คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
นาถปริญญา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,190 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 867/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่า การชำระเงินกินเปล่าตามสัญญา และผลของการบอกเลิกสัญญา
ข้อความในสัญญาจะเช่ามีว่าถ้าผู้ให้เช่าส่งมอบห้องเช่าให้ผู้เช่าได้ก่อน กำหนดบ้างแล้วผู้เช่าจะชำระเงินกินเปล่าที่ค้างอีกครึ่งหนึ่งให้ ดังนี้ เมื่อผู้ให้เช่าได้จัดการส่งมอบห้องเช่าบางห้องให้ผู้เช่าอยู่ได้ก่อนกำหนดแล้ว ผู้เช่าก็ต้องชำระเงินกินเปล่าอีกครึ่งหนึ่งแก่ผู้ให้เช่าตามที่สัญญาไว้
ทำสัญญาให้เช่าเคหะโดยเรียกกินเปล่าโดยตอนเริ่มแรกเช่านั้น ไม่ใช่เป็นการเรียกเงินค่ากินเปล่าอันเป็นการพิ่มค่าเช่า จึงไม่ขัดกับ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า 2488 มาตรา 10,11
ศาลชั้นต้นกะประเด็นให้สืบพยานเฉพาะประเด็นข้อเดียวจำเลยประสงค์จะสืบพยานในประเด็นข้ออื่น แต่ก็หาได้โต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นไว้ตาม ป.วิ.แพ่งม.226 จำเลยจะมาโต้แย้งในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกาไม่ได้ จะขอสืบพยานในข้อนี้ก็ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 865/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้จากการนำเงินส่วนแบ่งมรดกไปใช้ และหลักฐานการกู้ยืมเงิน
จำเลยได้ลงชื่อไว้ในรายงานแบ่งทรัพย์ของเจ้าพนักงานแบ่งทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีของศาล รับรองว่าจำเลยได้เอาเงินส่วนได้ของโจทก์ไปใช้ค่าที่ดินที่จำเลยประมูลได้ หากจะว่าเป็นการกู้ยืมเงินก็เป็นหลักฐานเพียงพอตามความประสงค์ของ ป.ม.แพ่งฯมาตรา 653 แล้วโจทก์ใช้หลักฐานนี้ ฟ้องเรียกเงินคืนจากจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 865/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้จากการใช้เงินส่วนแบ่งทรัพย์มรดก รายงานการแบ่งทรัพย์ใช้เป็นหลักฐานได้
จำเลยได้ลงชื่อไว้ในรายงานการแบ่งทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีของศาล รับรองว่าจำเลยได้เอาเงินส่วนได้ของโจทก์ไปใช้ค่าที่ดินที่จำเลยประมูลได้ หากจะว่าเป็นการกู้ยืมเงินก็เป็นหลักฐานเพียงพอตามความประสงค์ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 แล้ว โจทก์ใช้หลักฐานนี้ ฟ้องเรียกเงินคืนจากจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 858/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษจำเลยที่เคยต้องโทษและรอการลงอาญา การลงโทษซ้ำและการไม่พ้นโทษเดิม
ครั้งแรกจำเลยต้องโทษฐานทำร้ายร่างกาย ตาม ก.ม. ลักษณะอาญามาตรา 254 ศาลจำคุก 15 วัน ปรับ 20 บาท โทษจำคุกรอการลงอาญาไว้ครั้งที่สอง ต้องโทษฐานชิงทรัพย์แต่หลบหนีการควบคุม มากระทำผิดฐานชิงทรัพย์อีกเป็นครั้งที่สามได้ยกเอาโทษจำคุกที่รอไว้ในครั้งแรกมาลงแก่จำเลยด้วย แต่จำเลยก็ยังไม่ได้พ้นจากโทษจำคุกนั้นไปจึงจะเพิ่มโทษจำเลยตามมาตรา 72 ในความผิดครั้งที่สามไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 858/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษจำเลยในความผิดซ้ำ: โทษจำคุกรอการลงอาญาไม่ถือว่าพ้นโทษ
ครั้งแรกจำเลยต้องโทษฐานทำร้ายร่างกายตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 254 ศาลจำคุก 15 วัน ปรับ 20 บาท โทษจำคุกรอการลงอาญาไว้ครั้งที่สอง ต้องโทษฐานชิงทรัพย์แต่หลบหนีการควบคุม มากระทำผิดฐานชิงทรัพย์อีกเป็นครั้งที่สาม แม้ในการลงโทษครั้งที่ 2 นั้น ศาลได้ยกเอาโทษจำคุกที่รอไว้ในครั้งแรกมาลงแก่จำเลยด้วย แต่จำเลยก็ยังมิได้พ้นจากโทษจำคุกนั้นไปจึงจะเพิ่มโทษจำเลยตามมาตรา 72 ในความผิดครั้งที่สามไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 850/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์สถานะลูกหนี้ร่วม: จำเลยค้ำประกัน ย่อมไม่ต้องรับผิดชอบหนี้ทั้งหมด หากพิสูจน์ได้ว่าตนไม่ได้กู้ร่วม
เดิมเจ้าหนี้ฟ้องเรียกเงินกู้จากโจทก์จำเลย ซึ่งปรากฏตามหนังสือสัญญากู้ว่าเป็นผู้กู้ร่วมกัน ศาลพิพากษาให้โจทก์จำเลยร่วมกันรับผิดใช้เงินกู้รายนี้ โจทก์ใช้เงินไปผู้เดียวทั้งหมด แล้วมาฟ้องเรียกเงินจากจำเลยครึ่งหนึ่ง ดังนี้ จำเลยย่อมต่อสู้ได้ว่า ความจริงจำเลยเป็นแต่ผู้ค้ำประกันมิใช่เป็นผู้กู้ร่วมกับโจทก์ โจทก์หามีสิทธิเรียกให้จำเลยใช้เงินจำนวนนี้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 850/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ค้ำประกันไม่ต้องรับผิดใช้หนี้หากพิสูจน์ได้ว่าตนเองเป็นเพียงผู้ค้ำประกัน ไม่ใช่ผู้กู้ร่วม
เดิมเจ้าหนี้ฟ้องเรียกเงินกู้จากโจทก์จำเลย ซึ่งปรากฏตามหนังสือสัญญากู้ว่าเป็นผู้กู้ร่วมกับศาลพิพากษาให้โจทก์จำเลยร่วมกันรับผิดใช้เงินกู้รายนี้โจทก์ใช้เงินไปผู้เดียวทั้งหมด แล้วมาฟ้องเรียกเงินจากจำเลยครึ่งหนึ่ง ดังนี้ จำเลยย่อมต่อสู้ได้ว่า ความจริงจำเลยเป็นแต่ผู้ค้ำประกันมิใช่เป็นผู้กู้ร่วมกับโจทก์ ๆ หามีสิทธิเรียกให้จำเลยใช้เงินจำนวนนี้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 847/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไต่สวนเหตุช้าไม่อยู่ในบังคับต้องยื่นบัญชีพยานล่วงหน้าตาม ป.วิ.แพ่ง
ในการไต่สวนกรณีที่ว่าจำเลยจงใจขาดนัดในวันนัดสืบพยานจำเลยหรือไม่ ไม่ใช่การสืบพยานในประเด็นแห่งคดี จำเลยไม่ต้องระบุพยานก่อนวันนัดไต่สวนไม่น้อยกว่า 3 วันตามมาตรา 88 ป.ม.วิ.แพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 847/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไต่สวนเหตุจำเลยมาศาลช้า ไม่ใช่การสืบพยานในประเด็นคดี จึงไม่ต้องยื่นบัญชีพยานล่วงหน้าตามมาตรา 88
ในการไต่สวนกรณีที่ว่าจำเลยจงใจขาดนัดในวันนัดสืบพยานจำเลยหรือไม่ ไม่ใช่การสืบพยานในประเด็นแห่งคดี จำเลยไม่ต้องระบุพยานก่อนวันนัดไต่สวนไม่น้อยกว่า 3 วันตามมาตรา 88 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 838/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบหักล้างเอกสารทางทะเบียน: กรณีตัวแทน/ตัวการ ย่อมนำสืบได้
คู่ความฝ่ายหนึ่งขอนำสืบว่า ความจริงที่โฉนดมีชื่ออีกฝ่ายหนึ่งเป็นเจ้าของ เพราะฝ่ายนั้นเป็นตัวแทนหรือลงนามแทนตนนั้น เป็นการนำสืบความจริงในระหว่างตัวแทนกับตัวการ หาใช่เป็นเรื่องนำสืบหักล้างเอกสารทางทะเบียนไม่ จึงย่อมนำสืบได้ และจะขอนำสืบถึงเอกสารที่อ้างว่าฝ่ายนั้นทำรับรองไว้ อันเป็นพยานหลักฐานว่า ฝ่ายนั้นเป็นตัวแทน ก็นำสืบได้ เช่นเดียวกัน
of 119