยให้จำคุก 9 เดือน แม้จะถือว่าเป็นการแก้มาก แต่คงลงโทษไม่เกิน 1 ปี ต้องห้ามไม่ให้ฎีกาในข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1635/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉุดคร่าอนาจาร แม้มีเจตนาขอเป็นภริยา ก็ยังเป็นความผิดตามกฎหมาย, สมรู้ร่วมคิดช่วยเหลือมีความผิดด้วย
ชายฉุดคร่าหญิงไป แม้จะมีเจตนาเอาไปเป็นภริยาก็หาเป็นเหตุให้พ้นผิดฐานฉุดคร่าอนาจารตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 276 ไม่
ชายฉุดคร่าหญิงขึ้นเรือนแล้วจะเอาเข้าห้อง หญิงดิ้นไม่ยอมเข้าห้อง จำเลยไปช่วยเขาผลักดันให้หญิงเข้าไปในห้อง ดังนี้ ศาลอุทธรณ์ลงโทษฐานสมรู้ช่วยเหลืออุปการะแก่ผู้ชายผู้กระทำผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 276,65 จำเลยฝ่ายเดียวฎีกา ศาลฎีกาพิพากษายืน
ชายจับมือถือแขนหญิงในที่สาธารณะสถานแม้จะจับด้วยความรักใคร่ ก็มีผิดฐานกระทำอนาจารตามมาตรา 246
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 214 แต่ไม่ผิดตามมาตรา 276 จำคุก 3 เดือนศาลอุทธรณ์แก้ว่าจำเลยผิดตามมาตรา 276 ด้วยให้จำคุก 9 เดือน แม้จะถือว่าเป็นการแก้มาก แต่คงลงโทษ ไม่เกิน1 ปี ต้องห้ามไม่ให้ฎีกาในข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1565/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินโดยเจตนาฉ้อโกง: การสมยอมเพื่อหลีกเลี่ยงสัญญาเดิม
สัญญาจะขายที่ดินแก่เขาแล้วกลับเอาไปขายแก่คนอื่นเสียเมื่อปรากฎว่าคนซื้อภายหลังนี้ทราบอยู่ก่อนแล้วว่าผู้ขาย ได้ตกลงจะขายที่นี้แก่ผู้ซื้อคนแรก ทั้งตนเองก็ยังได้เคยขอซื้อต่อจากเขาแต่เขาไม่ขายให้เช่นนี้ดังนี้ย่อมฟังได้ว่าการซื้อขายรายหลังนี้เป็นการสมยอม เพื่อฉ้อโกงผู้ซื้อ ผู้ซื้อย่อมฟ้องให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนนี้และบังคับให้ผู้ขายโอนขายที่นี้แก่เขากับให้ผู้ซื้อรายหลังใช้ค่าเสียหายแก่เขาอีกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1565/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินโดยเจตนาฉ้อโกง ผู้ซื้อรายแรกมีสิทธิฟ้องเพิกถอนนิติกรรมและการเรียกร้องค่าเสียหาย
สัญญาจะขายที่ดินแก่เขาแล้ว กลับเอาไปขายแก่คนอื่นเสีย เมื่อปรากฏว่า คนซื้อภายหลังนี้ทราบอยู่ก่อนแล้วว่าผู้ขายได้ตกลงจะขายที่นี้แก่ผู้ซื้อคนแรก ทั้งตนเองก็ยังได้เคยขอซื้อต่อจากเขา แต่เขาไม่ขายให้เช่นนี้ ดังนี้ย่อมฟังได้ว่าการซื้อขายรายหลังนี้ เป็นการสมยอมเพื่อฉ้อโกงผู้ซื้อ ผู้ซื้อย่อมฟ้องให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนนี้ และบังคับให้ผู้ขายโอนขายที่นี้แก่เขา กับให้ผู้ซื้อรายหลังใช้ค่าเสียหายแก่เขาอีกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1564/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อัยการไม่มีอำนาจฟ้องแทนเด็กเมื่อไม่ใช่ผู้บุพการี คดีอุทลุม
ป้าไม่ใช่บุพการีของเด็ก อัยการจึงไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องป้าแทนเด็กรวมเข้ามาในคดีอุทลุมที่อัยการฟ้องย่าของเด็ก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1564/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อัยการไม่มีอำนาจฟ้องแทนเด็ก หากไม่ใช่ผู้บุพการี
ป้าไม่ใช่เป็นผู้บุพการีของเด็ก อัยการจึ่งไม่มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องป้าแทนเด็กรวมเข้ามาในคดีอุทลุมที่อัยการฟ้องย่าของเด็ก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1553/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: ประเด็นกรรมสิทธิ์ที่ดินที่เคยตัดสินเด็ดขาดแล้ว
คดีเรื่องก่อนจำเลยฟ้องโจทก์อ้างว่าที่ดินเป็นของจำเลย โจทก์ต่อสู้ว่าที่ดินเป็นของโจทก์ ศาลฎีกาตัดสินว่าที่ดินเป็นของจำเลย คดีเสร็จเด็ดขาดแล้วโจทก์มาฟ้องคดีใหม่อ้างว่าที่ดินเป็นของโจทก์มอบให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ย เป็นการฟ้องตั้งประเด็นว่าที่ดินเป็นของโจทก์อันเป็นประเด็นข้อสำคัญอย่างเดียวกับคดีก่อนนั่นเอง จึงเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 148
of 119