พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,190 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1388-1389/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าต้องประเมินจากอำนาจทำร้ายของอาวุธ ปืนทำเองอำนาจเบา ไม่ถึงแก่ชีวิต ไม่เป็นความผิดพยายามฆ่า
จำเลยใช้ปืนทำเองลำกล้องทำด้วยไม้ อัดกระสุนทางปากกระบอกยิงด้วยแก๊ปโดยใช้สายยางเหนี่ยวไกให้สับแก๊ป ยิงผู้เสียหายในระยะ 6 ศอกผู้เสียหายมีบาดแผลเพียงเป็นรูกลมรัศมี 6 ม.ม. ลึก 4 ม.ม. 3 แห่ง จำเลยรู้ดีว่า ไม่อาจทำให้ถึงตายได้ ฟังไม่ได้ว่ามีเจตนาฆ่า ไม่เป็นความผิดฐานฆ่าคนตามมาตรา 249,60 แต่เป็นผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา 254 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1385/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษกักกันผู้กระทำผิดซ้ำ ระยะเวลาระหว่างความผิดมีผลต่อการพิจารณา
จำเลยรับโทษจำคุกฐานลักทรัพย์ 45 วัน ต่อมา 6 ปีเศษต้องโทษฐานทำร้ายต่อทรัพย์และทำร้ายร่างราย 1 เดือน ต่อมา 13 ปีเศษจึงมาต้องโทษครั้งหลังฐานทำร้ายร่างกาย ดังนี้ย่อมถือได้ว่าการกระทำผิดของจำเลยเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ และมีระยะเวลาห่างไกลกันยังไม่ควรลงโทษกักกันจำเลย
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 4 เดือนและให้ส่งไปกักกัน 3 ปีศาลอุทธรณ์ให้ยกโทษกักกัน ดังนี้ โจทก์ฎีกาในเรื่องขอให้ลงโทษกักกันได้
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 4 เดือนและให้ส่งไปกักกัน 3 ปีศาลอุทธรณ์ให้ยกโทษกักกัน ดังนี้ โจทก์ฎีกาในเรื่องขอให้ลงโทษกักกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1385/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาโทษกักกันสำหรับผู้กระทำผิดซ้ำที่มีระยะเวลาระหว่างความผิดนาน และความผิดไม่ร้ายแรง
จำเลยรับโทษจำคุกฐานลักทรัพย์ 45 วัน ต่อมา 6 ปีเศษต้องโทษฐานทำร้ายต่อทรัพย์และทำร้ายร่างกาย 1 เดือน ต่อมา 13 ปีเศษจึงมาต้องโทษครั้งหลังฐานทำร้ายร่างกาย ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าการกระทำผิดของจำเลยเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆและมีระยะเวลาห่างไกลกัน ยังไม่ควรลงโทษกักกันจำเลย
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 4 เดือนและให้ส่งไปกักกัน 3 ปี ศาลอุทธรณ์ให้ยกโทษกักกัน ดังนี้ โจทก์ฎีกาในเรื่องขอให้ลงโทษกักกันได้
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 4 เดือนและให้ส่งไปกักกัน 3 ปี ศาลอุทธรณ์ให้ยกโทษกักกัน ดังนี้ โจทก์ฎีกาในเรื่องขอให้ลงโทษกักกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1376/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตและการมีปืนไว้นอกบัญชีของผู้ค้าอาวุธปืน
ผู้ได้รับอนุญาตให้ค้าอาวุธปืน รับซื้อปืนจากเจ้าของผู้ได้รับอนุญาตให้มีไว้โดยชอบด้วยกฎหมายแล้วเมื่อชำระเงินกันเสร็จแล้วรับปืนที่ซื้อนั้นไว้ ในร้านแล้วดำเนินการทำคำร้องขออนุญาตโอนต่อนายทะเบียนแต่ถูกเจ้าพนักงานจับปืนราย+เสียก่อน ต่อมาจึงได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมตำรวจให้โอนได้ ดังนี้ย่อมถือว่าผู้รับซื้อ "มี" ปืนไว้ในความครอบครอง โดยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ก่อน มีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ 2490 มาตรา 7, 72 และ+ผิดฐานมีปืนไว้นอกบัญชีตาม+กำหนดไว้ในกฎกระทรวงตามมาตรา 28, 81 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1376/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตของผู้ได้รับอนุญาตค้าอาวุธปืน และการไม่แจ้งบัญชีอาวุธปืน
ผู้ได้รับอนุญาตให้ค้าอาวุธปืน รับซื้อปืนจากเจ้าของผู้ได้รับอนุญาตให้มีไว้โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว เมื่อชำระเงินกันเสร็จแล้วก็รับปืนที่ซื้อนั้นไว้ในร้านแล้วดำเนินการทำคำร้องขออนุญาตโอนต่อนายทะเบียนแต่ถูกเจ้าพนักงานจับปืนรายนี้เสียก่อน ต่อมาจึงได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมตำรวจให้โอนได้ ดังนี้ ย่อมถือว่า ผู้รับซื้อ "มี" ปืนไว้ในความครอบครอง โดยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ก่อน มีความผิดตามพ.ร.บ.อาวุธปืนฯ 2490 มาตรา 7,72 และมีผิดฐานมีปืนไว้นอกบัญชีตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงตามมาตรา 28,81 ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1375/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนเกินกว่าเหตุ: การใช้กำลังป้องกันต้องสมส่วนกับภัยอันตรายที่ถูกคุกคาม
ผู้ตายเมาสุราขึ้นไปก่อเหตุบนเรือนของจำเลย และใช้ขวดเหล้าใช้ไม้รุกไล่ตีจำเลย จำเลยจึงเอามีดที่ใช้สับเปลือกไม้กินหมากอยู่ในมือแทงตอบไป ย่อมฟังได้ว่าจำเลยทำการป้องกันตามกฎหมาย แต่ปรากฏว่าไม้ที่ผู้ตายใช้ตี เป็นเพียงไม้ไผ่ ถึงตีถูกก็ปรากฏว่าเพียงแต่ทำให้ฟกช้ำเท่านั้น การที่จำเลยใช้มีดมีคมปลายแหลมยาวคืบเศษแทงผู้ตายตรงหน้าอกโดยแรง มีดเข้าเนื้อทะลุในและแทงปักเข้าที่ซอกคออีกทีหนึ่ง จนลึกทะลุใน เป็นผลให้ผู้ตายล้มลงขาดใจตายโดยทันทีหรือเกือบจะทันทีเช่นนี้ ย่อมเป็นที่เห็นได้ว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุต้องมีโทษตามมาตรา 249,53
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1373/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตคำว่า 'หมอความ' ตามมาตรา 165(15) และการคิดอายุความค่าป่วยการที่ปรึกษากฎหมาย
"หมอความ" ตามมาตรา 165(15) นั้น ย่อมหมายถึงบุคคลผู้ถือเป็นอาชีพ หรือแสดงออกว่าเป็นผู้มีความรู้เพื่อรับจ้างในการใช้วิชากฎหมายโดยทั่วๆ ไป ที่ปรึกษากฎหมายจึงเป็นหมอความตามความหมายของมาตรา 165(15) ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1373/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตคำว่า 'หมอความ' ตามมาตรา 165(15) ครอบคลุมถึงที่ปรึกษากฎหมาย และอายุความในการเรียกร้องค่าจ้าง
"หมอความ"ตามมาตรา 165(15)นั้น ย่อมหมายถึงบุคคลผู้ถือเป็นอาชีพ หรือแสดงออกว่าเป็นผู้มีความรู้เพื่อรับจ้างในการใช้วิชากฎหมายโดยทั่วๆ ไปที่ปรึกษากฎหมายจึงเป็นหมอความตามความหมายของมาตรา 165(15) ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1367/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขายสลากพร้อมของรางวัล (สายสร้อย) ถือเป็นการเล่นพนันตาม พ.ร.บ.การพนัน
จำเลยเอาสายสร้อยของกลางออกแสดงแก่บุคคลทั่วไปว่าใครซื้อสลากและสลากถูกรางวัลที่ 1 จำเลยจะให้สายสร้อยทองของกลางแก่ผู้นั้น จึงมีคนอื่นซื้อสลากจากจำเลยโดยเสี่ยงโชคหวังจะได้สายสร้อยของกลาง ดังนี้ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้เอาสายสร้อยของกลางออกเป็นทรัพย์สินพะนัน เพื่อใช้ให้แก่ผู้ถูกสลากรางวัลที่ 1 และในกรณีเช่นนี้ถือได้ว่าสถานที่ที่เล่นซื้อขายสลากกันนั้นเองเป็นวงเล่นตามความหมายของ พ.ร.บ.การพะนัน 2478 มาตรา 10
(ประชุมใหญ่)
(ประชุมใหญ่)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1367/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดให้มีการเล่นพนันสลากและการริบทรัพย์สินที่ใช้ในการพนัน
จำเลยเอาสายสร้อยของกลางออกแสดงแก่บุคคลทั่วไปว่า ใครซื้อสลากและสลากถูกรางวัลที่ 1 จำเลยจะให้สายสร้อยทองของกลางแก่ผู้นั้น จึงมีคนอื่นซื้อสลากจากจำเลยโดยเสี่ยงโชคหวังจะได้สายสร้อยของกลาง ดังนี้ ย่อมถือได้ว่า จำเลยได้เอาสายสร้อยของกลางออกเป็นทรัพย์สินพนันเพื่อใช้ให้แก่ผู้ถูกสลากรางวัลที่ 1 และในกรณีเช่นนี้ถือได้ว่าสถานที่ที่เล่นซื้อขายสลากกันนั้นเองเป็นวงเล่นตามความหมายของ พ.ร.บ.การพนัน 2478 มาตรา 10 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 19/2493)