พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,190 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1247/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีพะนันต้องระบุผู้รับสินบลนำจับในฟ้อง มิฉะนั้นฟ้องไม่สมบูรณ์
ในคดีการพะนัน เมื่อได้มีผู้รับสินบลนำจับ โจทก์จะต้องกล่าวบรรยายในฟ้อง ด้วยว่า มีผู้รับสินบลนำจับ โจทก์ขอแต่ผลมาท้ายฟ้องของโจทก์ เรื่องเงินสินบลจึงไม่สมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1247/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีพนันและค่าสินบนนำจับ: ฟ้องต้องระบุผู้รับสินบน
ในคดีการพนัน เมื่อได้มีผู้รับสินบนนำจับ โจทก์จะต้องกล่าวบรรยายในฟ้องด้วยว่า มีผู้รับสินบนนำจับ โจทก์ขอแต่ผลมาท้ายฟ้องของโจทก์ เรื่องเงินสินบนจึงไม่สมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1241/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมีเครื่องมือทำเงินตราปลอม แม้ไม่ได้ลงมือทำเอง แต่ยินยอมให้ผู้อื่นกระทำ
จำเลยยินยอมให้ผู้อื่นนำเครื่องมือทำเงินตราปลอม มาทำในบ้านที่จำเลยดูแลรักษาเมื่อได้ประโยชน์มา ผู้นั้นแบ่งประโยชน์ให้แก่จำเลยบ้าง ดังนี้ เรียกได้ว่า จำเลยมีเครื่องมือทำเงินตราปลอม ร่วมกับผู้นั้นและมีความผิดด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1241/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมีเครื่องมือทำเงินตราปลอม แม้ไม่ได้ลงมือทำเอง แต่ยินยอมให้ผู้อื่นกระทำ
จำเลยยินยอมให้ผู้อื่นนำเครื่องมือทำเงินตราปลอม มาทำในบ้านที่จำเลยดูแลรักษา เมื่อได้ประโยชน์มา ผู้นั้นแบ่งประโยชน์ให้แก่จำเลยบ้าง ดังนี้ เรียกได้ว่าจำเลยมีเครื่องมือทำเงินตราปลอม ร่วมกับผู้นั้นและมีความผิดด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1204/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะขาย vs. สัญญาเช่าซื้อ: การวินิจฉัยจากลักษณะของสัญญาและข้อตกลง
โจทก์จำเลยได้ทำสัญญากันว่า จำเลยจะขายโรงเรือนพิพาทเป็นเงิน 42000 บาทแก่โจทก์ โดยจะไปโอนกรรมสิทธิกันตามกฎหมาย เมื่อได้ชำระเงินเสร็จแล้ว ในวันทำสัญญาชำระเงิน 12000 บาทภายในสิ้นเดือนกรกฎา, สิงหา, และกันยา ศกนั้น ชำระอีกงวดละหมื่นบาท และมีเงื่อนไขว่าถ้านายหมาจั๊วผู้เช่าไม่สามารถจะใช้เรือนโรงนี้ประกอบการค้าฝิ่นจนถึงสิ้นเดือนธันวาคมจำเลยจะยอมซื้อคืนด้วยราคาเดิม โดยระหว่างนั้นจำเลยถูกเจ้าของที่ฟ้องขับไล่เรือนโรงรายนี้อยู่ ดังนี้ สัญญานี้จึงเป็นสัญญาจะขาย ไม่ใช่สัญญาเช่าซื้อ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1204/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะขาย vs. สัญญาเช่าซื้อ: การโอนกรรมสิทธิ์เมื่อชำระเงินครบถ้วน
โจทก์จำเลยได้ทำสัญญากันว่า จำเลยจะขายโรงเรือนพิพาทเป็นเงิน 42000 บาทแก่โจทก์ โดยจะไปโอนกรรมสิทธิ์กันตามกฎหมาย เมื่อได้ชำระเงินเสร็จแล้ว ในวันทำสัญญาชำระเงิน 12000 บาทภายในสิ้นเดือนกรกฎา,สิงหา,และกันยาศกนั้น ชำระอีกงวดละหมื่นบาท และมีเงื่อนไขว่าถ้านายหมาจั๊วผู้เช่าไม่สามารถจะใช้เรือนโรงนี้ประกอบการค้าฝิ่นจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม จำเลยจะยอมซื้อคืนด้วยราคาเดิม โดยระหว่างนั้นจำเลยถูกเจ้าของที่ฟ้องขับไล่เรือนโรงรายนี้อยู่ ดังนี้ สัญญานี้จึงเป็นสัญญาจะขาย ไม่ใช่สัญญาเช่าซื้อ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1193/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การและการมีสิทธิฎีกาข้อยกเว้นตาม ป.วิ.แพ่ง
การที่ศาลล่างสั่งว่า จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การนั้น เท่ากับสั่งไม่รับคำให้การจำเลย คดีจึงปรับเข้าอยู่ใน ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 228(3) ประกอบด้วยมาตรา 18 วรรค 3 ซึ่งเป็นข้อยกเว้น ให้จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้.
จำเลยยื่นคำให้การพ้นกำหนดไป 2 วัน และยื่นคำร้องว่า การที่มิได้ยื่นคำให้การในกำหนด มิได้เป็นไปโดยจงใจ ดังนี้ ถือว่ามิได้มีพฤตติการณ์พิเศษแต่อย่างใด เป็นความผิดของจำเลยเอง
จำเลยยื่นคำให้การพ้นกำหนดไป 2 วัน และยื่นคำร้องว่า การที่มิได้ยื่นคำให้การในกำหนด มิได้เป็นไปโดยจงใจ ดังนี้ ถือว่ามิได้มีพฤตติการณ์พิเศษแต่อย่างใด เป็นความผิดของจำเลยเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1193/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดยื่นคำให้การ: สิทธิฎีกาข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
การที่ศาลล่างสั่งว่า จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การนั้นเท่ากับสั่งไม่รับคำให้การจำเลย คดีจึงปรับเข้าอยู่ใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 228(3) ประกอบด้วยมาตรา 18 วรรคสาม ซึ่งเป็นข้อยกเว้น ให้จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้
จำเลยยื่นคำให้การพ้นกำหนดไป 2 วัน และยื่นคำร้องว่า การที่มิได้ยื่นคำให้การในกำหนดมิได้เป็นไปโดยจงใจ ดังนี้ ถือว่ามิได้มีพฤติการณ์พิเศษแต่อย่างใด เป็นความผิดของจำเลยเอง
จำเลยยื่นคำให้การพ้นกำหนดไป 2 วัน และยื่นคำร้องว่า การที่มิได้ยื่นคำให้การในกำหนดมิได้เป็นไปโดยจงใจ ดังนี้ ถือว่ามิได้มีพฤติการณ์พิเศษแต่อย่างใด เป็นความผิดของจำเลยเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1191/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดยื่นคำให้การและการมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกา
การที่ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การเท่ากับสั่งไม่รับคำให้การจำเลย คดีจึงปรับเข้าอยู่ใน ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 228(3) ประกอบด้วยมาตรา 18 วรรค 3 ซึ่งเป็นข้อยกเว้นให้จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1191/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลที่ถือว่าเป็นการไม่รับคำให้การ ทำให้จำเลยมีสิทธิฎีกาได้ แม้คำสั่งนั้นจะเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา
การที่ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การเท่ากับสั่งไม่รับคำให้การจำเลยคดีจึงปรับเข้าอยู่ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 228(3) ประกอบด้วยมาตรา 18 วรรค 3 ซึ่งเป็นข้อยกเว้นให้จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาได้